นับจากวันที่ Toyota Altis โฉมใหม่เปิดตัวต่อสื่อมวลชนจนวันนี้ก็ผ่านมาร่วมสัปดาห์ได้แล้ว ท่านผู้อ่านหลายท่านก็ได้ไปขับมาแล้วมาเล่าสู่กันฟัง ซึ่งก็มีทั้งส่วนที่ชมในแง่ของรูปลักษณ์ที่กล้าออกแบบให้มีความดุดันแลดูคล่องแคล่ว รุ่นก่อนๆนั้นมักถูกล้อเลียนโดยเซียนคีย์บอร์ดว่าเป็นอึ่งอ่างบ้าง เป็นปลาบู่ชนเขื่อนบ้าง รุ่นใหม่นี้กลับได้รับคำวิจารณ์ในแง่ดีขึ้น..คงมีแต่ผมที่เห็นด้านหน้าของมันแล้วนึกถึงคิ้วของมิสเตอร์สป็อค ณ ดาววัลแคน (ตัวละครเอกจากภาพยนตร์ Star Trek)
ทั้งนี้แม้ว่าจะมีหลายคนโอเคกับรูปโฉมที่เห็น แต่กระแสลบที่โดนกระหน่ำด่ากันมากที่สุดคือเรื่องของราคา ซึ่งตัวท้อป 1.8V Navi นั้นตั้งราคาไว้สูงถึง 1,069,000 บาท ซึ่งแพงกว่าคู่แข่งสัญชาติญี่ปุ่นประกอบในประเทศเครื่อง 1.8 ลิตรรายอื่นๆร่วมแสนหรือมากกว่า มันก็เป็นบ่อเกิดของเสียงสรรเสริญมากมายตามมา ผมเองยังเผลอหลุดปากกับคนใกล้ตัวไปเหมือนกันว่าสป็อคคิดค่าตัวแพงจัง กระนั้นก็ยังไม่วายแอบเข้าเว็บไซต์ลองโหลดข้อมูลต่างๆมาเทียบกัน ก็อยากรู้น่ะครับว่าที่เขาบอกว่าแพงหน้าเลือดนั้นจริงแค่ไหน และอย่าลืมว่าคนด่ากันแค่รุ่นท้อปโดยที่บางคนไม่ได้มองรุ่นอื่นๆอีกมากที่มีเหลืออยู่เลยด้วยซ้ำ ฉะนั้นวันนี้เดี๋ยวเราลองมาไล่ดูราคาเทียบกับออพชั่นของ Altis กับรถสองเจ้าจากคู่แข่งสัญชาติเดียวกันคือ Honda Civicและ Nissan Sylphy แล้วกันนะครับ
บางคนอาจสงสัยว่าทำไมผมไม่เทียบกับ Ford Focus หรือ Chevrolet Cruze คำตอบก็คือคนที่สนรถกลุ่ม “Liberal” (อย่างสองเจ้านี้) มักจะมีศรัทธาในบางสิ่งบางอย่างกับแบรนด์เหล่านี้อยู่แล้ว และถึงให้เทียบจริง Ford Focus ก็เป็นรถที่มีออพชั่นติดรถมาให้เยอะมาก เรียกได้ว่าประเคนทั้งของเล่น และอุปกรณ์ความปลอดภัยมาให้มากที่สุด ส่วน Mazda 3นั้น..รอรุ่นใหม่ที่กำลังจะมาในช่วงไตรมาส 1 ต่อ 2 นี้เถอะครับแล้วค่อยว่ากันอีกที
ในระดับท้อปของรุ่น Altis 1.8V Navi เปิดราคามา 1,069,000 บาท Honda คิดค่าตัว Civic 1.8E Navi 969,000 บาท และ Nissan Sylphy 1.8V Navi 936,000บาท การเลือกสีสันในห้องโดยสารเป็นสิ่งที่คุณต้องทำใจกันนิด เพราะ Toyota นั้นมีแต่ภายในดำ และ Sylphy มีแต่ภายในสีเบจ ส่วน Civic นั้นต้องแล้วแต่สีภายนอกของตัวรถ ส่วน List อุปกรณ์ที่ให้มานั้น Sylphy ดูจะด้อยสุดเพราะเป็นรถคันเดียวในกลุ่มที่เป็นไฟหน้าฮาโลเจนแบบธรรมดา ไม่มีเบาะไฟฟ้าด้านคนขับ ไม่มี Cruise Control และไม่รองรับน้ำมัน E85 แต่มีระบบปรับอากาศออโต้แยกปรับอุณหภูมิซ้าย-ขวาและมีช่องแอร์หลัง ส่วน Altis นั้นสิ่งที่น่าชมคือมีระบบแทร็คชั่นคอนโทรลและระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถมาให้ (อีกสองเจ้าไม่มี) นอกนั้นก็มีไฟหน้า LEDพร้อม Daytime Running Light (DRL) มีม่านบังแดดหลัง มีเกียร์ CVT ที่สามารถปรับโหมด Manual ล็อคอัตราทดได้ 7 จังหวะ ซึ่งจุดนี้ผมถือว่าเป็นข้อได้เปรียบสำหรับคนที่ไม่ได้คิดจะโมดิฟายเพิ่มพลังเครื่องยนต์ต่อ เกียร์ของ Altis ดูจะฉลาดและกระตือรือร้นกว่าเกียร์ของ Sylphy เช่นกัน แต่ถ้าใครไม่ชอบเกียร์ CVT แบบนี้ ก็จะเหลือทางรอดคือ Civic ซึ่งเป็นรถที่ใช้งานได้ง่าย เข้าใจง่าย เติม E85 ได้ด้วย แต่ยังควรปรับปรุงเรื่องความรู้สึกที่ได้รับจากวัสดุภายในและคอนโซล
อย่างไรก็ตามเมื่อมองจากภาพรวม ผมคิดว่า Altis มีอุปกรณ์ต่างๆมาให้พร้อมและครบครันที่สุด ทว่าอาจจะยังไม่คุ้มกับส่วนต่างแสนกว่าบาทเมื่อเทียบกับ Sylphy (ในความเป็นจริงหากราคาของ Altis ถูกลงกว่านี้สัก 6 หมื่นบาทผมก็คงมองว่า “เจ๊ากัน”) ในขณะที่ทาง Nissan นั้นผมว่านี่ล่ะคือกั๊กออพชั่นของแท้ แต่โชคดีที่ราคาก็ถูกกว่าคนอื่น คนเลยไม่จวกมากเท่า
มาดูกันที่พวกรุ่นระดับรองลงมาบ้าง Altis จะแปลกกว่าเจ้าอื่นตรงที่มีรุ่นรถให้คุณเลือก 2 อารมณ์ คือรุ่น 1.8G ที่เน้นไปทางหรู ราคา 979,000บาท และรุ่น 1.8S ที่เน้นอารมณ์สปอร์ต มาในราคา 899,000บาท ซึ่งเมื่อพิจารณาดูแล้วการจัดเรียงออพชั่นมันสร้างความปวดกบาลนิดๆเหมือนกัน กล่าวคือรุ่น 1.8Gนั้น ก็คือรุ่น 1.8V Naviที่ตัดไฟหน้า LED, DRL ระบบนำทาง และ Paddle shift ออก แต่อย่างน้อยก็ยังมีระบบแทร็คชั่นคอนโทรลกับ VSC อยู่ และอุปกรณ์ติดรถในภาพรวมก็ยังสูสีกับ Civic 1.8E (ไม่มี Navi) และสมบูรณ์กว่า Sylphy นิดๆ แต่ก็ยังดูเหมือนจะแพงไปอยู่ 2-3หมื่นบาทในความคิดผมอยู่ดีครับ
ส่วนรุ่น 1.8S ที่มือปราบ มือตลาด และมือขาย Toyota หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ตัวนี้ล่ะจี๊ดสุด” ก็คงเป็นเพราะว่ามันถูกตกแต่งมาอย่างวัยรุ่นกว่าใครเขา ไฟหน้า LED/DRL รมดำ, สเกิร์ต, สปอย์เลอร์ครบ, มี Paddle shift แบบรุ่น 1.8V Navi, เบาะสปอร์ต, ช่วงล่างเซ็ตมาแข็งกว่า และใช้ล้อลายเฉพาะรุ่นขอบ 17 นิ้ว (ซึ่งผมมีโอกาสได้เห็นตัวจริงแล้วล่ะ ดูเด่นกว่ารุ่นอื่นชัดเจน) แต่พอต้องคุมราคาไม่ให้เกิน 9 แสนบาท Toyota ก็เลือกที่จะไปตัดออพชั่นอื่นออก เช่น Push Start/Smartkey, ตัดระบบแทร็คชั่นคอนโทรล/VSCออก, ถอดเบาะไฟฟ้าด้านคนขับออก, เปลี่ยนหน้าปัดไปใช้แบบเดียวกับรุ่นธรรมดาซึ่งนั่นก็แปลว่าชุด Multifunction ของพวงมาลัยก็จะเหลือแค่ปุ่มคุมเครื่องเสียง อู้วว ดูแล้วน่าคิดดีนะครับ แสดงว่าแต่ละอย่างที่ถอดออกไปนี่ราคาต้นทุนไม่ใช่ถูกๆ ถึงสามารถเอาของแต่งอย่างอื่นเข้ามาได้และยังขายได้ถูกกว่ามากอีกด้วย แต่ว่า 1.8S นี่ล่ะมีสิทธิ์เป็นตัวทำตลาดในหมู่วัยรุ่นเพราะอุปกรณ์บางส่วนที่หายไปนั่น วัยรุ่นอาจจะไม่แคร์ และถึงแคร์ก็สามารถหาติดเพิ่มได้ในบางอย่าง ในตลาดวัยรุ่นนั้น Sylphy คงหมดสิทธิ์ เหลือแต่ Altis กับ Civic 1.8E หรือ 1.8S ซึ่งการที่ Toyota มามาดเท่ห์แล้วยังวางราคาสอดเอาไว้ระหว่างรุ่นถูกกับรุ่นแพงของ Civic นั้นทำให้หลายคนต้องคิดหนักทีเดียว
ต่อมา..คือพิกัดเครื่องโตอุปกรณ์น้อย คราวนี้จะเหลือ Altis 1.8E วัดดวงกับ Civic 1.8S ซึ่งเจ้า CivicS นั้นก็มียอดขายที่ไม่กระจอก หากคุณสนใจตัวใดตัวหนึ่งในพิกัดนี้ ไม่ต้องคิดมากครับ Altis ราคา 839,000 และ Civicอยู่ที่ 833,000 โดยอุปกรณ์ที่ต่างกันจริงๆคือ Altis มีล้อ 16 นิ้วให้ และปัดน้ำฝันในโหมดหน่วงเวลานั้นสามารถปรับความนานในระหว่างเว้นช่วงปัดได้ แต่ในความเป็นจริง Altis รุ่น1.8E นั้นจะถูกลดทอนอุปกรณ์ลงมากจนไม่ได้มีความโดดเด่นเวลานั่งมองจากภายในรถ เบาะนั่งเป็นแบบผ้าทั้งคู่ แอร์มือหมุนทั้งคู่ แต่ Civic จะยังได้หน้าปัดกับจอ MID ที่เหมือนรุ่นท้อปอยู่
จบกับรถเครื่องพันแปด มาต่อที่พิกัด 1.6 ลิตรกันบ้าง คราวนี้จะเป็นการเทียบระหว่าง Altis 1.6G และ Sylphy 1.6 ซึ่งมีสามรุ่นคือ 1.6SV, 1.6V และ 1.6E ซึ่งถ้าหากมองราคาเฉพาะกลุ่มนี้ กลายเป็นว่า Altis 1.6G มีราคาอยู่กลางๆของกลุ่มที่ 829,000 บาท (ถูกสุดคือ Sylphy 1.6E 804,000บาท และแพงสุดคือ Sylphy 1.6SV ราคา 857,000บาท) ฟังดูเหมือนจะดี แต่ขอบอกว่าพอลองเอาของติดรถมาเทียบกันแล้ว Altis 1.6G จะมีความใกล้เคียงกับ Sylphyรุ่น E แต่ต่างกันที่แค่ว่า Altis มีเบาะหนังมาให้ และมีเกียร์ที่สามารถล็อคอัตราทด 7 จังหวะแบบmanual ได้ คือถ้าสองอย่างนี้ไม่จำเป็นในสายตาคุณ จุดได้เปรียบของ Altis ก็แทบจะไม่มี และขอบอกไว้ก่อนว่า Altis ที่เป็น 1.6 นี้ไม่ได้รองรับน้ำมัน E85 นะครับ ดังนั้นถ้าคุณชอบรถภายในหรูๆแล้ว การเพิ่มเงินอีก 9 พันบาทไปหา Sylphy จะทำให้คุณได้ออพชั่นภายในเยอะกว่า และบางคนอาจจะชอบที่ได้ Push Start/Smartkey มาด้วย ส่วนรุ่น 1.6SV นั้นราคาจะเริ่มสูงขึ้นไปจนห่างจาก Altis 1.8S ไม่มากแล้ว ผมว่าวัยรุ่นขนานแท้ส่วนมากก็คงยินดีเพิ่มเงินอีก 42,000บาทเพื่อให้ได้ Altis ที่เครื่องโตกว่าและดูวัยรุ่นกว่าในภาพรวม
ต่อมา สำหรับคนที่เล่นรถเกียร์ธรรมดา หรือรถรุ่นราคาประหยัดในพิกัด 1.6 ลิตร หากคุณมีงบที่ห้ามเกิน 8 แสนบาทเด็ดขาด และต้องการเกียร์อัตโนมัติ (หรือCVT) ก็จะเหลือทางเลือกแค่ Sylphy 1.6S ราคา 781,000บาท ซึ่งอุปกรณ์ภายในจะเหลือเท่าที่จำเป็น หน้าปัดเป็นคนละตัวกับ Sylphy รุ่นอื่นและไม่มีเบรก ABS แต่เวลามองจากภายนอกแล้วจุดต่างเทียบกับตัวท้อปกลับมีไม่มาก ส่วนหนึ่งเพราะยังได้ล้ออัลลอย 16 นิ้วเอาไว้อยู่ ส่วนคนที่ชอบเกียร์ธรรมดา คราวนี้ Altis 1.6J อาจมีข้อดี แม้ว่าราคา 769,000บาทจะแพงกว่า Sylphy S M/T (751,000) และได้ล้อ 15 นิ้ว แต่การที่มีเกียร์ให้สับถึง 6 จังหวะนี่สิ หลายคนอาจจะยอมพลีเงิน
ส่วนคนที่นิยมพลังงาน CNG นั้น Altis จะมีให้เลือกสองรุ่นคือ 1.6E CNG เกียร์อัตโนมัติ CVT กับ 1.6J CNG เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ราคา 889,000 และ 819,000 ตามลำดับ ส่วน Sylphy จะมีแต่รุ่น 1.6E CNG ราคา 864,000บาท ซึ่งออพชั่นต่างกันน้อยมาก ลักษณะจะคล้าย 1.6 เวอร์ชั่นประหยัดคือ Altis มีดีที่เกียร์ แต่ Sylphy ทำภายนอกมาดูเกือบเหมือนรุ่นแพงเด๊ะๆ บางคนอาจจะซื้อ Toyota เพราะชื่อเสียงความทนทานในการใช้งานแบบแก๊ส แต่พอลองดูชิ้นอะไหล่วาล์วของ Sylphy 1.6 เทียบกับ Tiida รุ่นเก่า พบว่าวาล์วไม่เหมือนกัน ดังนั้นเป็นไปได้ว่านิสสันอาจจะแก้ไขบางส่วนเพื่อให้ใช้งานแก๊สได้ทนขึ้น
ตอนแรกว่าจะเขียนแค่ไม่กี่รุ่นแล้วจบให้ได้ใน 1 หน้ากระดาษขึ้น แต่ก็นึกๆไปแล้วยอมเขียนยาวแล้วโดนด่าเอาหน่อยดีกว่า เพราะผู้อ่านที่นี่แต่ละท่านก็มีรสนิยมคนละแบบ มองหารถกันคนละระดับราคา บางทีไม่ได้เกี่ยวกับจนกับรวยหรอกมันอยู่ที่ทางเลือก..หลายคน หลากทางเลือก ผมก็พยายามช่วยทุกท่านคิดการบ้านเรื่องการซื้อรถใหม่ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ครับ