เตือนภัยหญิง “เซ็กส์โฟน” อันตรายอย่างที่คาดไม่ถึง

 

 

 

เตือนภัยหญิง “เซ็กส์โฟน” อันตรายอย่างที่คาดไม่ถึง

 

 

คืนหนึ่งราว 5 ทุ่ม เสียงโทรศัพท์ที่บ้านดังขึ้น ดิฉันยกหูรับแล้วต้องตกใจสุดขีด เพราะว่ามันเป็นเสียงครางกระเส่าของผู้ชายคนหนึ่ง  “พี่คงจำผมไม่ได้หรอก ผมพบพี่เมื่อวานซืน พี่สวยสะดุดตาผมมาก ผมทนคิดถึงพี่ไม่ไหวเลยโทรมาหา”  ด้วยความที่อยากรู้ว่าเขาเป็นใครทำให้ดิฉันพูดตอบไป
      “เธอชื่ออะไรเหรอ พี่จำไม่ไ ด้จริงๆ แล้วเราเคยเจอกันที่ไหน”
      “ผมยุ้ยไงพี่ คนที่ตัวดำ ๆ ใส่หมวก ที่คุยกับพี่เยอะๆ วันนั้น ตอนนี้ผมโทรจากออฟฟิศ” 
      “อ๋อ พี่นึกออกแล้ว เธอนั่นเอง ทำไมมีอะไรเหรอ?”     
      เสียงนั้นเงียบไปครู่หนึ่ง…….      
      “พี่เป็นผู้หญิงเซ็กซี่มาก ผมว่าหน้าอกพี่คงใหญ่น่าดู
      ดิฉันเริ่มรู้สึกแปลกๆ ปนตื่นเต้น แบบนี้หรือเปล่านะที่เขาเรียกว่า “เซ็กส์-โฟน” ที่เพื่อนๆ เคยเล่าให้ฟัง แต่นี่ดิฉันอายุจะสี่สิบอยู่แล้ว แต่เพิ่งได้รับโทรศัพท์แบบนี้เป็นครั้งแรกก็เลยตื่นเต้นจนออกนอกหน้า เจ้าความอยากรู้อยากเห็นก็เลยทำให้ดิฉันพูดต่อไป
      “ก็ใหญ่เหมือนกันนะ พี่ว่าพี่เป็นคนหน้าอกสวยคนหนึ่งเลยละ”
      “พี่….(เสียงหายใจหอบ) ผมว่าพี่คงหวงหน้าอกพี่น่าดู แต่ผมอยากสัมผัสมันจังเลย”
      “ไม่ได้หรอก พี่มีสามีและก็มีลูกแล้วด้วย เธอเองก็เด็กกว่าพี่ตั้งเยอะ อย่าคิดแบบนั้นเลย”
      “แล้วพี่ได้ให้ลูกพี่ดูดนมพี่ด้วยหรือเปล่าล่ะ”
      “ดูดสิ เลี้ยงด้วยนมแม่ตลอดเลย”
      “แล้วนมของพี่ยังเต่งตึงอยู่หรือเปล่า”
      “เต่งตึงสิ สาวๆ สู้ไม่ได้เลย”
      ดิฉันแกล้งย้อน
      “พี่ฮะ ผมอยากดูดนมพี่”
      “อะไรนะ?”
      “ผมพูดจริงๆ นะ”
      ดิฉันเงียบเพราะอึ้งไป ใจหนึ่งนั้นอยากวางหูไปเลย แต่อีกใจหนึ่งก็อยากรู้ว่าเขาจะมาไม้ไหนต่อ
      “จะดูดได้ยังไง อยู่ไกลกันขนาดนั้น” ดิฉันแกล้งกระตุ้น
      เขารีบรุกทันที “ดูดได้สิพี่ ทางโทรศัพท์นี่แหละ..พี่ทำตามผมนะ ว่าแต่พี่พร้อมหรือเปล่าล่ะ”
      “ก็อยากจะลองดูเหมือนกัน”
      “ตอนนี้มีใครอยู่ในห้องนอนพี่หรือเปล่า”
      “ไม่มี พี่อยู่คนเดียว”
      “บนเตียง”
      “ใช่”
      เขาหายใจฟืดฟาดสองสามครั้ง
      “คราวนี้พี่ตอบผมนะ พี่นุ่งชุดนอนสีอะไร”
