“สัตว์โลก” กับพฤติกรรมที่ “เหมือนมนุษย์” อย่างไม่น่าเชื่อ
บางครั้งพฤติกรรมที่เราคิดกันว่าน่าจะมีแต่มนุษย์ที่ทำ กลับมีสัตว์บางชนิดที่ดูธรรมดาๆ แต่กลับมีนิสัยเหมือนพวกเราอย่างไม่น่าเชื่อ
นกปกป้องรังตัวเองด้วยการตั้งรหัสผ่าน
นก Superb fairy wren ที่มา wikipedia
เหมือนกับที่คุณต้องการปกป้องความเป็นส่วนตัวของตัวเองด้วยการตั้งรหัสผ่านในเครื่องคอมพิวเตอร์นั่นแหละ นกพันธุ์ Superb fairy wren ในประเทศออสเตรเลียก็มีการตั้งรหัสผ่านเพื่อปกป้องรังของมันจากผู้บุกรุกเช่นกัน แต่สำหรับมนุษย์อย่างเราที่มีรหัสผ่านไว้เพื่อไม่ให้ใครแอบมาดูของอยู่ในเครื่อง หรือป้องกันไม่ให้ใครมาแอบดูประวัติการค้นหาข้อมูลอะไรบางอย่างทางอินเตอร์เน็ต (แต่เรารู้นะว่าคุณแอบดูอะไร) นกเหล่านี้ตั้งรหัสผ่านไปเพื่อให้แน่ใจว่า ลูกนกน้อยในรังของมันเป็นลูกของตัวเองจริงๆ ไม่ใช่ลูกของนกขี้โกงที่แอบมาไข่ทิ้งไว้นั่นเอง
รังของนก Superb fairy wren ไข่ลายจุดในภาพคือไข่ที่แม่นกชนิดอื่นแอบมาทิ้งเอาไว้
ที่มา questionableevolution
จากผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Current Biology เมื่อไม่นานมานี้พบว่า แม่นกชนิดนี้จะร้องเพลงๆ หนึ่งให้ไข่ในรังฟังก่อนที่ไข่จะฟักตัวประมาณหนึ่งสัปดาห์ หลังจากนั้น เมื่อลูกนกฟักออกมาแล้ว พวกมันจะต้องร้องเพลงนี้ให้แม่ของมันทุกครั้งจึงจะได้รับอาหาร แต่ถ้ามันร้องเพลงไม่ถูกแม่นกก็จะทิ้งรังไปแล้วปล่อยให้ลูกนกตายลง สาเหตุที่ต้องทำแบบนี้ก็เพราะนก Fairy wrens มักจะตกเป็นเหยื่อของนก Bronze cuckoo ซึ่งจะมาแอบวางไข่ในรังเพื่อให้เลี้ยงลูกแทนให้ ซึ่งลูกนกเหล่านี้นอกจากจะแย่งอาหารลูกนกตัวอื่นแล้ว ยังมีนิสัยเสียชอบเตะลูกนกตัวอื่นตกจากรังอีกด้วย
นักวิทยาศาสตร์สรุปว่า นก Fairy wrens นั้นวิวัฒนาการการจดจำรหัสผ่านโดยใช้เสียง เพื่อใช้ในการแยกลูกของตัวเองออกจากลูกนก Bronze cuckoo ถึงแม้ว่าลูกนกทั้งสองชนิดจะมีลักษณะ หน้าตาไม่เหมือนกันเลยสักนิดก็ตาม แต่ก็อย่างว่าคือ นกชนิดนี้เองก็ไม่ได้ฉลาดขนาดจะแยกแยะลูกนกด้วยการดูจากลักษณะได้
อย่างไรก็ตาม โดยธรรมชาติแล้วลูกนก Bronze cuckoo จะพยายามทำการเลียนเสียงร้องเพลงขออาหารจากลูกนกจริงๆ แต่โดยส่วนมากแล้วพวกมันจะทำไม่สำเร็จ เนื่องจากเพลงที่ใช้เป็นรหัสผ่านนี้มีความซับซ้อนมาก อีกทั้งแต่ละรังก็จะใช้เพลงไม่เหมือนกันอีกด้วย นั่นก็หมายความว่า ถ้าคุณเป็นคนที่ใช้รหัสผ่านเดิมทุกๆ ครั้งที่ลงทะเบียนใช้อะไรสักอย่างออนไลน์ แปลว่าคุณมีระบบความปลอดภัยน้อยกว่านกเสียอีก
