10 สถานที่อันตรายของโลก (มันน่ากลัว)

ไปเจอมาเห็นน่าสนใจ ไปดูกันเลย

อันดับ 10 Great Pacific Garbage Patch

แพขยะใหญ่แปซิฟิก (Great Pacific Garbage Patch) ซึ่งเรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า แพขยะตะวันออก หรือ วงวนขยะแปซิฟิก (Pacific Trash Vortex) คือวงวนใหญ่ของขยะมหาสมุทร (marine litter) ที่อยู่ส่วนกลางของมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือ

แพขยะมีลักษณะของการรวมตัวอย่างเข้มของขยะพลาสติกและขยะอื่นที่ถูกกักรวมได้ ด้วยกระแสวงวนใหญ่แปซิฟิกเหนือ จนแพขยะมีขนาดใหญ่มหาศาลและหนาแน่นจน มีผลต่อสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นสารพิษ, ผลกระทบต่อสัตว์บกสัตว์ทะเล จนถึงขณะนี้ไม่มีวิธีใดที่จะกำจัดขยะเหล่านี้ได้ นอกจากนั้นมันยังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วในหลายปีทีผ่านมา จนกลายเป็นปัญหาใหญ่ของสหรัฐและของโลกเป็นที่เรียบร้อย





อันดับ 9 Izu Islands

หมู่เกาะอิสุ  เป็นหมู่เกาะภูเขาไฟที่เรียงรายอยู่ทางทิศใต้และตะวันออกของคาบสมุทรอิสุในเกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น ตามเขตการปกครองแล้ว ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของกรุงโตเกียว เกาะที่ใหญ่ที่สุด คือ เกาะอิสุโอชิม่า มักเรียกสั้นๆว่า เกาะโอชิม่า ประกอบด้วย 9 เกาะคือ เกาะอิสุโอชิม่า หรือเกาะโอชิม่า, เกาะโทชิม่า, เกาะนิอิ, เกาะชิกิเนะ, เกาะโคสุ, เกาะมิยาเกะ, เกาะมิคุระ, เกาะฮาจิโจ, เกาะอาโองะ

ในสมัยเอโดะ เกาะนิอิ เกาะมิยาเกะ และเกาะฮาจิโจ ถูกเลือกให้เป็นสถานที่สำหรับเนรเทศนักโทษ ต่อมาเมื่อ ถึงปี 2000 ได้เกิดเหตุภูเขาไฟระเบิด และพ่นแก๊สพิษออกมาจำนวนมาก ทำให้ต้องมีการอพยพประชาชนออกจากเกาะมิยาเกะ จนกระทั่งเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2005 ผู้ที่เคยอาศัยอยู่บนเกาะอิซุจึงได้รับอนุญาตให้กลับไปอาศัยอยู่ได้ แต่จำเป็นต้องมีหน้ากากกันแก๊สพิษและต้องมีเตรียมพร้อมสำหรับเหตุระเบิดใน อนาคต ทำให้ปัจจุบันที่แห่งนี้มีกลิ่นกำมะถันเต็มไปหมด





อันดับ 8 Door to Hell

สถานที่นี้ถูกขนานนามว่า ประตูสู่นรก(Door to Hell) อยู่ใกล้เมืองเล็กๆเมืองหนึ่งของ Darvaz ในประเทศเติร์กเมนิสถานน โดยการค้นพบสถานที่แห่งนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 1970 นักธรณีวิทยาได้ทำการขุดเจาะหาก๊าซอยู่นั้น พวกเขาก็ได้พบกับถ้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้พื้นดิน ซึ่งมันใหญ่มาก ใหญ่ซะจนกลืนกินเครื่องมือในการขุดเจาะของพวกเขาไปจนหมด นักธรณีวิทยาเหล่านั้นไม่มีใครกล้าลงไปในหลุมเพราะมันเต็มไปด้วยแก๊สพิษ ดังนั้นพวกเขาจึงจุดไฟเพื่อที่จะเผาไหม้แก๊สให้หมดไป แต่!!!จนถึงตอนนี้ 35 ปีแล้วไฟที่จุดยังไม่เคยดับลงแม้แต่วินาทีเดียว และไม่สามารถคาดเดาได้ว่ามันจะดับลงเมื่อไหร่ อีกทั้งไม่มีใครกล้าลงไปสำรวจ





