The Last King of Scotland คงไม่เป็นที่รู้จักเท่าไรนัก หากไม่ได้เข้าไปมีบทบาทเล็กๆที่ยิ่งใหญ่บนเวทีออสก้าที่ผ่านมานั่นคือการส่ง ให้ Forest Whitaker ดาราร่างใหญ่ใจดี คว้ารางวัลดารานำชายแบบนอนมา จากการรับบทจอมเผด็จการโหด "Idi Amin"
?
?
?
ดูเหมือนว่า หนังเกี่ยวกับกาฬทวีป ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จะถูกโฉลกกับการสร้างชื่อจากการเข้าชิงรางวัลของดารานำ อย่างเรื่อง Hotel Rwanda (2004) Don Cheadle และ Sophie Okonedo เข้าชิงดารานำชาย/หญิง Constant Gardener (2005) Rachel Weisz คว้ารางวัลสมทบหญิง รวมถึง Blood Diamnd (2006)Leonardo DiCaprio และ Djimon Hounsou เข้าชิงนำ/สมทบชาย
พอดีเคยดูสารคดีอัตชีวประวัติของ อีดี้ อามิน มาบ้าง เมื่อหยิบ The Last King of Scotland มาดู จึงไม่สงสัยเลยว่าทำไม Forest Whitakerจึงได้รับ รางวัลอย่างเป็นเอกฉันท์จากทุกสถาบันที่เข้าชิง
?
?
ฟอเรสท์ ไม่เพียงสวมบทอามินเท่านั้น แต่เขาคืออามินที่ยังมีลมหายใจบนจอ เขาคือผู้ชายร่างใหญ่ที่ดูอบอุ่นและน่าพรั่นพรึง เด็ดขาดแต่ไร้หัวคิด จิตตกแต่อีโก้แรงในเวลาเดียวกัน ทุกอย่างนี้หลอมรวมอยู่ในการแสดงระดับเทพของฟอเรสท์ทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่แววตาที่ดูเหมือนเด็ก 5 ขวบของอามินก็ไม่มีผิดเพี้ยนจนดูเหมือนคนที่เติบโตมาจากภูมิหลังแบบเดียวกัน
?
ในเรื่องผู้ที่นำเราไปรู้จักกับอีดี้ อามิน คือ นายแพทย์ นิโคลัส การ์ริแกน (James McAvoy) นายแพทย์หนุ่มชาวสก็อตแลนด์ ซึ่งเดินทางมาอูกันดาด้วยอุดมการณ์ที่เปี่ยมล้น โดยไม่รู้เลยว่าขณะนั้นอูกันดาอยู่ในช่วงปฏิวัติโดยนายพลอาร์มิน
เมื่ออา มินได้รับตำแหน่งประธานาธิบดี เขาได้แต่งตั้งให้การ์ริแกนมาเป็นแพทย์ประจำตัว ด้วยเหตุผลว่า การดูแลผู้นำประเทศคือการช่วยเหลือประเทศอูกันดา การ์ริแกนได้เข้าไปเสวยสุขอยู่เคียงข้างอามินจนกระทั่งหลงลืมอุดมการณ์ที่ เคยมี กว่าจะรู้ตัวก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดเสียแล้ว
อีดี้ อามิน หรือ อีดี้ อามิน ดาดา โอมี? เกิดช่วงปี ค.ศ.1923 มีพี่น้อง 8 คน เขาเป็นเด็กมีปัญหาบ้านแตก เรียนไม่เก่งและรักความรุนแรง ต่อมาได้เข้าเป็นทหารซึ่งขณะนั้นประเทศอูกันดายังอยู่ภายใต้อาณานิคมของ อังกฤษ เขาจึงอยู่ในสังกัดของทหารอังกฤษ และได้รับการสนับสนุนจากกองทัพจนกระทั่งได้เป็นแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่ เวท
ในปี 1962 อังกฤษได้ถอนกำลังออกจากอูกานดา? และได้ประกาศให้เป็นประเทศเอกราช โดยมีนายกรัฐมนตรีคนแรกคือ นาย มิลตัน โอโบต โดยมีอามิน เป็นทหารอารักขา
แต่แล้ว เดือนมกราคม 1971? อี ดี้ อามิน ก็ได้วางแผนสั่งปลดนายกรัฐมนตรีคนแรก ซึ่งเป็นนายเหนือหัวของเขาอย่างหน้าตาเฉย
หลังจากนั้น อามินก็ทำทุกวิถีทางที่จะปกป้องอำนาจของเขา ที่ดูน่าหัวเราะเยาะที่สุดคือ การปรับเปลี่ยนระบบกองทัพของอูกันดา โดยสังหาร หมู่ผู้นำทหารระดับสูง แล้วสถาปนาคนเชื้อสายเดียวกันกับเขา ไม่ว่าจะเป็นคนขับแท็กซี่ หรือคนล้างจาน ให้เป็นนายทหารระดับสูงเพื่อคุมกองทัพแทน
?
