หลังเกิดเหตุปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนการเลือกตั้งและกลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้านการเลือกตั้ง ที่บริเวณแยกหลักสี่ ใกล้กับห้างสรรพสินค้าไอทีสแควร์ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
ในเหตุการณ์ดังกล่าวปรากฏภาพชายชุดดำคลุมหมวก "ไอ้โม่ง" ใช้อาวุธปืนสงคราม คาดว่าเป็นปืน "ทาโว่" หรือ ปืนเล็กยาว 50 (ปลย.50) ซึ่งเป็นอาวุธประจำกายของเจ้าหน้าที่รัฐหน่วยที่ต้องใช้กำลัง คลุมด้วยถุงกระสอบป๊อปคอร์น ยิงต่อสู้กับฝ่ายตรงข้าม อีกทั้งยังปรากฏภาพชายชุดดำ และชุดลายพราง มีอาวุธปืนหลายชนิด ทั้งปืนพกสั้น และปืนยาว ยิงตอบโต้กันราวฉากหนึ่งในภาพยนตร์แนวบู๊ล้างผลาญ
ภาพที่ปรากฏดังกล่าวทำให้เกิดคำถามตามมาว่า ชายชุดดำ ชายที่สวมหมวกไอ้โม่ง ชายสวมเสื้อลายพราง และบุคคลที่มีและใช้อาวุธปืนครั้งนี้ เป็นใครมาจากไหน หรือเป็นหน่วยงานใด มีเจตนาอะไรในการก่อเหตุรุนแรงครั้งนี้
ช่วงสายวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา (สบ10) นำทีมผู้เชี่ยวชาญด้านพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุปะทะกันซ้ำอีกครั้งเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม จากก่อนหน้านั้น พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ผบช.สพฐ. พร้อมทีมงาน ตรวจสอบเก็บหลักฐานไปแล้วครั้งหนึ่ง
"ละแวกที่เกิดเหตุพบรอยกระสุนจำนวน 48 รอย จากปืน 7 ชนิด คือ 1.ปืนลูกซอง 2.ปืนขนาด .38 3.ปืนขนาด 9 มม. 4.ปืนขนาด .45 5.ปืนคาร์บิน 6.ปืนความเร็วสูงที่ใช้กระสุน ขนาด .223 และ 7.ปืนอาก้า ใช้กระสุนขนาด 7.62 วิถีกระสุนมีการยิงมาจากสองฝ่าย" พล.ต.อ.จรัมพร เปิดเผยภายหลังตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ผลการตรวจสอบที่เกิดเหตุดังกล่าวสอดคล้องกับภาพถ่าย ซึ่งทั้งสื่อมวลชนและประชาชนที่เห็นเหตุการณ์สามารถบันทึกภาพเอาไว้ได้ และมีการนำไปเผยแพร่ในเครือข่ายสังคมออนไลน์ และเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแพร่หลาย
ในแนวทางการสืบสวนของตำรวจล่าสุดเป็นที่ชัดเจนว่า ขณะเกิดเหตุมีการใช้อาวุธตอบโต้กันทั้ง 2 ฝ่าย โดยในฝ่ายของผู้ชุมนุมที่สนับสนุนการเลือกตั้ง มีแกนนำระดับฮาร์ดคอร์ชื่อดังย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี เป็นหัวเรือใหญ่ มีการระดมชายฉกรรจ์ในกลุ่มพร้อมอาวุธ ซึ่งเป็นปืนพกสั้น และระเบิดปิงปอง เข้ามาใช้ก่อเหตุรุนแรง หวังข่มขู่ให้กลุ่มผู้คัดค้านการเลือกตั้งยุติการปิดล้อมสำนักงานเขตหลักสี่ โดยไม่คิดว่าฝ่ายตรงข้ามจะตอบโต้ด้วยอาวุธที่มีอานุภาพรุนแรงกว่า
