จาร์วิสผู้ช่วยเสมือนจริง คู่หูดิจิตอลในโลกอนาคต
เคย ดูหนังเรื่องไอรอนแมนกันบ้างไหมครับ เชื่อว่าหลายคนต้องเคยดูกันมาบ้าง มหาเศรษฐี โทนี สตาร์ก ที่สวมใส่ชุดเกราะเหล็กเพิ่มพลังในการ์ตูนแนวซุปเปอร์ฮีโร่ของมาร์เวล เมื่อหลายสิบปีก่อนโน้น ถูกนำมาสร้างใหม่เป็นภาพยนตร์ในโลกยุคไอทีที่ประเคนความไฮเทคเข้าไปเต็มที่ ถึงสามภาคมาแล้ว
สตาร์กมีคู่หูรู้ใจที่มองไม่เห็นตัวคอยช่วยเหลือ อยู่ตลอดเวลาชื่อ จาร์วิส มันคือผู้ช่วยเสมือนจริงหรือที่จริงมันก็คือสมองกลอัจฉริยะช่างเจรจา ที่ไม่เพียงคอยรับคำสั่งจากสตาร์กเท่านั้น แต่ยังเป็นเหมือนคู่สนทนาที่เพิ่มความสนุกสนานไปตลอดเรื่อง
ในชีวิต จริงทุกวันนี้เรายังไม่มีซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ที่ฉลาดล้ำได้ถึงขั้นสนทนากับ คนได้เหมือนคนจริงๆๆอย่างมากที่มีอยู่ก็อย่าง เช่น สิรี ของแอปเปิล ซึ่งไม่รู้ว่าถึงเดี๋ยวนี้มีคนใช้งานจริงกันสักเท่าไร หรือกูเกิล เองก็มีระบบแบบนี้ด้วยเช่นกัน รวมทั้งมีแอพพลิเคชั่นทำนองเดียวกันนี้ให้เลือกมาลองใช้กันบนสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต อีกไม่น้อยด้วย ผมก็เคยเอามาลองๆ ใช้ดูได้แค่ความสนุกสนานชั่วครู่ชั่วยาม ห่างไกลจากการใช้งานจริง อาจจะเนื่องด้วยสำเนียงภาษาอังกฤษไม่เอาอ่าวพอที่ซอฟต์แวร์จะฟังรู้เรื่อง ก็ได้
เมื่อราวต้นเดือนที่ผ่านมาในงานคอนซูเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์ โชว์ ที่ลาสเวกัส งานซึ่งบริษัทต่างๆ จะนำเอาเทคโนโลยีล้ำยุคมาเปิดตัวกันมากมาย ในงานที่ว่านี้บริษัทยักษ์ใหญ่ อินเทล ก็เอา จาร์วิส มาโชว์กับเขาด้วยบนเวที แต่มาในรูปของหูฟังบลูทูธที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนอีกที
สิ่ง ที่อินเทลพยายามจะทำก็คือทำให้จาร์วิส หรือผู้ช่วยดิจิตอลสนทนาตอบโต้กับคน ได้ใกล้เคียงคนมากยิ่งขึ้น อย่างน้อยที่สาธิตก็ดูว่าจะล้ำไปกว่าแอปเปิลหรือกูเกิลอยู่บ้าง
บน เวทีชายคนหนึ่งขอให้จาร์วิสแนะนำร้านอาหารอินเดียที่ใกล้ที่สุดให้ จาร์วิสตอบแนะนำร้านให้ร้านหนึ่งแล้วถามเขาต่อว่าอยากจะโทรศัพท์ไปจองโต๊ะ ไว้เลยหรือไม่ ชายคนนั้นตอบว่าอยากจองแต่เอาไว้ทีหลัง จาร์วิสถ้าจองทีหลังเขาก็ต้องเลื่อนนัดหมายที่กำหนดไว้ในปฏิทินก่อนหน้านี้ ออกไปด้วย จากนั้นชายคนนั้นก็โทรศัพท์เลื่อนนัด ระหว่างนั้นจาร์วิสยังเตือนเขาด้วยว่ามีข้อความจากภรรยาที่เขายังไม่ได้ ตอบกลับ
จากการสาธิตดังกล่าวนี้ทำให้พอเห็นภาพได้ว่าผู้ช่วยเสมือนจริงของอินเทลไม่ใช่ถามมาตอบไปเท่านั้น แต่ยังขัดคอหรือให้คำแนะนำได้อีกด้วย
หนึ่ง ในทิศทางใหญ่ของการพัฒนาอุปกรณ์ไอทียุคนี้ก็คือการพัฒนาเทคโนโลยีสวมใส่ ที่พัฒนาไปมากๆ ก็อย่างเช่น กูเกิล กลาส เป็นต้น แต่อุปกรณ์แบบนี้ถ้าจะกลืนไปกับวิถีชีวิตของคนได้จริงๆ มันจะต้องเป็นอิสระจากมือ หมายถึงเราต้องสามารถใช้งานมันได้โดยไม่ต้องใช้มือ แต่ใช้ปากนั่นละครับ
แต่ใช้ปากเฉยๆ ผ่านเทคโนโลยีวอยซ์ รีคอก นิชั่น หรือรับรู้เสียงพูดอย่างที่มีอยู่ตอนนี้เท่านั้น สำหรับอินเทลแล้วคิดว่ามันไม่พอ
มัน จะต้องฉลาดมากขึ้นที่จะโต้ตอบกับคนได้ สำหรับจาร์วิสของอินเทลนั้นจะทำงานประสานกับส่วนอื่นๆ ของผู้ใช้ อย่างที่สาธิตบนเวทีก็คือการที่มันสอดประสานเข้ากับปฏิทินหรือตารางชีวิต ประจำวันของผู้ใช้ที่บันทึกเอาไว้บนสมาร์ทโฟน ตลอดจนระบบรับส่งข้อความ
ลอง จินตนาการว่ามันทำงานประสานกับแอพพลิเคชั่นเช่น เพลง หนัง หรืออื่นๆ เช่น มันอาจจะติดตามข่าวสารการจราจรแล้วคอยเตือนเราว่าสี่แยกข้างหน้าการจราจรติด ขัดมีเหตุม็อบปะทะกับตำรวจควรหลีกเลี่ยงใช้เส้นทางอื่น เป็นต้น?
คง น่าสนุกพิลึก แม้จะเหมือนพูดคนเดียว แต่ทุกวันนี้เราก็เห็นคนที่เหมือนพูดคนเดียวเกลื่อนกลาดในที่สาธารณะอยู่ แล้ว ไม่ต้องถึงขั้นสวมชุดเกราะเหล็กแบบโทนี สตาร์ก ก็ได้
นับวันคอมพิวเตอร์จะฉลาดขึ้นเรื่อยๆ ไม่แน่หรอกว่าวันหนึ่งข้างหน้ามันอาจจะฉลาดกว่าเราก็ได้หากวิธีคิดของเราไม่พัฒนา
จาร์วิสผู้ช่วยเสมือนจริง คู่หูดิจิตอลในโลกอนาคต โดย ศิริพงษ์ วิทยวิโรจน์