บช.น.เผยสรุปการดูแลรักษาความปลอดภัยภาพรวบปกติ มี 3 เขตทำการเลือกตั้งไม่ได้ คาดเตรียมออกหมายจับผู้ก่อเหตุปะทะหลักสี่ได้ไม่ต่ำกว่า 5 คน

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 2 ก.พ. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น.และโฆษก บช.น. แถลงข่าวสรุปสถานการณ์การเลือกตั้งว่า การจัดการเลือกตั้งในกรุงเทพมหานครมีเขตเลือกตั้ง 33 เขตเลือกตั้ง (50 เขตปกครอง) จำนวน 6,671 หน่วย มีหน่วยเลือกตั้งเปิดเลือกตั้งได้ครบทุกหน่วยมีดังนี้ พื้นที่บก.น.3 จำนวน 591 หน่วย เปิดได้ครบทุกหน่วย พื้นที่บก.น.7 จำนวน 645 หน่วย เปิดได้ครบทุกหน่วย พื้นที่บก.น.8 จำนวน 592 หน่วย เปิดได้ครบทุกหน่วย บก.น.9 จำนวน 886 หน่วย เปิดได้ครบทุกหน่วย ซึ่งมีเขตที่ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ 3 เขต ดังนี้ 1.เขตหลักสี่ จำนวน 126 หน่วย เนื่องจากได้มีพระพุทธอิสระ นำมวลชนประมาณ 200 คน ไปปิดล้อมสำนักงานเขตหลักสี่เพื่อไม่ให้นำหีบบัตรออกไปจากหน่วยเลือกตั้ง

พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวต่อว่า 2.เขตราชเทวี 85 หน่วย เนื่องจากได้มีนายทินกร ปลอดภัย นำมวลชนประมาณ 200 คน ไปปิดล้อมสำนักงานเขตราชเทวีเพื่อไม่ให้นำหีบบัตรออกไปจากหน่วยเลือกตั้ง 3.เขตดินแดง จำนวน 138 หน่วย เนื่องจากมีกลุ่ม กปปส. ประมาณ 250 คน นำโซ่ไปคล้องปิดไว้ที่ประตูสำนักงานเขต และปิดล้อมสำนักงานเขต ดินแดงไว้ เพื่อไม่ให้นำหีบบัตรออกไปจากหน่วยเลือกตั้ง ส่วนหน่วยเลือกตั้งที่สามารถเปิดหน่วยเลือกตั้งได้บางหน่วย แต่มีบางหน่วยเปิดไม่ได้ ดังนี้ พื้นที่บก.น.1 จำนวน 497 หน่วย เปิดได้ 272 หน่วย เปิดไม่ได้ 225 หน่วย พื้นที่ บก.น.2 จำนวน 1,441 หน่วย เปิดได้ 1,271 หน่วย เปิดไม่ได้ 170 หน่วย พื้นที่บก.น. 4 จำนวน 837  หน่วย เปิดได้ 794 หน่วย เปิดไม่ได้ 43 หน่วย พื้นที่บก.น.5 จำนวน 904 หน่วย เปิดได้ 885 หน่วย เปิดไม่ได้ 19 หน่วย พื้นที่บก.น.6 จำนวน 278 หน่วย เปิดได้ 237 หน่วย เปิดไม่ได้ 41 หน่วย

“โดยสาเหตุที่เปิดหน่วยเลือกตั้งไม่ได้มี 2 สาเหตุ คือ 1.ถูกมวลชนกลุ่ม กปปส. ปิดล้อม 2.เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าจัดการเลือกตั้งลาออกหรือมีจำนวนไม่ครบ กรณีผู้ที่ไม่สามารถใช้สิทธิเลือกตั้งได้นั้น ขอให้ผู้เสียสิทธิดังกล่าวไปแจ้งความได้ที่ สน. ตามขั้นตอน และ กกต. จะเปิดให้มีการเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง ส่วนผู้ที่ไม่ได้เดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 26 ม.ค. ที่ผ่านมานั้น กกต. ได้กำหนดวันเลือกตั้งล่วงหน้าไว้ในวันที่ 23 ก.พ.ต่อไป” โฆษกบช.น. กล่าว  

