แม้รักแท้ในยุคนี้ พ.ศ.นี้ จะหายากเต็มที แต่รักแท้ก็ยังคงมีอยู่
สำหรับเรื่องราวความรักแท้ที่ปรากฏเป็นตำนานตามสถานที่ท่องเที่ยวในบ้านเรามีอยู่ไม่น้อย ส่วนใหญ่ล้วนต่างผิดหวังและจบลงด้วยความตาย กลายเป็นตำนานรักอมตะเคียงคู่สถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆให้อนุชนคนรุ่นหลังได้รำลึกถึงกัน
และนี่ก็คือ 5 สถานที่ท่องเที่ยวกับ 4 ตำนานรักอันโดดเด่น ที่หยิบยกขึ้นมารับเดือนแห่งความรัก ที่มีทั้ง“วาเลนไทน์” กับวันแห่งความรักในแบบตะวันตก และ“มาฆบูชา” กับวันแห่งความรักในทางพระพุทธศาสนา
“หอนางอุสา”กับตำนานรัก“นางอุษา-ท้าวบารส” แห่งภูพระบาท
ภูพระบาท : ตำนานรัก“นางอุษา-ท้าวบารส”
เริ่มกันที่ “ภูพระบาท” ที่ตั้งอยู่ในอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ที่มีสภาพภูมิประเทศที่เกิดจากการกระทำของธรรมชาติ ผ่านกาลเวลามานับแสนนับล้านปี เกิดเป็นกลุ่มก้อนหิน แท่งหิน รูปทรงประหลาด บนลานหินอันกว้างใหญ่ ซึ่งคนสมัยก่อนได้นำมาผูกแต่งเป็นเรื่องราว “ตำนานรักนางอุษา-ท้าวบารส” ที่ท้าวบารสกับนางอุสาแม้จะรักกันอย่างสุดซึ้ง
หิน “หีบศพท้าวบารส”
แต่ด้วยอุปสรรคต่างๆ ทำให้นางอุสาผู้ผิดหวังในความรัก ทั้งจากการที่ท้าวบารสสังหารพระยากงพานบิดาของตน และการที่ท้าวบารสมีมเหสีอยู่ก่อนหน้านั้นถึง 10 นาง สุดท้ายแล้วนางอุสาตรอมใจกลับไปสิ้นชีวิตบนหอ(หิน)สูงที่ตัวเองอาศัยอยู่ ทำให้ท้าวบารสเมื่อรู้ข่าวก็ตรอมใจตายตามไปด้วย
หินรูปหีบศพนางอุสา
จากโศกนาฏกรรมรักนี้ ทำให้สถานที่และก้อนหินแปลกๆบริเวณภูพระบาท มีชื่อเรียกขานเกี่ยวกับตำนานรักนางอุสา อาทิ หอนางอุษา คอกม้าท้าวบารส หีบศพนางอุษา หีบศพท้าวบารส บ่อน้ำนางอุษา เป็นต้น
สถานที่ต่างเหล่าๆนี้ถือเป็นแม่เหล็กดึงดูดทางการท่องเที่ยว โดยเฉพาะกับหอนางอุสาที่เป็นไฮไลต์ของภูพระบาท ซึ่งด้วยความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ผสมกับความเป็นดินแดนสำคัญทางประวัติศาสตร์ และตำนานรักอันสุดคลาสสิก ทำให้ภูพระบาทได้รับการเสนอชื่อให้เป็นมรดกโลก ที่ต้องรอลุ้นกันต่อไปว่าภูพระบาทจะได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกในปีไหน
หนองหาน : ตำนานรัก“ผาแดง-นางไอ่”
หนองหาน เป็นทะเลสาบน้ำจืดอันกว้างใหญ่ในภาคอีสาน มีอยู่ 2 แห่งด้วยกัน คือหนองหานหรือ “หนองหาร” จ.สกลนคร และ หนองหาน จ.อุดรธานี
หนองหาน ที่สกลฯน่ายลด้วยภาพวิถีชีวิตของชาวบ้านในชุมชนรอบหนองหานที่ออกทำมาหากินในยามเช้าเย็น
ขณะที่หนองหาน ที่อุดรฯ โดยเฉพาะในเขต อ.กุมภวาปีนั้น ในรอบ 3-4 ปีนี้ จัดว่ามาแรงมาก เพราะที่นี่ในช่วงหน้าหนาวจะมีดอกบัวแดง(บัวสาย)สีชมพูสดบานสะพรั่งนับล้านๆ ดอก กระจายไปทั่วน่านน้ำ เกิดเป็น “ทะเลบัวแดง”อันโด่งดัง
ทะเลบัวแดง หนองหาน อุดรธานี
สำหรับหนองหานทั้งคู่แม้จะอยู่คนละจังหวัด แต่เรื่องน่าแปลกก็คือ หนองหานทั้งสองต่างมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับตำนานรัก “ผาแดง - นางไอ่”ทั้งคู่
นางไอ่กับท้าวผาแดงหากรักกันตามปกติก็คงไม่มีหนองหานเกิดขึ้น แต่นี่คงเป็นเพราะผลกรรม เกิดนึกอยากกินกระรอกเผือกซึ่ง “ท้าวภังคี” โอรสของพญานาคใต้เมืองบาดาลผู้หลงรักนางไอ่ปลอมตัวมาเพื่อหวังชิดใกล้ แต่สุดท้ายถูกจับมาทำอาหารกิน ทำให้ท้าวภังคีก่อนตายก็ได้สาปแช่งเอาไว้ว่าผู้ใดที่กินเนื้อกระรอกของตนจะต้องล่มจมลงใต้บาดาลพร้อมกับบ้านเมือง นั่นจึงทำให้หลังจากชาวเมืองกินเนื้อกระรอกเผือกแล้ว ได้เกิดพายุใหญ่ แผ่นดินไหว น้ำท่วม ถล่มเมืองทั้งเมืองล่มจมลงไปในท้องบาดาลที่เชื่อกันว่าคือหนองหานในทุกวันนี้
