ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 23 มกราคม 2557 พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจ กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมคปท.ทำลายป้ายหน้าชื่อหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า ผู้บังคับบัญชาได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวผ่านทางกล้องวงจรปิดที่ศปก.ตร.อย่างใกล้ชิด ซึ่งป้ายดังกล่าวสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเจิมไว้เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2547 หลังเปลี่ยนจากกรมตำรวจเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจทุกคนมองว่ากลุ่มผู้ชุมนุมไม่น่าจะทำ ให้ถือเป็นบทเรียนบททดสอบความอดทนต่อความเจ็บใจ ตำรวจไม่ได้โกรธแค้นเพราะมองว่าเป็นยุทธศาสตร์ในการยั่วยุเจ้าหน้าที่ให้ใช้กำลัง แต่ตำรวจในฐานะมีหน้าที่รักษากฎหมายก็จะเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย โดยทางพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ดำเนินการเอาผิดผู้ก่อเหตุ มอบหมายพล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร.รวบรวมพยานหลักฐานในการดำเนินคดี พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้ช่วยผบ.ตร. ดำเนินการหาตัว พิสูจน์ทราบตัวบุคคล และให้พล.ต.อ.พีระ พุ่มพิเชฏฐ์ ที่ปรึกษา สบ 10 เป็นผู้ดำเนินการตั้งงบประมาณในการซ่อมแซมและทำป้ายขึ้นมาใหม่
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด และภาพที่ได้จากสื่อมวลชน พบผู้กระทำความผิด ไม่ต่ำว่า 21 คน เตรียมรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีฐานทำให้เสียทรัพย์ทำลายทรัพย์สินทางราชการ อายุความ 10 ปี ส่วนทางกลุ่มคปท.ออกมาระบุว่าจะทำป้ายใหม่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องนี้ทางตร.ไม่ขอรับ จะดำเนินการเองโดยใช้งบประมาณที่มีอยู่ เมื่อดำเนินการเสร็จก็จะทำพิธีเจิมป้ายอย่างยิ่งใหญ่เหมือนเดิม
โฆษกตร. กล่าวอีกว่า หลังประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พล.ต.อ.อดุลย์ เป็นผู้คุมกำลัง ตำรวจก็คงปฏิบัติหน้าที่ร่วมทหาร ซึ่งก็มีความพร้อม สำหรับสถาการณ์ตอนนี้ทางทหารได้เสริมกำลังเพิ่มจาก 42 กองร้อยเป็น 47 กองร้อยเพื่อปฏิบัติงานร่วมกับตำรวจ จะเน้นมาตรการทางกฎหมายที่เข้มข้นขึ้น ไม่มีการใช้กำลังรุนแรงหรือสลายการชุมนุมแต่อย่างใด แต่อาจมีการเจรจาเพื่อขอคืนพื้นที่บางจุดที่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่มากแต่มีผลกระทบกับจราจรโดยรวม ซึ่งจะดำเนินการเจรจากับแกนนำ มอบหมายให้ทางพล.ต.ท.เรืองศักดิ์ จริตเอง ผู้ช่วยผบ.ตร.และกองบังคับการตำรวจนครบาลไปพิจารณาว่าจุดไหนสมควรที่จะขอคืนพื้นที่