Prairie vole ที่มาภาพ mnn
ถึงแม้ว่าหนูนาขนปุยพวกนี้จะดูน่ารักน่าชังก็ตาม หนูนาที่อาศัยอยู่ในแถบอเมริกาตอนเหนือซึ่งมีชื่อว่า Prairie vole เหล่านี้ก็มีความลับน่าอับอายเหมือนกับมนุษย์อย่างเรา นั่นคือ การที่สายพันธุ์ของพวกมันเป็นพวกรักการดื่มจนถึงขั้นติดแอลกอฮอล์นั่นเอง ซึ่งเป็นโชคร้ายของหนูทั้งหลายที่เกิดมาแต่เป็นโชคดีของพวกนักวิทยาศาสตร์ที่ต้องการศึกษาเรื่องธรรมชาติของการได้รับแรงกดดันจากเพื่อนหรือคนรอบข้าง และพฤติกรรมการดื่มเพื่อเข้าสังคม
จากการทดลองโดยมหาวิทยาลัย Oregon Health & Science และศูนย์การแพทย์ Portland Veterans Affairs Medical Center ได้มีการนำหนูนาขังไว้ในกรงพร้อมกับขวด 2 ใบ ใบหนึ่งใส่น้ำเปล่าธรรมดา และอีกใบคือเหล้าดีกรี 6 เปอร์เซ็นต์ จากนั้นก็ทำการสังเกตและพบว่า ถ้าหนูพวกนี้ถูกขังไว้ตัวเดียวมันจะเลือกกินน้ำเปล่าในปริมาณที่พอๆ เหล้า อย่างไรก็ตาม ถ้าจับหนูไปขังไว้กับหนูตัวอื่นๆ พฤติกรรมพวกมันจะเปลี่ยนไปเป็นหนูขี้เหล้าในทันที โดยมันจะเลือกกินเหล้ามากกว่าน้ำถึง 80 เปอร์เซ็นต์
ที่มาภาพ oregonlive
นอกจากนั้น ยังพบว่าหนูที่ถูกขังไว้จะพยายามดื่มเหล้าให้ได้ปริมาณเท่าๆ กับหนูอีกตัวที่ถูกขังไว้ด้วยกัน เหมือนกับว่าจะเป็นการเสียชื่อถ้าดื่มได้น้อยกว่า ซึ่งก็เป็นแบบเดียวกับพฤติกรรมมนุษย์เวลาไปปาร์ตี้กับเพื่อนฝูงแล้วแข่งกันดื่มนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ก็มีความสงสัยว่าเหตุการณ์นี้อาจจะเป็นแค่ความบังเอิญ หรือไม่ก็หนูพวกนี้อาจจะแค่เลือกกินตามเพื่อนมันโดยไม่จำเป็นว่าต้องเป็นแอลกอฮอล์อย่างเดียวก็ได้ นักวิทยาศาสตร์เองก็เลยทำการทดลองอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งคราวนี้แทนที่จะเป็นขวดบรรจุเหล้า ก็เป็นขวดบรรจุนำหวานแทน (ซึ่งเป็นของกินที่หนูชอบมาก) ซึ่งผลก็ปรากฏว่า หนูเลือกกินน้ำหวานมากกว่าน้ำธรรมดาก็จริง แต่พฤติกรรมการพยายามดื่มเพื่อให้ได้ปริมาณเท่ากับเพื่อนร่วมกรงของมันหายไปเลย ซึ่งคงเป็นไปด้วยเหตุผลเดียวกับที่พวกเราเลือกแข่งกันดื่มเหล้ามากกว่าแข่งกันดื่มน้ำอัดลมในงานปาร์ตี้นั่นเอง
ที่มาภาพ petkaria
สมัยเรายังเด็กๆ และเริ่มเล่นกับเพื่อนเพศตรงข้าม บางคนอาจจะพอจำได้ว่าบางครั้งพวกเด็กผู้ชายก็ยอมให้เด็กผู้หญิงชนะบ้าง เช่นแกล้งทำเป็นพลาดเพื่อให้เพื่อนสาวได้เล่นเกมชนะ ซึ่งเหตุผลก็เพราะเมื่อเรายังเด็ก เราก็อยากจะเล่นเกมไปได้นานๆ และถ้าเราชนะแค่ฝ่ายเดียว อีกฝ่ายก็อาจจะงอแงไม่ยอมเล่นด้วย แต่ก็อาจจะเป็นเพราะอีกสาเหตุหนึ่งซึ่งนายแพทย์ P. Anka เรียกว่า อาการ “Puppy love”ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่สังเกตเห็นได้บ่อยๆ ของลูกสุนัข
จากการศึกษาแสดงว่า เวลาที่เล่นต่อสู้กัน ลูกสุนัขตัวผู้จะปฎิบัติกับลูกสุนัขตัวเมียต่างออกไป มีการเผยจุดอ่อนเช่น คอ และยอมให้คู่ต่อสู้ (ที่เป็นตัวเมีย) กัดได้ ซึ่งสำหรับสุนัขแล้วนี่คือการยอมให้อีกฝ่ายชนะ ทั้งๆ ที่มีการบันทึกไว้ว่า ลูกสุนัขตัวผู้เกือบทั้งหมดจะมีร่างกายที่แข็งแรงกว่ามาก แต่เมื่อสู้กับตัวเมียกลับอ่อนปวกเปียกเสียอย่างนั้น ในขณะที่ถ้าเป็นการต่อสู้กับตัวผู้ด้วยกัน ทั้งสองฝ่ายกลับโจมตีกันอย่างจริงจังโดยไม่แสดงความปราณีเลย
ที่มาภาพ animalabuseisbad
Camille Ward จากมหาวิทยาลัย Michigan กล่าวไว้ว่า สาเหตุที่ลูกสุนัขยอมแพ้ให้กับตัวเมีย ก็เพื่อให้ตัวเองกลายเป็นที่รักใคร่ ซึ่งนำไปสู่การเล่นกันต่อไปอีกเป็นเวลานาน (และอาจจะโชคดีได้รางวัลดีๆ จากตัวเมียด้วย)
ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้ค่อนข้างน่าสนใจ เพราะปกติแล้วธรรมชาติมักจะสร้างให้ตัวผู้ที่โตเต็มวัยแสดงพฤติกรรมข่มตัวเมีย หรือพยายามผสมพันธุ์ให้ได้มากที่สุด (สร้างฮาเร็ม) แต่กับลูกสุนัขกลับแสดงพฤติกรรมตรงกันข้ามเสียอย่างนั้น
ที่มาภาพ turbosquid
การพนัน คือหนึ่งในกิจกรรมของมนุษย์ที่ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย มันเป็นการเอาของมีค่าอย่างเช่น เงิน ไปลงความหวังน้อยนิดว่าถ้าชนะจะได้เงินเยอะขึ้นอีก ซึ่งส่วนมากผลก็คือคนที่พนันไปมักจะจนลง และไม่ได้ฉลาดขึ้น แต่ที่น่าแปลกคือ นกพิราบเองก็มีพฤติกรรมแบบเดียวกันนี้ด้วย
นักจิตวิทยา Thomas Zentall จากมหาวิทยาลัย Kentucky ได้ทำการทดลองเพื่อค้นหาว่า ทำไมสิ่งมีชีวิตจึงเลือกที่จะมุ่งเป้าไปยังการชนะที่เกิดขึ้นได้น้อยมากๆ โดยไม่สนใจว่าจะต้องสูญเสียไปมากแค่ไหน ในการทดลองนี้ จะมีไฟให้นกพิราบเลือกจิกอยู่สองฝั่ง ฝั่งหนึ่งคือฝั่งไฟ “ปลอดภัย” คือ ไม่ว่าจะได้ไฟสีอะไร นกก็จะได้รับอาหาร 3 เม็ด ในขณะที่อีกฝั่งจะสุ่มระหว่างไฟสีแดงและสีเขียว ไฟสีเขียวมีโอกาสปรากฎออกมา 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนกจะไม่ได้รับอาหารอะไรเลย แต่ถ้าไฟออกมาเป็นสีแดงซึ่งมีโอกาสอยู่ 20 เปอร์เซ็นต์ นกจะได้รับรางวัลใหญ่เป็นอาหาร 10 เม็ด ซึ่งหมายความว่าในระยะยาวแล้ว ถ้านกเลือกที่จะกดแต่ฝั่งไฟ “ปลอดภัย” มันก็จะได้รับอาหารทุกครั้ง ในขณะที่ถ้ามันเลือกจะเสี่ยงแล้ว ไม่ว่าอย่างไรถึงจะได้รางวัลใหญ่บ้างตามสถิติมันก็จะได้อาหารน้อยกว่าอยู่ดี