เนื่องจากการใช้จ่ายอย่าง ฟุ่มเฟือยและโดนคว่ำบาตรจากมิตรประเทศ ทำให้อามิน ผลิตเงินขึ้นมา ใช้เอง ก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ต่อมาเขาได้มีนโยบายขับไล่ ชาวเอเชียซึ่งส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าออกจากประเทศภายใน 90 วัน แล้วยึดเอาทรัพย์สินมาเสวยสุขสำราญได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง?
ที่น่าสมเพชที่สุดก็คือการ ตั้งองค์กรสังหารหมู่(SRB) ขึ้นมา ภายใต้ชื่อองค์การสืบหาศพ โดยออกไปตระเวน แอบจับคนมาสังหาร เมื่อญาติของผู้สูญหายจึงต้องว่าจ้างให้องค์กรออกตามหา จากนั้นองค์กรก็จะเอาศพมาให้ญาติแล้วคิดค่าตามหาศพละ 150 ปอนด์??? หากไม่มีญาติติดต่อก็จะโยนศพลงแม่น้ำไนล์เป็นอาหารของจระเข้ แต่ศพก็เพิ่มขึ้นทุกวันจนจระเข้กินไม่ไหว ผลสุดท้ายศพเหล่านี้ก็ลอยไปกองกันอยู่ที่เขื่อนสร้างกระแสไฟฟ้า กลายเป็นปัญหาเรื่องการจ่ายกระแสไฟ
?
อีดี้ อามิน นำอูกันดาดำดิ่งสู่ยุควิกฤติ สภาพเศรษฐกิจตกต่ำอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งยังโดนสหรัฐและอังกฤษตัดความสัมพันธ์ และก็กลาย เป็นศัตรูกับอิสราเอล พันธมิตรใกล้ชิด เมื่อกลุ่มสลัดอากาศปาเลสไตน์จี้เครื่องบินของสายการบินแอร์ ฟรานซ์ ไปลงที่สนามบินเอนเท็บเบ้ของอูกันดา พร้อมจับผู้โดยสารชาวอิสราเอลเป็นตัวประกัน
อิสราเอลต้องส่งหน่วย คอมมานโดไปชิงตัวประกันได้สำเร็จ ซึ่งแม้อามินจะอ้างว่าได้พยายามแก้ไขวิกฤติให้จบลงด้วยดี แต่มีหลักฐานมากมายบ่งชี้ว่าเขาเป็นพวกเดียวกับกลุ่มสลัดอากาศ
?
มีเรื่องที่เลวร้ายอีกมากอันเกิดจากการปกครองประเทศเพียง 8 ปี ของอีดี้ อามิน แม้กระทั่งการสั่งหั่นศพภรรยาตัวเอง แล้วให้ลูกสาวเข้าไปดูศพแม่ เพื่อไม่ให้ใครกล้าหักหลังเขา หรือแม้แต่การแช่ศีรษะมนุษย์ไว้ในช่องฟรีซ (จ๊ากก!)
อำนาจของ อีดี้ อามิน ต้องสิ้นสุดลง เมื่อเขาส่งทหารไปบุกแทนซาเนีย? แล้วโดนตีตอบกลับมา และรุกเข้าไปจนถึงกรุงกัมปาลา เมืองหลวงของอูกันดา โดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากประชาชนอูกันดา และการรบครั้งนี้ก็มิได้ยากเย็นใดเลย เมื่อทหารของอีดี้ อามิน ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านที่ไม่ได้ถูกฝึกรบมาก่อน
อีดี้ อามิน ต้องลี้ภัยไปอยู่ที่ประเทศลิเบียโดยเครื่องบินส่วนตัว ก่อนที่จะอพยพต่อไปยังซาอุดิอาระเบีย สรุปแล้วภาย ใต้การปกครอง 8 ปี ของ อีดี้ อามิน มีประชาชนเสียชีวิตไปจากเงื้อมมือของเขากว่า 5 แสนคน!!!??
เรื่องที่น่าเศร้าก็คือ เขาจากโลกนี้ไปด้วยโรคความดันโลหิตสูงและไตวายในเดือนสิงหาคมปี 2003 ด้วยวัย 80 ปี โดยไม่เคยได้รับโทษทัณฑ์ใดๆจากผลกรรมที่เขาก่อไว้เมื่อ 20 กว่าปีก่อน
...แถมยังใช้ชีวิตอย่างหรูหราพร้อมกับภรรยาและลูกอีก 22 คนจนวาระสุดท้าย...อย่างสงบ....
?
?
?
?
?ข้าน้อยขอคารวะ
เปรียบเทียบ อามิน กับ ฟอเรสท์
?ว้า กกกก!!!!!!!!!!!