      “ชมพู”
      “ชมพูโปร่งบางแล้วมีลูกไม้ด้วยใช่ไหม”
      “ใช่  แหมพูดอย่างกะเห็นแน่ะ”
(ที่จริงใส่เสื้อเชิ้ตลายสก๊อตม่วงกับกางเกงขาสั้นดำลายดอก)
      “พี่นุ่งกางเกงในสีอะไร”
      “ขาว”
      (ดิฉันเคยอ่านเจอในหนังสือเจอว่าผู้ชายชอบผู้หญิงนุ่งกางเกงในสีขาว)
      “สีขาว อื้อฮือ..เป็นลูกไม้มั้ย”
      “มีสิ เป็นลูกไม้โปร่งทั้งตัวเลย เห็นทะลุไปหมด”
      (ที่จริงเป็นกางเกงในสีส้มตัวใหญ่ลายหมีพูห์ ซื้อจากตลาดนัด ห้าตัวร้อย)
      “พี่ใส่เสื้อยกทรงหรือเปล่า”
      “ใส่ประจำอยู่แล้ว ไม่ใส่หน้าอกก็ยานหมดสิ”
      “ดีแล้วพี่ สีอะไร แล้วเป็นลูกไม้หรือเปล่า”
      “สีขาว ก็ลูกไม้ชุดเดียวกันนั่นแหละ ของกี ลาโรช”
      (เสียงกลืนน้ำลาย)
      “พี่… พี่เอาผ้าห่มคลุมตัวไว้นะแล้วค่อยๆ ถอดชุดนอนออก ทำสิ”
      “อือ..ทำแล้ว ทำแล้ว…ตอนนี้ถอดชุดนอนแล้ว”
      “เอาล่ะ..ตอนนี้ถอดชุดชั้นในออกช้าๆ พี่ทำตามที่ผมบอกนะ”
      (ดิฉันนึกสนุก แต่ไม่ได้ทำตา มที่เขาบอกสักอย่าง ได้แต่ขยับผ้าไปมาให้มันมีเสียง)
      “ตอนนี้พี่เปลือยเปล่าหมดแล้วใช่ไหม…ตอบผม”
      “จ้ะ แต่รู้สึกหนาวจัง”
      “พี่ปรับแอร์ขึ้นอีกสิครับ แล้วพี่ทำตามที่ผมบอก มือซ้ายจับที่หน้าอกของพี่แล้วคลึงไปมา มือขวาพี่จับตรงส่วนนั้น ตรงตำแหน่งที่พี่รู้สึกไวที่สุด แล้วพี่ขยับมือไปเรื่อยๆ นะ อย่าหยุดแต่ให้ขยับเร็วขึ้นๆ ถี่ขึ้นๆ ทำสิ พี่ต้องส่งเสียงครางออกมาด้วย ใช่ อย่างนั้นล่ะ..ดังๆ”
      ดิฉันเขินก็เขิน ขำก็ขำ แต่ไอ้เจ้าความอยากรู้อยากเห็นว่าตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร ก็เลยต้องแสดงบทบาทต่อ พร้อมเสียงประกอบที่แสนจะสมจริง ซึ่งก็ได้ผลเพราะทางโน้นหายใจหอบถี่เหมือนกับเขากำลังประกอบกิจกรรมบางอย่างไปด้วย
      เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เขาคงเสร็จ-สมอารมณ์หมาย เขาถามฉันตรงๆ
      “พี่เสร็จไหม”
      “ไม่ ไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย พี่ไม่เคยรู้จักหรอกคำว่า เสร็จ มันเป็นอย่างไง”
      “กับสามีพี่ก็ไม่เสร็จเหรอ”
      “ใช่”
      “เอางี้พี่ พรุ่งนี้ดึก ๆ ผมจะโทรมาใหม่ แต่ว่าพี่ต้องใส่ชุดนอนเซ็กซี่ๆ บาง ๆ แบบนี้อีกนะ ผมจะมีวิธีช่วยให้พี่เสร็จได้ แต่พี่ต้องผ่อนคลายและทำตามผมทุกอย่างนะ”
