ธรรมชาติมักจะสรรค์สร้างสิ่งอัศจรรย์ และทำให้เราประหลาดใจอยู่เสมอ เช่นเดียวกัน 10 หินประหลาดจากทั่วโลกที่เรารวบรวมมาให้ชมกันในวันนี้จากเว็บ buzzfeed.com ซึ่งเมื่อได้เห็นภาพแล้วแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยจริง ๆ ว่าจะมีหินเหล่านี้อยู่บนโลกทั้ง ๆ ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นหินรูปร่างประหลาด หินบนสถานที่แปลกประหลาด และอื่น ๆ อีกมากมาย ว่าแล้วก็ไปพิสูจน์ด้วยตาตัวเองกันดีกว่าว่า หินทั้ง 10 สถานที่นี้มีความแปลกหรือแตกต่างไปจากหินทั่วไปอย่างไรบ้าง

ที่มา : แหล่งที่มา: kapook.com

อีกหนึ่งสถานที่ ๆ เต็มไปด้วยหินทรงกลมมากมายกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปในพื้นที่ รวมไปถึงบนหน้าผา ดังนั้น หากคุณจะคิดว่าที่แห่งนี้เป็นโลกอื่นก็คงไม่ผิดนักและนอกจากหินทรงกลมเหล่านี้แล้ว พื้นที่ดังกล่าวยังเต็มไปด้วยฟอสซิลของไดโนเสาร์อีกมากมาย โดยหนึ่งในฟอสซิลของไดโนเสาร์ที่เคยค้นพบในที่แห่งนี้ก็เป็นฟอสซิลไดโนเสาร์ที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดด้วย

หนึ่งในสุดยอดสถานที่หินแปลกของโลกที่ตั้งอยู่ในรัฐวิคตอเรีย ของประเทศออสเตรเลีย ที่คุณสามารถไต่ไปรอบ ๆ ก้อนหินได้ทุกส่วน อีกทั้งถ้าหากคุณกล้าพอก็ยังสามารถไต่จากจุดสูงสุดของหินมายังพื้นด้านล่าง ซึ่งรวมแล้วเป็นระยะทางประมาณ 240 เมตรได้อีกด้วย ช่างเหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ชอบความตื่นเต้นความท้าทาย และความหวาดเสียวดีจริง ๆ

หากคุณจะคิดว่า โมโน เลค ที่ตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐฯ เป็นอีกโลกหนึ่งก็ไม่ผิดนัก เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหนหากไม่ใช่ภาพของน้ำทะเล ก็จะเป็นแท่งเกลือยักษ์ที่เกิดจากการดันตัวของความร้อนใต้ผิวโลกเรียงรายอยู่เต็มไปหมด อีกทั้งเกลือแต่ละแท่งก็มีผิวที่ขรุขระ รูปร่างประหลาดอายุกว่า 7 แสนปีที่คุณไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนอย่างแน่นอน

แม้คุณเคยจะเห็นหินทรงกลมมาแล้วมากมาย แต่เชื่อว่าไม่มีหินที่ใดที่จะมีทรงกลมเพอร์เฟคท์ได้เท่าหินโมรากิบนชายหาดของประเทศนิวซีแลนด์อีกแล้ว และไม่ได้เป็นแค่ก้อนสองก้อนเท่านั้น แต่หินทุกก้อนยังมีทรงกลมเหมือนกันทุกก้อน โดยลักษณะการเกิดของก้อนหินเหล่านี้ก็คล้าย ๆ กับไข่มุก ที่เกิดจากการสะสมตัวของเม็ดทรายในหอยมุกอย่างไรอย่างนั้น เพียงแต่เปลี่ยนสถานที่มาเป็นชายหาดเท่านั้นเอง

ส่วนหินรูปเห็ดยักษ์แห่งนี้ตั้งอยู่บนชายฝั่งของหมู่บ้านออพพิดอลในประเทศนอร์เวย์ ซึ่งกว่าหินก้อนนี้จะกลายเป็นหินรูปเห็ดยักษ์อย่างที่เห็นกันทุกวันนี้ ต้องอาศัยการกัดเซาะของน้ำทะเลมานานกว่าพันปี กระทั่งด้านล่างของก้อนหินเล็กลงเรื่อย ๆ ในขณะที่ด้านบนของหินโดนกัดเซาะเพียงเล็กน้อย แต่ยังสามารถตั้งอยู่ได้โดยไม่เอนเอียงแต่อย่างใด

บางครั้งธรรมชาติก็สรรค์สร้างสิ่งที่น่าสะพรึงทำให้เรารู้สึกหวั่นกลัวกันอยู่เนือง ๆ เช่นเดียวกับ เดด แมน หรือยักษ์หลับ ซึ่งเป็นเกาะแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของหมู่เกาะทั้งหมดในประเทศไอร์แลนด์ โดยสาเหตุที่ได้ชื่อนี้มา ก็เพราะหากมองจากข้างของตัวเกาะก็จะเห็นโครงสร้างของเกาะ ที่คล้าย ๆ กับว่ามีคนนอนอยู่กลางทะเลนั่นเอง

แม้เหล่าโดมสีส้มในเทือกเขาบังเกิล บังเกิล ซึ่งพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลออกไปจากตอนกลางทางตะวันตกของประเทศออสเตรเลีย จนแทบเรียกได้ว่าเป็นพื้นที่อันโดดเดี่ยวที่ไม่น่าจะมีใครเดินทางไปพบได้ แต่แล้วก็กลับกลายเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวซะอย่างนั้น หลังจากที่มีการค้นพบในช่วง ค.ศ. 1980 และกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหนึ่งแห่งของออสเตรเลียในเวลาต่อมา

หุบเขาชิหลินตั้งอยู่ที่จังหวัดยูนนานในประเทศจีน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นหุบเขาหินปูนที่อยู่ใต้น้ำ และโดนน้ำกัดเซาะจนกระทั่งกลายเป็นหุบเขาหินประหลาดอย่างที่เห็นกันทุกวันนี้มานานกว่า 250 ล้านปี ด้วยความสวยงามแบบแปลก ๆ ที่หาดูได้ยากของหุบเขาแห่งนี้นี่เอง ก็เลยส่งผลให้ในปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้าไปเยี่ยมชมเฉลี่ย 2 ล้านคนต่อปีเลยทีเดียว

สำหรับปล่องไฟธรรมชาติในแคปพาโดเชีย หรือบริเวณภูมิภาคตอนกลางของประเทศตุรกี เกิดจากการกัดกร่อนของลมมานานนับหลายปี จนกลายเป็นปล่องไฟสูงนับร้อย ๆ แท่งเรียงรายกันเต็มไปหมด โดยในระยะหลังนี้ก็มีผู้คนใช้เป็นแหล่งอาศัยกับเปิดเป็นธุรกิจโรงแรมแล้วบางส่วน ซึ่งก็น่าจะเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำหรับการพักผ่อนไปพร้อม ๆ กับการชมความสวยงามทางธรณีที่ดีไม่น้อยเลย

ตามตำนานนั้นกล่าวไว้ว่า หินยักษ์ทั้ง 2 ก้อนนี้ถูกนำมาวางไว้ที่ใจกลางป่าของฟินแลนด์โดยยักษ์ตนหนึ่ง แต่นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่า Kummakivi ที่แปลได้ว่า หินแปลก 2 ก้อนนี้ ถูกพัดพามากับธารน้ำแข็ง ก่อนที่จะธารน้ำแข็งจะอันตรธานหายไป ทิ้งไว้เพียงก้อนหิน 2 ก้อนที่เรียงตัวกันในลักษณะแนวตั้งในระหว่างยุคน้ำแข็งช่วงสุดท้าย