ส่วนเหตุการณ์ที่น่าสนใจนั้น พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวอีกว่า 1. เมื่อเวลาประมาณ 08.40 น. กรณีของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้ถูกกลุ่มชายประมาณ 4 คน พยายามเข้าไปทำร้ายร่างกาย ขณะที่นายชูวิทย์ฯ พร้อมพวกจำนวน 8 คน กำลังเดินทางไปยังหน่วยเลือกตั้งที่ 84 ซอยรัชดาภิเษก 3 แยกซอยรัชดาอพาร์ทเม้นท์ แขวงและเขตดุสิต โดยจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุ พบว่าชาย 4 คนดังกล่าว ได้มายืนดักรอนายชูวิทย์ อยู่ที่ฝั่งตรงข้าม บีบี การ์เด้น รีสอร์ท โดยขณะที่นายชูวิทย์ ได้เดินมาถึงจุดเกิดเหตุ ได้มีชายคนหนึ่งพุ่งชาร์จเข้าไปที่ตัวนายชูวิทย์ฯ แต่กลุ่มชายที่เดินทางมากับ นายชูวิทย์ ได้เข้าขัดขวาง จนเกิดการชุลมุนขึ้น หลังจากนั้นชายทั้ง 4 คนก็ได้แยกย้ายหลบหนีไป โดยนายชูวิทย์ ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ซึ่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวางได้เดินทางไปสอบปากคำนายชูวิทย์ ไว้เรียบร้อยแล้ว และนายชูวิทย์ ไม่ประสงค์จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีแต่อย่างใด โดยพนักงานสอบสวนได้ลงประจำวันไว้เรียบร้อยตามประจำวัน เวลา 13.05 น. ลงวันที่ 2 ก.พ.

2. เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. ได้เกิดเหตุ น.ส.รพีพร ณ ราชบุรี อายุ 36 ปี อยู่ที่บ้านเลขที่ 50/20 แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี ได้ฉีกบัตรเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งที่ 20 แขวงแสนแสบ หมู่ 9 แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี ซึ่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลมีนบุรีได้แจ้งข้อหา ทำบัตรเลือกตั้งชำรุดหรือเสียหาย หรือให้เป็นบัตรเสีย และได้ลงประจำไว้ตามคดีอาญาที่ 181/57 ลงวันที่ ๒ ก.พ. ทั้งนี้ ทางบช.น.ได้ดำเนินการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในการเลือกตั้ง รวมทั้งการจราจร โดยทั้งวันที่ผ่านมาได้มีการดำเนินการจัดการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ในภาพรวมโดยทั่วไปเหตุการณ์เป็นปกติ

เมื่อถามถึงกรณีการดูแลรักษาความปลอดภัยให้เจ้าหน้าที่ดูแลการเลือกตั้งและหีบบัตรเลือกตั้งนั้น พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวว่า ภายหลังจากการปิดหีบบัตรการเลือกตั้งแล้ว ก็จะนำหีบเลือกตั้งไปเก็บไว้ยังที่ปลอดภัย ซึ่งการกำหนดจุดนั้น ก็น่าจะนำไปเก็บรักษาไว้ที่สถานีตำรวจ อย่างไรก็ตาม หน่วยเลือกตั้งตามเขตที่รับผิดชอบต่างๆ จะเป็นผู้กำหนดจุดที่จะนำหีบเลือกตั้งไปเก็บไว้ยังที่ปลอดภัย ส่วนความวุ่นวายที่เกิดบริเวณสน.ดินแดงนั้น เป็นเพียงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจากกลุ่มผู้ต้องการใช้สิทธิ์ บังคับให้เจ้าหน้าที่กกต.เปิดหน่วยเลือกตั้งเพื่อให้ได้ใช้สิทธิ์เท่านั้น จึงได้ชี้แจงประชาชนให้ลงบันทึกประจำวันไว้เพื่อคงรักษาสิทธิไว้ในการเลือกตั้งที่จะจัดขึ้นภายหลังหากประชาชนผู้ใดไม่สามารถไปเลือกตั้งได้ขอให้ไปแจ้งความร้องทุกข์ในสถานีตำรวจที่รับผิดชอบเขตเลือกตั้งดังกล่าวได้ต่อไป