      “โอเค พี่ก็อยากรู้เหมือนกันว่า ไอ้ที่เรียกว่าสวรรค์น่ะ มันเป็นยังไง  พรุ่งนี้ต้องโทรมาจริงๆ นะ”
      ดิฉันวางหูโทรศัพท์ไปพร้อมๆ กับความรู้สึกตื่นเต้น ที่ดิฉันนัดเขาให้โทรมาอีกพรุ่งนี้ก็เพื่อจะเตรียมอัดเทปไว้ วันนี้มันกะทันหันเกินไปเลยอัดไม่ทัน ดิฉันจะเอาไปเม้าท์อวดบรรดาเพื่อนสาวๆ วัยดึกของดิฉันว่า “เซ็กส์โฟน“ ที่ใครๆ ได้รับ  กันนั้น ดิฉันก็ได้รับกับเขาเหมือนกันนะจ๊ะ   ไม่ธรรมดาหรอก
      และแล้ว.. นายยุ้ยก็โทรมาจริงๆ  บทสนทนาใน “เซ็กส์โฟน“ คืนนี้ของเราเร่าร้อนและลามกยิ่งกว่าเมื่อคืนจนไม่อาจบรรยายได้ ดิฉันก็พลอยร่วมสนุกกับการ เสแสร้งอย่างสมจริงสมจังซะจนเขานึกว่าดิฉันมีอารมณ์ร่วมจริงๆ แต่สำหรับดิฉันแล้ว มันเหมือนเล่นละครวิทยุห่วยๆ ซึ่งดิฉันได้อัดเทปไว้ทั้งหมด แล้วเอามาเปิดให้เพื่อนฟัง หัวเราะกันเป็นที่สนุกสนาน
      ยุ้ยยังโทรมาเรื่อยๆ ตีสองบ้าง    ตีสามบ้าง มันช่างท้าทายให้ดิฉันอยากรู้อยากเห็นว่ายังจะมีอะไรมากไปกว่านี้อีกไหม ดิฉันเลยต้องวาดลวดลายคล้อยตามอย่างถึงพริกถึงขิงทุกครั้งไป ซึ่งทั้งหมดนั้นดิฉันแกล้งทำทั้งนั้น แถมมันคงแนบ-เนียนเกินไปหน่อย แต่หารู้ไหมว่าดิฉันได้ก่อความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงจากความพิเรน นึกสนุก ไม่เข้าท่าของดิฉันนั่นเอง
      ลูกชายคนโตของดิฉันอายุ 15 ปี เขาแอบฟังโทรศัพท์จากเครื่องที่พ่วงอยู่ข้างล่างมาตลอด
      ลูกผู้ซึ่งเคยชื่นชมที่แม่ของเขาเป็นกุลสตรี กลับมองแม่อย่างเคียดแค้นชิงชังว่าแม่เป็นผู้หญิงร่านสวาท ลักลอบ แอบคุยโทรศัพท์ลามกกับชู้ ซึ่งทั้งหมดนี้ ดิฉัน   ไม่เคยรู้เลยว่าเขาแอบฟัง
      สิ่งที่เขาแสดงออกก็คือรังเกียจแม่ ไม่พูดกับแม่ มองเห็นแม่เป็นผู้หญิงต่ำๆ พาลทำให้เขาไม่สนใจเรียน และคบเพื่อนเที่ยวเตร่ ไม่ยอมอยู่บ้าน เพราะเกลียดและขยะแขยง ไม่อยากจะเห็นหน้าแม่   พอแม่สอนก็เถียง พอแม่อธิบายให้ฟัง   ก็หาว่าแม่แก้ตั หน้าด้านๆ
      นอกจากนี้แล้ว เรื่องยังบานปลายออกไปอีก เมื่อเขาได้เอาเรื่องนี้ไปฟ้องพ่อ ดิฉันเลยถูกซ้อมอย่างหนักจนหน้าตา  ปูดบวม สามีเริ่มหวาดระแวง โรคประสาทกำเริบเพราะหึงหวง ดิฉันพยายามอธิบายแต่ก็ไม่มีใครเชื่อ ม้วนเทปที่เคยอัดไว้ เพื่อนก็แนะนำให้ลบทิ้งไปหมดเสียนานแล้ว เพราะหากปล่อยไว้จะเป็นภัยแก่ตัว ดิฉันจึงไม่เหลือหลักฐานอะไรไว้ชี้แจงเลย ซ้ำยังถูกสามีตราหน้าว่าเป็นนางโมรา กากี ทั้งๆ ที่ในชีวิตไม่เคยแม้แต่จะสัมผัสมือกับนายยุ้ยอะไรนั่นเลย