แนวทางการสืบสวนของตำรวจมีเบาะแสที่เชื่อได้ว่า กลุ่มติดอาวุธที่เปิดฉากยิงตอบโต้กับกลุ่มฝ่ายตรงข้าม มีอยู่ 3 กลุ่มใหญ่ ซึ่งมีภาพปรากฏเป็นหลักฐาน กลุ่มแรกคือ กลุ่มนักเรียนอาชีวะ ที่เรียกตัวเองว่า "ซีลราชสิทธิ์" ทำหน้าที่การ์ดอาสาให้แก่กลุ่มผู้คัดค้านการเลือกตั้ง กลุ่มนี้น่าจะผ่านการเรียนหลักสูตรวิชาทหาร หรือผ่านการฝึกยิงปืนมาก่อน มีหัวหน้าชื่อ "เอ๋" สูงประมาณ 175 เซนติเมตร ผิวขาว ไว้หนวด ใช้รถยนต์มิตซูบิชิ รุ่นปาเจโร่ สีขาว ทะเบียน ณ 14XX เป็นพาหนะ
"กลุ่มนี้จะใช้อาวุธปืนพกสั้น และปืนยาวคาร์บิน เป็นอาวุธ ซึ่งมีภาพถ่ายบันทึกไว้ได้ ขณะเกิดการปะทะกัน อีกทั้งมีข้อมูลว่า รถยนต์มิตซูบิชิปาเจโร่ของนายเอ๋มักติดตามไปในทุกๆ ที่ที่กลุ่มผู้คัดค้านการเลือกตั้งเคลื่อนไปในที่ต่างๆ ซึ่งภายในรถยนต์คันนี้มีการซุกซ่อนอาวุธปืนสงครามเอาไว้จำนวนมาก ซึ่งอาวุธเหล่านั้นคาดว่ามีกลุ่มคนมีสีนำมามอบไว้ให้การ์ดชุดนี้ได้ใช้งาน" แหล่งข่าวในชุดสืบสวน เปิดเผย
สำหรับกลุ่มที่สอง ซึ่งใช้อาวุธปืนสั้นขนาด .38 ปรากฏภาพ ขณะล้มตัวลงนอนราบกับพื้นถนน และยิงปืน โดยชายกลุ่มนี้สวมปลอกแขนสีเขียว มีสัญลักษณ์ของกลุ่ม กปปส. ชุดนี้น่าจะเป็นทีมการ์ดของ กปปส. ซึ่ง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ก็ยอมรับในการปราศรัยบนเวทีว่า น่าจะเป็นการ์ดของ กปปส. และอยู่ระหว่างติดตามหาตัวว่าเป็นใคร
กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มที่ใช้อาวุธสงคราม โดยเฉพาะปืนทาโว่ ในการก่อเหตุ ข้อมูลการสืบสวนพบว่า น่าจะเป็นกลุ่มคนมีสี ที่ผ่านการฝึกยุทธวิธีแบบ Close Quarters Battle หรือ CQB ซึ่งเป็นหลักสูตรการต่อสู้ระยะสั้นแบบประชิดตัว รวมถึงการใช้อาวุธปืนตามยุทธวิธี
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเปิดเผยด้วยว่า กลุ่มคนมีสีชุดนี้ ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้แก่กลุ่มต่อต้านการเลือกตั้ง ซึ่งเข้าไปแฝงตัวอยู่กับกลุ่มผู้ชุมนุม มีความเชี่ยวชาญในการใช้อาวุธ และการต่อสู้ตามยุทธวิธี ทำงานกันเป็นทีม โดยหนึ่งทีมมี 3 คน คนแรกทำหน้าที่มือปืน คนที่สองทำหน้าที่ชี้เป้า และอีกคนทำหน้าที่ในการเก็บปลอกกระสุน ซึ่งในกลุ่มผู้ชุมนุมกองกำลังชุดนี้มีไม่น้อยกว่า 50 คน
"มือปืนที่ใช้กระสอบป๊อปคอร์นคลุมอาวุธปืน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นทาโว่ ยิงต่อสู่กับฝ่ายตรงข้าม ค่อนข้างชัดเจนว่าอยู่ในกลุ่มของผู้คัดค้านการเลือกตั้ง ซึ่งเคลื่อนขบวนมาสมทบจากห้าแยกลาดพร้าว" แหล่งข่าวในชุดสืบสวน ให้ข้อมูล
สอดคล้องกับสื่อมวลชน ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุปะทะกัน ที่ระบุว่า มือปืนที่ใช้กระสอบป๊อปคอร์นคลุมอาวุธปืนมาพร้อมกับผู้ชุมนุมกลุ่มคัดค้านการเลือกตั้งที่เคลื่อนขบวนมาจากห้าแยกลาดพร้าว ซึ่งไม่ได้มีแค่คนเดียว แต่มีนับสิบคน คนกลุ่มนี้มีทั้งปืนสั้นและปืนยาวเป็นอาวุธ โพกผ้าเขียวเหมือนสื่อมวลชน มีทั้งสวมหมวกไอ้โม่ง และสวมเสื้อเกราะ
"ผมไม่สามารถยืนยันได้ว่าเขาเป็นพวกเดียวกันกับผู้ชุมนุมหรือไม่ ที่ยืนยันได้คือ เขามาพร้อมกัน จะแฝงตัวมาหรือเปล่าผมไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ คือเขามีอาวุธครบมือทั้งปืนสั้นและปืนยาว" สื่อมวลชน ซึ่งอยู่ร่วมในเหตุการณ์รุนแรง กล่าว
อย่างไรก็ตาม มีการตั้งข้อสังเกตว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการจัดฉากของมือที่สาม ที่ต้องการสร้างสถานการณ์เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงนอกเหนือรัฐธรรมนูญของกลุ่มขั้วอำนาจหรือไม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ หน่วยงานด้านการข่าวยืนยันว่า มีกองกำลังชุดปฏิบัติภารกิจพิเศษเดินทางมาจากพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการใช้อาวุธจำนวน 17 คน เข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่การชุมนุม
กองกำลังชุดนี้ทำหน้าที่สร้างสถานการณ์รุนแรง เพื่อขับเคลื่อนให้เป้าหมายในการยุติการชุมนุมของขั้วอำนาจประสบผลสำเร็จ โดยมีข้อมูลว่า คืนก่อนวันเกิดเหตุกองกำลังชุดนี้มีการประชุมวางแผนปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งในเซฟเฮ้าส์ของหัวหน้าชุดย่านรามอินทรา ซึ่งแผนปฏิบัติการดังกล่าวอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการปะทะกันที่แยกหลักสี่ก็อาจเป็นได้
รู้จักปืนทาโว่
ปืนทาโว่ ทาร์-21 (IMI Tavor TAR-21) เป็นปืนเล็กยาวรุ่นใหม่ของอิสราเอล ออกแบบเมื่อปี 2534 เริ่มประจำการตั้งแต่ปี 2545 ในกองทัพโคลอมเบีย, คอสตาริกา, จอร์เจีย, กัวเตมาลา, อิสราเอล, อินเดีย และโปรตุเกส
เป็นปืนเล็กยาวเหมาะสำหรับภารกิจจู่โจม ขนาดลำกล้อง 5.56 มม. ระยะครบรอบเกลียว 7 นิ้ว ความยาวลำกล้อง 460 มม. กระสุน 5.56x45 mm. NATO ซองกระสุน 20/30 นัด ขับดันด้วยก๊าซ, อัตราการยิง 750-900 นัดต่อนาที ระยะยิงหวังผล 200-300 เมตร น้ำหนักปืนขณะติดตั้งอุปกรณ์ครบชุดประมาณ 3.7 กิโลกรัม
ปืนทาโว่ ถูกออกแบบให้ใช้งานง่าย มีน้ำหนักเบา สามารถถือได้ด้วยมือข้างเดียว แม็กกาซีนที่ใช้ใส่กระสุนเหมือนกับเอ็ม 16 ทั่วไป และสามารถติดตั้งลำกล้องเครื่องยิงระเบิดเอ็ม 79 ได้เช่นเดียวกับปืนเอ็ม 16
กองทัพบกไทยนำเข้าปืนรุ่นนี้เข้ามาประจำการในชื่อ "ปืนเล็กยาวแบบ 50" หรือ ปลย.50 ทดแทนปืน เอ็ม16เอ โดยมียอดการจัดหาทั้งหมด 106,203 กระบอก ขณะที่กองทัพเรือได้จัดหา ปลย.50 รุ่นx95 เข้ามาประจำการในหน่วยปฏิบัติการพิเศษเช่นกัน
เมื่อปี 2553 กองทัพบกเคยแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจนครบาลบางยี่ขัน และสถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม ว่า ยุทโธปกรณ์ เครื่องมือสื่อสาร และยานพาหนะ ที่กองทัพบกนำมาใช้ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง ได้สูญหายไป โดยในจำนวนนั้นมี อาวุธปืนทาโว่ ทาร์-21 รวมอยู่ด้วย
หลักสูตร CQB
หลักสูตรการฝึกอบรมการต่อสู้แบบ Close Quarters Battle หรือ CQB คือ หลักสูตรการฝึกอบรมการต่อสู้ในระยะประชิด เช่น ในห้องเล็กๆ ผู้เข้ารับการฝึกจะมีความเชี่ยวชาญในการใช้อาวุธปืน มีการฝึกปฏิบัติตามยุทธวิธี มีการวางแผนอย่างรัดกุมและต้องมีการเคลื่อนที่เร็วประสานสอดคล้องกันในทีมปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมาย โดยยึดหลักพื้นฐานคือการปฏิบัติอย่างฉับพลัน ความเร็ว และความรุนแรง
การปฏิบัติอย่างเฉียบพลัน เป็นกุญแจหลักที่จะนำไปสู่ความสำเร็จของภารกิจ ชุดยิงหรือส่วนบุกจะต้องปฏิบัติการอย่างเฉียบพลัน ในระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที ด้วยการเบี่ยงเบนความสนใจทำให้ไขว้เขวหรือสร้างความตกใจแก่ฝั่งตรงขัาม ซึ่งจะเกิดผลดีเมื่อเป็นการปฏิบัติต่อฝ่ายตรงข้ามที่ไม่ได้ระมัดระวังตัว หรือถูกฝึกมาในระดับที่ไม่สูงนัก
ความเร็ว มีผลให้ผู้ปฏิบัติสามารถเข้ายึดหรือเคลียร์พื้นที่โดยปลอดภัย ใน CQB การใช้ความเร็วไม่ได้หมายความว่าจะต้องเคลื่อนที่เร็วมากจนสูญเสียการระมัดระวัง แต่หมายความว่า ให้ระวังแล้วไปอย่างรวดเร็ว
ความรุนแรง คือ การปฏิบัติต่อฝั่งตรงข้ามอย่างใดอย่างหนึ่ง อาจด้วยการทำการยิงด้วยอำนาจของอาวุธที่มี เพื่อทำให้ฝั่งตรงข้ามนั้นเหลือโอกาสน้อยที่สุดที่จะสร้างอันตรายให้กับฝั่งผู้ปฏิบัติ เพราะฉะนั้นหลักเบื้องต้นทั้งสามต่างมีความสำคัญและสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน เช่น ความรุนแรงและความเร็ว จะส่งผลให้การปฏิบัตินั้นเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ส่งผลให้ข้าศึกเกิดความชะงักงัน
โดยหลักสูตรการฝึกการต่อสู้ประเภทนี้มีในหน่วยงานที่ต้องใช้กำลัง เพื่อใช้ปฏิบัติภารกิจพิเศษ
.................................