ที่มาภาพ mumtazticloft
หลังจากการทดลองไปนับครั้งไม่ถ้วนพบว่า นกพิราบเลือกที่จะเสี่ยงพนันถึง 82 เปอร์เซ็นต์ โดยไม่สนใจว่ามันจะได้อาหารน้อยกว่าการเลือกข้างที่ปลอดภัย ซึ่งนายแพทย์ Zentall เองก็บอกไว้ว่า นกพิราบยอมที่จะได้รับอาหารน้อยกว่าเพื่อเสี่ยงกับการถูกรางวัลใหญ่โดยไม่ได้คาดหมาย
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการปรับการทดลองให้ไม่ว่าจะเป็นไฟสีเขียวหรือไฟสีแดง ก็มีโอกาส 20 เปอร์เซนต์ที่จะให้อาหาร 10 เม็ดเท่าๆ กัน นกพิราบก็จะหันมาเลือกไฟ “ปลอดภัย” อย่างเดียวแทน
ที่มาภาพ animalpictures123
มนุษย์เราน่าจะเป็นสัตว์สายพันธุ์เดียวที่มีการหาเสียงทางการเมือง ในขณะที่สิ่งมีชีวิตอื่นๆ ต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ เรากลับเดินไปรอบๆ เมือง จับมือกับชาวบ้าน แล้วพยายามทำตัวให้ดูดีกว่าผู้สมัครคนอื่นๆ เพื่อให้ได้ตำแหน่งมา อย่างไรก็ตาม มีสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่งที่มีพฤติกรรมแบบนี้ นั่นคือ ปลวกพันธุ์ที่มีชื่อว่า Cryptotermes secundus ซึ่งมีการหาเสียงเพื่อให้ได้ตำแหน่งราชินี
ปลวกพันธุ์นี้มักอยู่รวมกันเป็นฝูงขนาดเล็ก คือ 50-100 ตัวเท่านั้น ทำให้ปลวกทุกๆ ตัวมีโอกาสที่อาจจะได้เป็นราชินี อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลา จะมีปลวกประมาณ 12 เปอร์เซ็นต์ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงสภาพร่างกายเพื่อให้เหมาะแก่การเป็นผู้นำ หลังจากนั้นก็จะเป็นการชิงตำแหน่งแบบสัตว์ทั่วๆ ไป คือ มีการต่อสู้กันและตัวที่แพ้ก็จะถูกปลวกตัวอื่นๆ กิน ที่แปลกคือหลังจากการต่อสู้ห้ำหั่นกันจบลงแล้ว ปลวกผู้ลงสมัครที่เหลือรอดอยู่ก็จะทำการหาเสียงกัน
ปลวกผู้ลงสมัครจะเปลี่ยนจากปลวกดุร้ายกลายเป็นปลวกเข้าสังคมแทน มันจะใช้เวลาทั้งวันในการเดินไปทั่วแล้วใช้หนวดแตะปลวกงานตัวอื่นๆ เพื่อให้เกิดความคุ้นเคยกันมากขึ้น นอกจากนั้น บางครั้งยังมีการแจกอาหารให้แก่ปลวกงาน (ซึ่งอาหารที่ว่านี้คือของเหลวที่ผลิตออกมาจากก้นของมันเอง) หลังจากนั้น ปลวกที่ได้รับการยอมรับจากปลวกงานก็จะได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นราชินีของอาณาจักร ซึ่งกระบวนการทั้งหมดทั้งมวลนี้กินเวลาอย่างมากแค่ 11 วันเท่านั้น
ที่มา Cracked
เรียบเรียงโดย http://www.everyday-readers.com/