อันดับ 7 Alnwick Poison Gardens

เมืองอาร์นวิค (Alnwick) ใน อดีตเคยเป็นเมืองหลวงของมณฑลนอร์ทธัมเบอร์แลนด์ของสหราชอาณาจักร ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอาร์นซึ่งไหลผ่านใจกลางของเขตอาร์นวิค และเขตชนบทของมณฑลนอร์ทธัมเบอร์แลนด์ สถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของเมืองอาร์นวิค คือสวนพฤษศาสตร์ที่ตั้งอยู่ที่ เดนวิค, เมืองอาร์นวิค, NE66 1YU, อังกฤษ  สวนอลานวิคเป็นสวนที่สวยงาม และเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 2002 และในปี ค.ศ. 2005 โดย สวนแปลกที่เราจะไปท่องเที่ยวคือพอยซัน การ์เด็นหรือสวนที่รวมต้นไม้มีพิษและเป็นเส้นทางเขาวงกต (สร้างขึ้นเมื่อปี 1500) มีพืชมีพิษจำนวนมากจำพวกมะเขือพวง ยาสูบ และนอกจากนี้ยังมีพืชต้องห้ามต่างๆ เช่น กัญชา, โคคา ซึ่งเราสามารถพบพืชมีพิษเหล่านี้ได้ที่นี่เท่านั้น





อันดับ 6 Asbestos Mine

เหมืองแร่ใยหินหรือแอสเบสตอส(Asbestos) ตั้งอยู่ที่ Thetford-Mines, รัฐควิเบก,แคนาดา เป็นเหมืองแร่ขนาดใหญ่ที่ขุดเพื่อเอรแอสเบสตอสซึ่งเป็นแร่ที่เกิดตามธรรมชาติที่มีลักษณะเป็นใยหิน  ซึ่งมีคุณสมบัติแข็งแรงและทนทานต่อความร้อนสูง  ใช้ในการผสมเป็นวัตถุดิบ  เพื่อการก่อสร้างและผลิตอุปกรณ์  หรือสิ่งของต่างๆมากมาย  เช่นเป็นฉนวนกันความร้อน  ทำผ้าเบรกและ ครัช  กระเบื้องมุงหลังคา  และท่อซีเมนต์   แต่สิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดมะเร็งและโรคอื่นๆ และที่อันตรายที่สุดคือคนงานในเมืองที่จำเป็นดมแร่แอสเบสตอสมากมาย  จนเอสเบสทอสถูกสั่งห้ามใช้ในยุโรปและแคนาดาแล้ว แต่เหมืองเอสเบสทอสยังคงมีอยู่....เพื่อส่งแอสเบสทอสไปขายในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่ง ในฤดูร้อนก็เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว มีรถทัวร์ชมรอบๆ เหมือง หากคุณจะไปเที่ยวขอให้เตรียมพร้อมกับอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับตัวคุณ ไว้ด้วย

อันดับ 5 Ramree Island

เมื่อ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ปี 1945 ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2  ทหารญี่ปุ่นประมาณ 900-1,000 นาย ประจำการอยู่ด้านหนึ่งบน "เกาะรามรีย์" นอกชายฝั่งพม่า เพื่อนบ้านของเรานี่เอง เพื่อสู้รบกับฝ่ายสัมพันธมิตร ทหารญี่ปุ่นต่อสู่ไม่ถ้อย แต่กระนั้นก็ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ทำให้จำเป็นต้องถอยหนี พวกทหารญี่ปุ่นจังมุ่งหน้ารวมกลุ่มหนึ่งที่ฝากหนึ่งของเกาะ

และ นี้เป็นจุดเริ่มต้น ของคืนที่สยดสยองที่ทหารญี่ปุ่นในเวลานั้นลืมไม่ลง ทหารญี่ปุ่นที่เหลือ 1000 นาย ได้รวมกลุ่มเพื่อไปอีกฟากหนึ่งของเกาะ โดยพวกเขาจำเป็นต้องผ่านมีบึงขนาด 16 กม. เท่านั้น และระหว่างที่พวกเขาลุยผ่านบึงนั้นพวกเขาได้ถูกจู่โจมจากฝ่ายศัตรู แต่ไม่ใช้พวกพันธมิตร หากแต่เป็นสัตว์เลื่อยคลานชนิดหนึ่ง

“มันคือจระเข้”