เมื่อถามว่าจากการลงพื้นที่ตรวจสอบที่หลักสี่เป็นอย่างไร พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวว่า ทาง พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ผบช.สพฐ.ตร. ได้นำเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบดูวิถีกระสุนต่างๆอย่างละเอียด จากนั้นจะนำข้อมูลมาประมวลเพื่อให้พนักงานสอบสวนออกหมายจับบุคคลที่ก่อเหตุยิง ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะออกหมายจับในส่วนที่เห็นชัดเจนไม่ต่ำกว่า 5 คน โดยคาดว่าพรุ่งนี้จะสามารถขออนุมัติศาลเพื่อออกหมายจับได้ ส่วนคนเจ็บนั้นกำชับให้ทาง พล.ต.ต.สุรนิตย์ พรหมบุตร ผบก.น.2 พ.ต.อ.พงษ์ สังข์มุรินทร์ ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง ได้เข้าไปสอบปากคำคนเจ็บและพยานที่เห็นเหตุการณ์แล้ว

เมื่อถามถึงกรณีเหตุปะทะบริเวณใต้สะพานข้ามแยกหลักสี่ มีอยู่ 2 จุด คือ 1.กลุ่มผู้ที่ใช้อาวุธปืนยิงเหตุการณ์ดังกล่าวมีลักษณะคล้ายมืออาชีพอย่างไรนั้น พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวว่า จากการภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวที่ปรากฏออกมา ลักษณะท่าทางการใช้อาวุธปืนยิงไม่เหมือนคนที่ไม่เคยใช้อาวุธในการยิง วิธีการยิงปืน ชักปืนมีลักษณะมีความเชี่ยวชาญและได้รับการฝึกฝน 2.ยุทธวิธีที่ใช้เวลาการใช้อาวุธปืนยิงออกไป อย่างกรณีที่การใช้ถุงปุ๋ยปกปิดอาวุธปืนไว้ยิง เป็นยุทธวิธีที่ถูกฝึกมา รวมถึงมีคนช่วยชี้เป้าเพื่อสามารถเล็งเป้าเพื่อให้เกิดความชัดเจน นอกจากนี้ลักษณะการปฏิบัติการมีการหาที่กำบังยิงจากที่กำบังก็มีความเชี่ยวชาญ

เมื่อถามว่าเกี่ยวข้องกับคนมีสีหรือไม่นั้น พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวว่า ไม่สามารถระบุได้ เพราะอาจจะเป็นหรืออาจจะไม่ใช่ แต่ยืนยันได้ว่าเป็นคนที่ได้รับการฝึกฝน ซึ่งอาจจะเป็นกองกำลังที่ถูกฝึกมาให้ปฏิบัติการดังกล่าว ซึ่งต้องทำการตรวจสอบก่อน ส่วนกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมมีการพกพาอาวุธเข้ามาในพื้นที่บริเวณที่มีเหตุปะทะค่อนข้างเยอะนั้น อาจจะมีการลักลอบนำอาวุธปืนดังกล่าวเข้ามาตามชายแดนที่หาซื้อได้ในวงการ รวมทั้งปืนของตำรวจที่ถูกขโมยไประหว่างเกิดเหตุปะทะที่สน.ดินแดง อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่นำมาใช้ก่อเหตุได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการตั้งด่านมั่นคงตรวจสอบกันอย่างต่อเนื่อง อย่างที่ปรากฏเป็นข่าวทั้ง เครื่องยิงกระสุนอาร์พีจี เพื่อไม่ให้นำเข้ามาก่อเหตุความวุ่นวายช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมือง