กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นเครื่องดื่มแก้วแรกในช่วงเช้า ก่อนเริ่มต้นกิจวัตรประจำวัน ซึ่งเหตุผลหนึ่งก็เป็นเพราะคาเฟอีนที่อยู่ในกาแฟนั่นเอง ล่าสุดนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยจอห์นสฮอปกินส์ได้ศึกษาพบว่า สารคาเฟอีนสามารถช่วยกระตุ้นความจำของคนเราได้
คาเฟอีน เป็นสารที่สามารถพบได้ในอาหารหลายชนิด ทั้งชา กาแฟ และโคลา ซึ่งทำให้ร่างกายเกิดความตื่นตัวและลดความง่วง จึงทำให้คาเฟอีนเป็นสารกระตุ้นประสาทที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกก็ว่าได้
ปัจจุบัน ผู้คนจำนวนมากใช้คาเฟอีนในชา-กาแฟเป็นพลังงานในการเริ่มต้นวันใหม่ เพื่อให้สามารถตื่นไปทำงานได้อย่างสดชื่น ขณะที่บางคนยังมีความกังวลว่าคาเฟอีนอาจเป็นสารที่ให้โทษมากกว่าประโยชน์ จึงพยายามหลีกเลี่ยงหรือบริโภคให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ล่าสุด ผลวิจัยของมหาวิทยาลัยจอห์นสฮอปกินส์ ระบุว่าการบริโภคคาเฟอีนในปริมาณที่เหมาะสมสามารถช่วยปรับปรุงระบบความจำให้ดีขึ้นได้ โดยทางทีมวิจัยให้กลุ่มตัวอย่างดูภาพจำนวนหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นก็ให้ส่วนหนึ่งรับเม็ดยาคาเฟอีน 200 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นปริมาณเฉลี่ยที่ชาวอเมริกันร้อยละ 80 ได้รับในหนึ่งวัน อีกส่วนหนึ่งรับเม็ดยาหลอก
ผ่านไป 24 ชั่วโมง จึงให้กลุ่มตัวอย่างดูภาพเซ็ตใหม่ ที่ประกอบด้วยภาพซ้ำบ้าง ไม่ซ้ำบ้าง และให้ตอบคำถามว่าจำภาพใดได้บ้าง นอกจากนั้น ระหว่างการเก็บข้อมูลยังมีการเก็บตัวอย่างน้ำลายของกลุ่มตัวอย่างเพื่อศึกษาความเปลี่ยนแปลงอีกด้วย
ผลที่ได้พบว่ากลุ่มตัวอย่างที่ได้รับยาเม็ดคาเฟอีนสามารถระบุภาพได้ดีกว่า และศักยภาพในการแยกแยะภาพนี้เองที่นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าเป็นกลไกของสมองที่อยู่ในระดับเดียวกับสมองส่วนที่ใช้ในการจดจำ
อย่างไรก็ตาม ทีมนักวิจัยไม่ได้ต้องการให้ทุกคนพยายามตั้งหน้าตั้งตาบริโภคคาเฟอีนเพียงเพื่อจะเพิ่มสมรรถภาพความทรงจำของตนเท่านั้น เพราะจากการทดลองยาเม็ดคาเฟอีนขนาด 300 มิลลิกรัม พบว่าไม่ได้ช่วยระบบความจำมากกว่าขนาด 200 มิลลิกรัมแต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้น ยังอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ปวดหัว คลื่นไส้ และกระวนกระวาย ได้อีกด้วย
ท้ายที่สุด ทีมนักวิจัยได้เน้นย้ำว่า การที่ผลการศึกษาออกมาในรูปแบบนี้ ไม่ใช่เพราะคาเฟอีนส่งผลโดยตรงให้ระบบความจำของเราดีขึ้น แต่เป็นเพราะคาเฟอีนทำให้เรารักษาความทรงจำไว้ได้ในช่วงที่สมองมักจะลืมไปต่างหาก ซึ่งช่วงที่สมองคนเรามักลืมรายละเอียดนี้คือช่วง 2-3 ชั่วโมง หรือ 1 วัน หลังจากเกิดเหตุการณ์นั่นเอง
หลังจากนี้ ทีมนักวิจัยคาดหวังว่าจะสามารถอธิบายกลไกของระบบสมอง และอาจต่อยอดไปศึกษาผลของคาเฟอีนในการรักษาโรคทางสมองต่อไปด้วย