จระเข้ ยักษ์ที่ตะกละตะกลาม จำนวนมากโจมตีทหารญี่ปุ่น อย่างดุร้ายและบ้าคลั่ง ค่อยๆ หายไปทีละคนๆ ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายและเสียงปืนที่ยิงสะเปะสปะ เหล่าทหารญี่ปุ่น 3 ใน 4 ไม่ รอดจากเหตุการณ์บึงมรณะครั้งนั่น คนส่วนใหญ่ที่รอดมาได้ก็บาดเจ็บสาหัส แต่ยังมีชีวิตและสติอยู่มากพอจะภาวนาขอให้ตายไปเสียยังจะดีกว่า และในเหตุการณ์ในครั้งนั้นกินเนสบุ๊คยกให้เป็น "โศกนาฏกรรมที่เลวร้ายที่สุดที่เกิดจากสัตว์"

ปัจจุบัน เกาะรัมรี (Ramree Island) เป็น ส่วนหนึ่งของจ๊อกปะยู ติดกับชายฝั่งอ่าวเบงกอล ในรัฐยะไข่ มีสนามบินพาณิชย์ มีสะพานและถนนเชื่อมกับแผ่นดิน อยู่ห่างจากเมืองท่าซิตต่วย (Sittwe) ลงมาทางทิศใต้ 200 ก.ม.เศษ ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มของระบบทางหลวงที่ไปเชื่อมกับเมืองมะกวย(Magwe) เมืองเม็กติลา (Meiktila) ในเขตมัณฑะเลย์ และเมืองตองยี (Taunggyi) กับเชียงตุง ในรัฐฉาน และถึงชายแดนไทย-จีน

เกาะรามรีย์นั้น ไม่ได้มีชื่อเสียงเพียงแค่เป็นแหล่งของยุงพาหนะไข้มาลาเรีย, แมลง วันที่วางไข่ในแผล และแมงป่องที่มีพิษร้ายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสัตว์ร้ายที่สร้างความหวาดกลัวต่อทหารญี่ป่นในสงครามโลกครั้ง ที่ 2 ด้วยนั้นคือ "จระเข้น้ำเค็ม" ที่ซ่อนตัวอยู่ในบึง ซึ่งมีอยู่มากมายนับหลักพันตัว! จนได้ขนานนามว่า “เกาะแห่งจระเข้กินคน”





อันดับ 4 Yungas Road

ถนนยุงกัส(Yungas Road) เป็นภาษาท้องถิ่นมีความหมายว่า ถนนแห่งความตาย เป็นถนนเส้นทางสายมรณะ อยู่ในตะวันออกเฉียงเหนือของลาปาซ(La Paz) ประเทศโบลิเวีย และได้ถูกบันทึกว่าเป็นถนนที่อันตรายสุดขีดสำหรับนักขับขี่ในโลก อดีตถนนสายนี้สร้างโดยนักโทษชาวปารากวัยในระหว่างสงครามโบลิเวีย-ปารากวัยใน ปี 1932-35 เพื่อใช้เป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างตอนเหนือของประเทศ

ถนนมีความยาวทั้งหมด 70 กิโลเมตร จากเมือง ลาปาซถึงเมือง Coroico ทางโค้งสุดแคบยาวเกือบ 3,600 เมตร โดยที่ข้างๆ เป็นเหวลึก 800 เมตรรอรับรถที่พลาดท่าอยู่! แต่ละปีจะมีคนเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิตเพราะถนนเส้นนี้ 100-200 ราย สาเหตุที่ตายเยอะเนื่องจากถนนที่กว้างแค่ช่องทางเดียวเลนเดียว(กว้างไม่เกิน 3.2 เมตร) และไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ และ ลดระดับลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศจากหนาวเป็นร้อนชื้นอย่างฉับพลันเกิด หมอกในบริเวณนั้น แต่แทนที่จะมีผู้เข็ดขยาดกลับเป็นสิ่งท้าทายให้คนไปเยือนจนถนนสายนี้กลาย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ขาดไม่ได้สำหรับนักท่องเที่ยวผู้ไปเยือนประเทศ โบลิเวีย ในที่สุด





อันดับ 3 Mud Volcanoes of Azerbaijan

ในฤดูใบไม้ผลิของปี 2001 ภูเขาไฟใต้ทะเลแคสเOยน(Caspian) ที่ติดชายฝั่ง Azeri ของ อาเซอร์ไบจานได้เกิดระเบิดขึ้น จำนวนผู้เสียชีวิตไม่มีเพราะมีคำเตือนและอพยพได้ทันเวลา แต่กระนั้นผลลัพท์ที่ได้คือเกิดภูเขาไฟโคลน หรือ "เนินโคลนผุด" ที่แปลว่าโคลนเหลวที่เกิดขณะมีการปะทุของภูเขาไฟ  เป็นโคลนที่มีรูปร่างคล้ายรูปโดม เกิดจากกระบวนการทางธรณีวิทยา  ทำให้ติดไฟง่ายและเกิดก๊าซพิษ แต่กระนั้นมันก็สวยงามแปลกตาอย่างมาก และจนได้เป็นรับเลือกเป็นหนึ่ง 28 สถานที่งดงามตามธรรมชาติของโลกที่ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายเพื่อสรรหา 7 สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติแห่งใหม่ และอาเซอร์ไบจานได้ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีโคลนภูเขาไฟเยอะที่สุดในโลก





อันดับ 2 The Zone of Alienation

เมื่อวันที่ 26 เมษายน ปี 1986 เกิดเหตุการณ์ที่โลกจ้องจารึกเมื่อเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของโรงไฟฟ้า ในเมืองเชอร์โนบิล (สมัยนั้นยังเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต) เกิดการระเบิด ส่งผลให้ให้เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 4 ระเบิด สารกัมมันตรังสีเกือบทั้งหมดแพร่กระจายสู่บรรยากาศ ในรัศมี 30 กิโลเมตรมีการเปรอะเปื้อนรังสีสูง ถูกประกาศเป็นเขตอันตราย (Zone of alienation) สารกัมมันตภาพรังสีลอยออกไปปนเปื้อนทั้งในอากาศ แม่น้ำ ผืนดิน ทั่วทวีปยุโรปกว่า 3.9 ล้านตารางกิโลเมตร สร้างความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินเป็นอย่างมาก  นับว่าเป็นหายนะภัยจากโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ที่รุนแรงที่สุดในโลก

แม้จะผ่านไปเป็นเวลา 21 ปี  2 ทศวรรษ หลังของการระเบิดของโรงงานพลังไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล เมืองเชอร์โนบิลยังคงเป็นเมืองร้างและอันตรายที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แม้อดีตนั้นจะเป็นเมืองที่มีความเจริญที่จุดเด่นคือเสาชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ ที่เด่นงามสง่าและตึกสูงมากมาย แต่จนบัดนี้กลับกลายเป็นซากเหล็กซากปูนที่น่าขนลุกขนพอง  เป็นเมืองที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตทุกชนิด บริเวณในรัศมี19 ไมล์ รอบ ๆ โรงไฟฟ้าแห่งนี้ก็ยังเป็นบริเวณที่อยู่อาศัยไม่ได้ ซ้ำยังคงมีกัมมันตภาพรังสีหลงเหลืออยู่ อีกทั้งของเหลวเป็นพิษและปนเปื้อนในน้ำและอากาศจนไม่สามารถดื่มกินได้





และ

อันดับ 1 Ilha de Queimada Grande

เกาะ Queimada Grande หรือ “เกาะงูคลั่ง” เป็นเกาะที่ตั้ง อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเภทบราซิล เป็นเกาะที่ไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่และไม่กล้ารุกราน อันเนื่องจากเกาะนี้เต็มไปด้วนงูพิษที่สามารถฉกคุณได้ทุกเวลาหากคุณเข้ามา ยังเกาะแห่งนี้

โดยเฉพาะงูพิษพิเศษ Golden Lancehead (Bothrops insularis) pitviper  มีพิษรุนแรงมาก พิษของมันรุนแรงมากกว่างูพิษบนแผ่นดินใหญ่ถึงห้าเท่า กัดทีเดียวตายทันที และจัดว่าเป็นงูถิ่นเดียวที่มีถิ่นอาศัยอยู่บนเกาะที่เท่านั้น และมีอาศัยอยู่หนาแน่นสูงมาก(จำนวนหนึ่งตัวต่อหนึ่งพื้นที่) งู ประมาณกันไว้ว่ามีมากกว่า 5,000 ตัวบนเกาะเลยทีเดียว(งูชนิดนี้มีรูปแบบของเพศที่แปลกคือ มีตัวผู้แท้ มีตัวเมียแท้ และมีกระเทยแท้ )  และสถานที่แห่งนี้จัดว่าเป็นสถานที่อันตรายที่ต้องใช้ใบอนุญาตในการเข้าเท่านั้น





แต่ละที่นี่มันเยี่ยมจริงๆ
Credit: FW
10 เม.ย. 53 เวลา 17:49 7,685 54 484
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...