เข้มข้นในทุกๆ ด้านทั้งในส่วนของแอ็คชั่นบู๊แหลกในสไตล์ จาพนม ที่ไม่เคยทำให้แฟนๆ ผิดหวัง รวมไปถึงเนื้อหาของเรื่องราวอันเป็นจุดคลี่คลายนำไปสู่บทสรุปของตำนาน “องค์พระหน้าบาก” ที่ทุกคนรอคอย
ยืนยันมาว่างานนี้แฟนๆ “องค์บาก3” เตรียมพบกับหลากหลายความเซอร์ไพรส์ ที่ไม่เคยปรากฎในหนังของจาพนมเรื่องใดมาก่อน ทั้ง “นาฎยุทธ์” ศาสตร์ยุทธ์แห่งศิลปะการต่อสู้ ที่พระเอกแอ็คชั่นคิดค้นจากท่วงท่าการร่ายรำโขน รวมไปถึงการเผชิญหน้ากันของ 2 แอ็คชั่นเบอร์1 “จา-เดี่ยว”
แต่ที่เซอร์ไพรส์สุดๆ ก็น่าจะเป็นฉากเข้าพระเข้านาง หรือเลิฟซีนระหว่าง โทนี่ จา กับ นางเอกสาวหน้าสวยอย่างน้อง “จ๊ะจ๋า- พริมรตา เดชอุดม” ที่พระเอกผู้กำกับเลือกสื่อสารผ่านท่วงท่าของนาฏศิลป์การร่ายรำ มาประยุกต์ถ่ายทอดออกมาเป็นฉากเลิฟซีน ที่เต็มไปด้วยความอ่อนหวาน ลึกซึ้ง เพื่อสื่อสารถึงห้วงความรู้สึกของตัวละครเทียน (รับบทโดยจา) หลังจากชีวิตผ่านความสูญเสียคนที่รัก ศาสตร์ยุทธ์การต่อสู้ทั้งหมดที่เคยบ่มเพาะ จนไร้จิตวิญญาณ จนกระทั่งได้ พิม (รับบทโดยจ๊ะจ๋า พริมรตา) ช่วยเยียวยา รักษา ร่างกายจิตใจชุบชีวิตขึ้นใหม่อีกครั้ง
โดยงานนี้ทีมงานนับร้อยชีวิตเดินทางไปถ่ายทำบนหน้าผาสูงถึงจังหวัดสุรินทร์ แต่กว่าจะได้ภาพออกมางดงามวิจิตร สมความตั้งใจของผู้กำกับ งานนี้น้องจ๊ะจ๋า พริมรตา นางเอกสาวได้เล่าให้ฟังถึงเบื้องหลังของการถ่ายทำในฉากนี้
“จากที่จ๊ะจ๋าดูงานของพี่จามาทั้งหมดนะคะ จ๊ะจ๋าไม่เคยเห็นพี่จามีฉากเลิฟซีนกับนางเอกคนไหนเลย ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับพี่จานะคะ ก็เลยทำให้องค์บากภาค 3 มีฉากหวานๆ ฉากอ่อนโยนของพระนางนะคะ ซึ่งฉากเลิฟซีนของพี่จาก็ไม่ธรรมดาเลย อยู่ไหนรู้มั้ยคะ..บนหน้าผา!!! ก็ไม่คิดว่าเป็นเลิฟซีนที่ทรหดอดทนได้มากขนาดนี้ค่ะ จ๊ะจ๋าต้องปีนบันไดลิงขึ้นไปแบบ โอ๊ย..สูงมาก พี่จาทำไมต้องยืนสูงขนาดนี้ แล้วเป็นขึ้นไปกะยอกกะแยกกะยอกกะแยก มองลงมาข้างล่างนี่ขาสั่นค่ะ
แล้วพอขึ้นไปข้างบนเนี่ยะพื้นก็ไม่ได้เรียบนะคะ เป็นแบบชั้นหิน ก็ยืนเท้าไม่เท่ากันด้วย ขาซ้ายก็ยืนสูง ขาขวาก็ยืนต่ำค่ะ แล้วไม่แค่นั้น มีทั้งสรรพสัตว์ เพื่อนผองของเราที่ทุกคนปรารถนา มดเอย พวกแมลงตัวเล็กๆ ที่กัดเจ็บๆ พวกหนอน ไส้เดือนอะไรแบบนี้ค่ะ ถามว่าเขินไหมเพราะว่าต้องอยู่ใกล้ชิดกันมาก แต่พอคิดว่า นี่คือภาพยนตร์ที่เป็นฉากสำคัญ ที่แสดงถึงความรักระหว่างพระนางเนี่ย ก็โอเค แล้วก็..เราสองคนก็ช่วยกันค่ะ ด้วยความที่พี่จาเองก็กำกับด้วย แล้วข้างบนเนี่ยะไม่มีใครเลย หนาวด้วย หน้าผาก็เป็นเล็กๆ ค่ะ มืดด้วย จะตกไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ โอย..พี่จาคะ ต้องอยู่ชิดกันให้มากที่สุด แต่ว่าคุ้มค่ะ
ฉากนี้เป็นเหตุการณ์ที่ จ๊ะจ๋าจะต้องเหมือนผ่านเวลาทั้งหมดแล้ว ผ่านเวลาของความเหนื่อยยาก ผ่านเวลาของการแยกจากกัน เวลาของการเจอกัน เยียวยาทุกอย่าง จนวันนี้เขาหายดี เหมือนความสุขมาอยู่ตรงหน้าค่ะ ต้องบอกว่าหน้าผามันสูงมาก แล้วแดดร้อนมาก แต่ว่าก็ต้องยืนเผชิญหน้ากัน สัมผัสเนื้อตัวซึ่งกันและกัน และก็มีจิตใจที่สัมผัสกัน”
แต่ถึงกระนั้นนางเอกสาวของเรา ก็ยืนยันว่างานนี้พระเอกแอ็คชั่นเบอร์ 1 ของโลกอย่าง โทนี่ จา มาตกม้าตายกับฉากเลิฟซีนซะงั้น
“ก็จริงนะ ที่ว่าพระเอกแอ็คชั่นเนี่ยะ มาตกม้าตายกับเลิฟซีน (หัวเราะ) พี่จาพูดคำเดียวเลยค่ะ “สั่น” เพราะพี่จาเขินมากค่ะ เขินมาก ก็พยายามสะกดความเขินเอาไว้ แต่ว่าเหมือนจ๊ะจ๋าก็บอกพี่จาว่า โอเค..ตรงนี้นะ คือถ้าในเรื่องการเล่นฉากพระนางเนี่ยะ จ๋าอาจจะเคยมีประสบการณ์มามากกว่า ในการเล่นละครแล้ว แต่ว่า..ก็บอกพี่จาว่า โอเคนี่ก็เรามาเริ่มต้นกันใหม่ เริ่มลำดับเรื่องราว จ๊ะจ๋าพยายามดึงสมาธิของตัวเอง สมาธิของพี่จาเนี่ยะ เข้าไปในเรื่องราวของเทียนกับพิมให้ได้
เริ่มต้นจากการที่เราห่างเหินกัน มาเจอกันแล้วรู้สึกอย่างไร แล้ววันนี้เนี่ยะเป็นครั้งแรกที่เราได้สัมผัสกัน รู้สึกอย่างไร เดี๋ยวจ๊ะจ๋าจะลองสัมผัสตรงนี้นะ ก็ลองแตะเลยค่ะ แวบแรกแตะพี่จาสะดุ้งเลยค่ะ ก็ลองสัมผัสเรื่อยๆ ลองกอด ซ้อมกอดเลยค่ะ ซ้อมกอด ซ้อมเอาหน้าเข้าไปใกล้ๆ ซ้อมเลย ซึ่งไม่รู้ว่าใครได้กำไรนะเนี่ย แต่จริงๆ ก็ไม่เชิงตก หรือเสียเชิงอะไรหรอกค่ะ แต่ว่าเป็นฉากที่พี่จาเขินมากกว่าฉากอื่นๆ เท่านั้นเอง แต่ว่าจริงๆ แล้วเนี่ยะ จ๊ะจ๋าอยากให้ดูที่แววตาของเขา จ๋าว่ามันอ่อนโยน จ๋าไม่เคยเห็นแววตานี้ จากพี่จาในการทำงานโดยทั่วไป หรือว่าในฉากใดๆ ในหนังที่เขาเคยเล่นเลย เป็นแววตาที่แสดงออกถึงความรัก ความปรารถนา ความผูกพัน แล้วก็ความอบอุ่น รู้สึกเลยค่ะ ฉะนั้นฉากนี้ก็เลยเล่นไม่ค่อยยากเท่าไหร่ ตอนถ่ายก็ไม่มากค่ะ แต่ตอนซ้อมนี่เยอะ ต้องทำความเข้าใจกันซะส่วนใหญ่ ซึ่งจ๊ะจ๋าก็มีส่วนได้เสนอความคิดเห็นกับพี่จาด้วย ซึ่งเขาก็โอเคค่ะ ตรงนี้ชอบ ตรงนี้น้อยไป ตรงนี้มากไป”
เตรียมพบกับฉากเลิฟซีนของพระเอกนักบู๊ โทนี่ จา ว่าจะออกมาสวยงามวิจิตรขนาดไหนได้ใน “องค์บาก3” 5 พ.ค. นี้ทุกโรงภาพยนตร์