      ถึงตอนนี้ดิฉันได้แต่นั่งสมน้ำหน้า ตัวเองที่หาเหาใส่หัว หาเรื่องมัวหมองใส่ตัวเองโดยไม่ได้บอกให้คนในบ้านรู้ก่อน
     “แม่ผิดหรือที่แม่อยากรู้อยากเห็น เช่นปุถุชนทั่วไป”
      ผู้หญิงที่ครองตัวดีมาโดยตลอดอย่างดิฉัน ไม่น่าได้รับการลงโทษขนาดนี้เลย เพื่อนที่จะช่วยมาชี้แจงก็ไม่ถูกกับสามีดิฉัน แถมตอนนี้ เขาก็ย้ายไปอยู่ต่าง-จังหวัดแล้ว ทั้งหมดต้องเรียกว่า เป็นเวรเป็นกรรมของดิฉันเองแต่ผู้เดียวอย่างแท้จริง
      ทุกวันนี้ดิฉันถูกซ้อมจนต้องหย่า-ขาดกับสามี เพราะเขาไม่เคยยอมรับดิฉันเหมือนเดิมอีกเลย ส่วนนายยุ้ย ตัวการ     ก็ไปอยู่เมืองนอกแล้ว สิ่งหนึ่งที่ดิฉันขอพูด คือ ความจริง ที่ว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องแค่อยากเล่นสนุก เพราะความอยากรู้-อยากเห็นของดิฉันเท่านั้น ดิฉันไม่เคย    มีความสัมพันธ์กับนายยุ้ยจริงๆ เลยแม้แต่น้อย รู้จักกันแค่ผิวเผินในงานที่ต้องทำ  ร่วมกันเท่านั้น ไม่เคยนึกรัก แถมยังรู้สึกแปลกๆ พิลึกๆ ด้วยซ้ำไป ดิฉันมีรูปถ่ายมาย ืนยันด้วยว่าเขามีตัวตนจริงๆ แถมดิฉันรู้ชื่อและนามสกุลของเขาด้วย…แต่อย่าเปิดเผยเลย
      “นายยุ้ย.. ถ้านายได้กลับมา นายกล้าพอไหมที่จะเปิดเผยความจริงอย่างลูกผู้ชาย ให้ลูกชายของพี่ได้เข้าใจแม่ของเขาเสียที”
      ดิฉันไม่แคร์สามีหรอกเพราะเขาทำกับดิฉันเกินทน แต่ดิฉันแคร์ความรู้สึกของลูกมากกว่า เพราะนี่ผ่านมาเกือบห้าปีแล้ว แต่ลูกยังไม่ยอมพูดกับแม่หรือแม้แต่สบตากับแม่เลย สายตาของลูกมองแม่เหมือนแม่เป็นเศษขยะ เศษตมที่สกปรกเหม็นเน่าน่ารังเกียจ แม่อยากให้ลูกได้รู้ความจริง เชื่อคำสารภาพของแม่และเข้าใจว่าแม่คนนี้ของลูกไม่ได้เลวทรามเหมือนอย่างที่ลูกคิด…และกลับมาเรียก “แม่“     ยิ้มกับแม่ ให้แม่ได้ชื่นใจอีกสักครั้ง…เพียงแค่นี้ก็เหมือนเติมเต็มให้ชีวิตแม่แล้ว
นี่คือ “ความในใจจากใจแม่“
ดิฉันจะรอวันนั้น.. และหวังว่า  มันคงยังไม่สายเกินไป
 
ที่มา : http://autit.wordpress.com/
Credit: http://108thinks.blogspot.com/
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...