สหรัฐอ้างไขปริศนาสามเหลี่ยมปีศาจเบอร์มิวด้า′กลืนเครื่องบิน เรืออันตรธาน′ได้

 

 

 

สหรัฐอ้างไขปริศนาสามเหลี่ยมปีศาจเบอร์มิวด้า′กลืนเครื่องบิน เรืออันตรธาน′ได้

 

 

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ว่าหน่วยงานวิเคราะห์ชั้นบรรยากาศและท้องทะเลสหรัฐได้ออกมาเปิดเผยว่า สามารถไขปริศนาสามเหลี่ยม “ปีศาจ” เบอร์มิวด้า กลืนเครื่องบินและเรือจำนวนมาก อันตรธานหายไปในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ระบุว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของหลักการด้านวิทยาศาสตร์ล้วนๆ และไม่เกี่ยวกับทฤษฎีเอเลี่ยน หรือมนุษย์ต่างดาว แต่อย่างใด

รายงานระบุว่า ที่ผ่านมานับตั้งแต่ปี 1950 ได้เกิดกรณีเครื่องบินและเรือจำนวนมากถูกกลืนหายในสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นหลุมดำอาถรรพ์ และอาจเกี่ยวโยงกับมนุษย์ต่างดาว ทว่า หน่วยงานนี้ชี้แจงว่า กรณีดังกล่าวสามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนด้วยวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ เนื่องจากบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีทัศนวิสัยเลวร้าย และอากาศแปรปรวน ซึ่งสองปัจจัยนี้ถือเป็นสาเหตุหลักทำให้เครื่องบินและเรือต่างๆ ประสบอุบัติเหตุจมทะเล

พร้อม ทั้งระบุว่า ความเห็นนี้มาจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ของกองทัพเรือและหน่วยงานยามฝั่ง สหรัฐ ซึ่งที่ผ่านมาระบุว่า สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าไม่ได้เป็นพื้นที่อันตรายสำหรับการเดินเรือและการบิน ผ่านของเครื่องบิน เนื่องจากหน่วยงานเหล่านี้ไม่ได้พบสิ่งผิดปกติใดๆ ที่ชี้ว่าการสูญหายดังกล่าวมีเหตุผลอยู่นอกเหนือจากหลักฟิลิกซ์กายภาพ

นอกจากนี้ หน่วยงานทั้งสองยังอธิบายว่า มีความเป็นไปได้ว่าสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า เต็มไปด้วยก๊าซมีเธนที่ปะทุจากก้นบึ้งทะเล และส่งผลกระทบต่อเรือและเครื่องบินต่างๆ รวมทั้งยังเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยพายุเฮอริเคน และพายุโซนร้อนต่างๆ ที่มักเกิดขึ้นบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า “ปกติแล้วท้องทะเลถือเป็นสถานที่ลึกลับสำหรับมนุษย์อยู่แล้ว และเมื่อเกิดสภาพอากาศแปรปรวนและทัศนวิสัยแย่มาเกี่ยวข้อง มันก็ถือว่าเป็นสถานที่มรณะที่อันตรายมากได้ นี่คือความเป็นจริงล้วนๆ”

 

สหรัฐอ้างไขปริศนาสามเหลี่ยมปีศาจเบอร์มิวด้า′กลืนเครื่องบิน เรืออันตรธาน′ได้

สหรัฐอ้างไขปริศนาสามเหลี่ยมปีศาจเบอร์มิวด้า′กลืนเครื่องบิน เรืออันตรธาน′ได้

ที่มา: มติชน

Credit: http://news.tlcthai.com/
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...