ก่อนจะถึงเทศกาลแห่งความรัก วันวาเลนไทน์ วันที่ถูกตราหน้าว่าเป็น “วันแห่งการเสียตัวแห่งชาติ” แม้จุดประสงค์หลักดั้งเดิมก็คือ เป็น วันแสดงความรักต่อเพื่อนมนุษย์ แต่หนุ่มสาววัยรุ่น มองถึงการมีเพศสัมพันธ์เข้ามาเกี่ยวข้อง นั่นจึงทำให้เกิดปัญหาตามมา ทั้งการท้องก่อนวัยอันควร ท้องไม่พร้อม การทำแท้ง หรือติดโรคทางเพศสัมพันธ์ ติดเชื้อเอดส์ หรือเชื้อเอชไอวี (HIV)กันมากขึ้น
เพราะที่กล่าวเช่นนี้ การเสียตัว อาจจะต้องกลับมาเสียใจ เนื่องจากข้อมูลสำนักระบาดวิทยาเปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. 2555 คาดว่าจะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ปีละประมาณ 10,000 คน และมีผู้ติดเชื้อ แต่ได้รับยาต้านไวรัสประมาณ 2.5 แสนคน สาเหตุมาจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย และกลุ่มชายรักชายคือกลุ่มเสี่ยง ที่จะมีการติดเชื้อสูงสุด
ปัจจุบัน รู้หน้าไม่รู้ใจ เห็นใครหน้าตาดี ร่างกายกำยำบึกบึน ไม่แน่ว่า พวกเขาอาจจะได้รับเชื้อ เอชไอวี แต่มีการกินยาต้านเชื้อเอาไว้ ทำให้ร่างกายยังคงแข็งแรงเป็นปกติ หากเกิดชะล่าใจไม่ป้องกันด้วยการสวมถุงยางอนามัย ก็มีโอกาสพลาดติดเชื้อได้ ที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือ ผู้ติดเชื้อ ไม่รู้ตัวว่าตัวเองมีเชื้อเอชไอวี หากเกิดสามี ภรรยา คนใดคนหนึ่งรับเชื้อมา ก็น่ากลัวว่าจะมีการแพร่เชื้อได้
อย่างไรก็ตาม ทุกคนล้วนเฝ้าฝันให้การไม่มีโรคเอดส์บนโลก หวังว่าจะมียาต้าน ยารักษาให้หายขาดได้ หรืออย่างน้อย ก็ไม่อยากให้มีการระบาดของโรคเพิ่มขึ้นอีก โดยหลายหน่วยงานทั้งไทย และเทศเองพยายามอย่างเต็มที่ในการคิดยาวิเศษ หาวัคซีน และยารักษา ที่พอจะเป็นความหวังแก่ผู้ป่วย แต่ก็ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ขั้นตอนต่างๆกำลังอยู่ในกระบวนการวิจัย
โดยในปีที่ผ่านมา แพทย์ชาวอเมริกัน ประสบความสำเร็จในการรักษาทารกติดเชื้อเอดส์ กับเด็กหญิงรายหนึ่ง ที่ถือกำเนิดจากแม่ที่ติดเชื้อเอดส์ ด้วยวิธีการให้ยารักษา 3 ตัว หลังจากทารกลืมตาดูโลกได้เพียง 30 ชั่วโมง จากนั้นก็เฝ้าสังเกตความพัฒนาการ จนในที่สุดก็พบว่า ทารกที่มีแนวโน้มจะติดเชื้อเอดส์ สามารถหายจากเอดส์ได้ หากได้รับการรักษาตั้งแต่แรกเกิด
ขณะที่แพทย์ จากมูลนิธิเพื่อการวิจัยโรคเอดส์ amfAR ระบุว่า ประสบผลสำเร็จ จากการรักษา คนไข้ที่ติดเชื้อ เอชไอวี ให้หายขาดเป็นคนแรกของโลก หลังจากก่อตั้งองค์กรมานานกว่า 30 ปี ทำการทดลองวิจัย ด้วยงบประมาณมหาศาล จนกระทั่ง มีคนไข้ คนแรกของโลกที่ หายขาดจาก HIV เรียกว่า “Berlin Patient” รักษาจากการเปลี่ยนไขกระดูก หรือ stem cell ชนิดพิเศษ ทำให้นักวิจัยใจชื้นขึนมาว่าจะต้องมีหนทางการรักษากับคนไข้รายอื่นๆ ด้วย
ทั้งนี้ มูลนิธิเพื่อการวิจัยโรคเอดส์ amfAR ให้คำมั่นว่า คนทั่วโลกจะได้เห็นหนทางรักษาผู้ติดเชื้อให้หายขาดก่อนปี 2010 หรือ ภายใน 6 ปี เป็นความหวังของผู้ติดเชื้อเอดส์ให้นับถอยหลัง หวังว่าจะมียาวิเศษมาชุบชีวิตใหม่ให้เขาได้หายขาดจากโรคร้ายนี้
แน่นอนว่า หากการรักษาหายขาด จะเป็นการจารึกประวัติศาสตร์ของโลก จากโรคไม่มีทางรักษา และคร่าชีวิตผู้คนทั้งโลกไปมากมายมหาศาล และเป็นการจุดประกายความหวังแก่ผู้ป่วย ที่ทุกข์ทรมานกับการติดเชื้อที่ต้องทานยาต้ายไปตลอดชีวิต
แต่ตราบใดที่ยังไม่มีการประกาศยืนยัน ว่า จะหายขาดได้ร้อยเปอร์เซนต์ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ การไม่สำส่อน ผัวเดียวเมียเดียว ไม่เที่ยวนอกใจ ป้องกันทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ …ฝากเตือนกัน ก่อนถึงวันวาเลนไทน์