วันที่ 8 ก.พ. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานบรรยากาศการคุมตัวนาย มะดือนัง มะแซ ทำแผนยิงขวัญชัย ไพรพนา แกนนำคนเสื้อแดงอุดรฯ โดยมีชาวบ้านกว่า 300 คนมารอดูการทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่หน้าบ้านหลังเกิดเหตุ ท่ามกลางเสียงวิงวอนให้ตำรวจเร่งจับคนร้ายที่เหลืออีก 5 คน ให้ได้โดยเร็ว ทั้งนี้ ตำรวจจัดกำลังปราบจลาจลกว่า 100 นาย คุมเข้มหวั่นเกิดเหตุไม่คาดคิดกับผู้ต้องหา
โดยเมื่อเวลา 09.00 น. ที่กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 24 ค่ายเสนีย์รณยุทธ์ ถ.อุดร-สกลนคร ต.หนองบัว อ.เมือง จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นที่คุมขังชั่วคราวผู้ต้องหาคนสำคัญในคดียิงขวัญชัย คือนายมะดือนัง มะแซ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78 ม.6 ต.สาวอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และเป็น อส.ประจำ อ.รือเสาะ หลังจากถูกคุมตัวมาจาก จ.นราธิสาส โดยเครื่องบินของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเย็นวานที่ผ่านมา
และมีการสอบเค้นอย่างหนักนานกว่า 3 ชั่วโมงจนเปิดปากรับสารภาพหมดเปลือกว่า รับจ้างลูกพี่ที่มียศเป็นจ่า 3 คนที่สังกัดอยู่แถวภาคตะวันตก และเคยไปประจำการอยู่ที่ จ.นราธิวาส โดยผู้ต้องหารายนี้เป็น อาสาสมัครฯ หรือ อส.ร่วมงานรับใช้กันมานานจนสนิทสนม และเคยร่วมงานยิงคนร้ายมาด้วยกันหลายคดี
ทั้งนี้ พล.ต.ท.อนุชัย เล็กบำรุง ผบช.ภ.4 เดินทางมาพร้อมด้วย พล.ต.ท.สุรพล พินิจชอบ รอง ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า ผบก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.ยรรยง เวชโอสถ รอง ผบก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.ณัฐนนท์ ประชุม ผกก.สส.ภ.4 พ.ต.ท.ชาญณรงค์ มากพิสุทธิ์ รอง ผกก.ฯ รุดไปสอบสวนปากคำเพิ่มเติมประมาณ 2 ชั่วโมง จึงได้นำตัวผู้ต้องหาสวมเสื้อเกราะสีดำขึ้นรถออกจาก ค่ายเสนีย์รณยุทธ์ โดยมีรถสายตรวจนำหน้า และปิดท้ายขบวนรวม 5 คัน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยอำนวยความสะดวกในจุดทำแผน
ประกอบด้วย พ.ต.อ.โกวิท เจริญวัฒนศักดิ์ ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.อ.ชวนชัย ชนะบัว พงส.สบ.4 พร้อมพนักงานสอบสวน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้โทรโข่งประกาศให้ชาวบ้านที่มารอดูการทำแผนให้อยู่ในความเรียบร้อยอย่ากรูเข้าทำร้ายประชาทัณฑ์ผู้ต้องหาจุดแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาไปชี้จุดที่รีสอร์ตที่จ่า3 คน เดินทางมากับรถยนต์กระบะโตโยต้าสีบรอนซ์ทอง มีตราของหน่วยงานแห่งหนึ่งเป็นป้าย เข้าพักที่ รีสอร์ต เพื่อทำการเปลี่ยนป้ายเป็นป้ายทะเบียนปลอมของจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อตบตาช่วงลงมือ
จุดนี้มีการเข้าพัก 4 คน เพื่อวางแผนลงมือยิงด้วยปืนอาก้า 2 กระบอกที่จ่ามีสี 3 คนจัดหามา จากนั้นก็มีการติดต่อกับคนร้ายอีก 2 คนที่เข้าพักที่ ริมน้ำรีสอร์ต ตรงข้ามบ้านพักนายขวัญชัย ไพรพนา ที่คอยเฝ้าสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวและเพื่อส่งสัญญาณ ความพร้อมในการลงมือเข้าจุดสังหาร
พอถึงวันเกิดเหตุ เริ่มต้นด้วยการเช็กเอ้าท์ออกจากรีสอร์ต ทั้ง 4 คน ประกอบด้วย "จ่า ก." เป็นคนขับรถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้สีบรอนซ์ทอง สวมทะเบียนปลอม จ.ร้อยเอ็ด "จ่า ข." นั่งประกบด้านหน้า และมี "จ่า ค." นอนราบกับนายมะ ผู้ต้องหา ที่กระบะท้ายมีผ้าใบคลุม พร้อมอาวุธปืนอาก้า 2 กระบอก เมื่อรถขับมาใกล้จุดยิง มี "จ่า ง." และ "จ่า จ." ที่พักอยู่รีสอร์ตตรงข้ามบ้านนายขวัญชัย ส่งสัญญาณ ลงมือยิง
จ่า ก.ก็จอดรถ ริมถนนติดรั้วบ้านนายขวัญชัย แล้ว จ่า ข. ก็ลงมาจากรถด้านหน้าคู่คนขับ เพื่อชี้เป้า แล้วจ่า ค.ประทับปืนอาก้าพาดกระบะรถเล็งเป้าแล้วก็ลั่นไกแบบทีละนัด เข้าหาเป้าอย่างแม่นยำ กระสุนนัดแรกถูกนายขวัญชัย และนัดที่ 2-3-4-5 ถูกที่หัวเข่า
ส่วนนายมะดือนัง มะแซ เป็นคนยิงแบบออโต้หมดแม็กในชุดเดียว แล้วจ่า ข.ก็คอยดูว่าเหยื่อล้มลง ให้ยิงซ้ำเป็นชุด แล้วจ่า ข. วิ่งกลับไปขึ้นรถขับหลบหนีไป โดยที่มือปืนทั้งสองคนก็นอนราบลงกับกระบะท้ายใช้ผ้าคลุมทับปิดอำพรางเอาไว้ จากนั้นก็พากันหลบหนีไป โดยมีรถกระบะของจ่า ง.และจ่า จ.ขับนำหน้า พ้นจากพื้นที่เกิดเหตุ
ทั้งนี้ พล.ต.ท.อนุชัย กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีที่มีข่าวว่าคนร้ายกลุ่มนี้เป็นคนมีสีนั้นก็ไม่ทราบว่าข่าวมันออกมาได้อย่างไร ขอรับรองว่าพนักงานสอบสวนชุดนี้รวมทั้งตนไม่เคยให้ข่าวเช่นนี้ แต่ว่าสื่อจะไปนำมาจากไหนไม่สามารถจะยืนยันได้ แต่เท่าที่ได้สอบสวนปากคำก็ได้ความว่า ผู้กระทำความผิดบางคนแต่งกายคล้ายทหาร แต่อย่างไรก็ตามจะมีการตรวจสอบกันอีกที
ส่วนสาเหตุที่นายมะดือนังรับงานร่วมกับทีมในครั้งนี้ จากการสอบสวน เขาให้การรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างขอร้องจากผู้มีพระคุณ รับทำด้วยความเกรงใจนับถือกันและได้รับค่าจ้างบางส่วน ในเบื้องต้นได้รับค่าจ้างมาเพียง 8,000 บาทเท่านั้น ส่วนที่จะเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่นั้น ขอตอบว่าไม่ได้ฟันธงไปตรงที่จุดนั้น ต้องหาหลักฐานเพิ่มเติมก่อน