ขณะที่พญานาค(ผู้พ่อของท้าวภังคี)ก็ได้ออกไล่ล่าท้าวผาแดงกับนางไอ่ ซึ่งพญานาคราชได้ออกไล่ล่าตามล้างแค้นทั้งคู่มาทุกชาติไป แต่สุดท้ายพญานาคราชก็ไม่สามารถเอาชนะในพลังแห่งรักของทั้งคู่ได้
ผาชู้ กับตำนานรัก 3 เส้า
ผาชู้ : ตำนานรักสามเส้า
ผาชู้ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติศรีน่าน อ.นาน้อย จ.น่าน
คำว่า “ชู้” ไม่ได้หมายถึงชู้สาว แต่หมายถึงคนรัก
สำหรับตำนานรักที่นี่แม้จะมีหลายเวอร์ชัน แต่ที่โดดเด่นและได้รับการยอมรับมากที่สุดเห็นจะเป็น ตำนานรัก 3 เส้า ระหว่าง “เจ้าจ๋วง” หนุ่มรูปงามเจ้าแขวงเมืองศรีษะเกษ กับ 2 สาวคือ “เจ้าจันทน์ผา”(เจ้าจันทร์) และ “เอื้อง”(เจ้าเอื้อง)
ที่ผาชู้ บริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยว พบต้นจันทน์ผาได้ทั่วไป
ปัญหาความรักอีนุงตุงนังระหว่าง 2 หญิง 1 ชายนี้ จบลงด้วยความเศร้าเมื่อทั้ง 3 ไปกระโดดหน้าผาตาย พร้อมคำอธิษฐานของเจ้าจ๋วงที่เชื่อมั่นในรักบริสุทธิ์ว่าให้เกิดมาเป็นต้นไม้
เจ้าจ๋วงเมื่อตายไปจึงกลายเป็น “ต้นจ๋วง” หรือ “สนเขา” ส่วนเจ้าจันทน์ผาตายไปกลายเป็น “ต้นจันทน์ผา” ขณะที่สาวเอื้องตายไปกลายเป็น “ต้นเอื้อง” หรือ กล้วยไม้
ธงชาติบนยอดผาชู้ที่มีสายชักธงยาวที่สุดในเมืองไทย
และนี่ก็เป็นตำนานรักอันโดดเด่นของผาชู้ ที่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวอันโดดเด่นของอุทยานฯศรีน่าน ที่นี่เป็นที่ตั้งของเสาธงชาติอันขึ้นชื่อเพราะมีสายชักธงชาติยาวที่สุดในประเทศไทยถึง 200 เมตร(ไป-กลับ)เลยทีเดียว
เจ้าแม่เขาสามมุข
เขาสามมุข-บางแสน : ตำนานรักแสนเศร้า
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังที่อยู่คู่กับตำนานรักอันรันทดก็คือ ที่ เขาสามมุข กับหาดบางแสน จ.ชลบุรี ที่มีตำนานเล่าขานว่า
ที่นี่ในอดีตมีหญิงสาวชื่อ“มุข”(มุก)เป็นชาวบ้านยากจน ได้รักกับ“แสน” ไอ้หนุ่มลูกกำนันผู้ร่ำรวย โดยจุดเริ่มต้นของความรักเกิดจาก สาวมุขได้เก็บว่าวของหนุ่มแสนที่ทำหลุดมาได้ แสนจึงมอบว่าวให้กับมุขเป็นที่ระลึก จากนั้นความรักของทั้งคู่ได้บ่มเพาะ เป็นความรักที่ลึกซึ้ง
ทางบ้านของแสนได้กีดกัน เพราะมุขมีฐานะยากจนและบังคับให้แสนแต่งงานกับผู้หญิงที่พ่อกำนันพึงใจ สาวมุขเมื่อรู้ข่าวเสียใจมากจึงไปกระโดดหน้าผาตาย ส่วนแสนเมื่อทราบเรื่องก็ไปกระโดดหน้าผาฆ่าตัวตายตาม
นับแต่นั้นมา ชาวบ้านจึงตั้งชื่อเขาที่สาวมุขกระโดดลงไปว่า “เขาสามมุข” และหาดที่แสนตกลงไปตายว่า“หาดบางแสน” จากนั้นได้สร้างศาลเจ้าแม่สามมุข เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักของทั้งสอง
ศาลเจ้าแม่สามมุข ที่เคารพสักการะของคนทั่วไปและมีชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ หลายคนที่ไปขอพรแล้วมักสมหวังโดยเฉพาะด้านความรัก โดยผู้มาขอพรนิยมบนบานด้วยการถวาย“ว่าว” อันเป็นต้นกำเนิดของความรักอันอมตะของสาวมุขและหนุ่มแสน
..................
นอกจาก 5 สถานที่ท่องเที่ยว จาก 4 ตำนานรักสุดคลาสสิกตามที่กล่าวมาแล้ว เมืองไทยยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเรื่องราวของตำนานความรักอีกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ตำนานรักสะพานสารสิน ตำนานรัก“ขวัญ-เรียม”แห่งทุ่งบางกะปิ ตำนานรัก“โกโบริ-อังศุมาลิน” ที่สถานีรถไฟบางกอกน้อย เป็นต้น
สำหรับคนในยุคนี้ พ.ศ.นี้ หากนำตำนานรักอมตะต่างๆของสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้มาเป็นเครื่องเตือนใจก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย