BELLY DANCING หรือ ระบำหน้าท้อง เป็นการเต้นรำที่เชื่อกันว่าเก่าแก่ที่สุดอย่างหนึ่ง
มีรากสืบสาวได้ถึง ๖,๐๐๐ ปี ในดินแดนแถบอียิปต์และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
สัมพันธ์กับวัฒนธรรมบูชาพระแม่ผู้เป็นแหล่งที่มาของพลังชีวิต
และมีพิธีกรรมเกี่ยวพันกับความอุดมสมบูรณ์ เอื้อให้การคลอดลูกเป็นไปโดยสวัสดิภาพ
แต่เดิมจึงเป็นการร่ายรำที่เน้นการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อท้องและสะโพก
ช่วยให้นางรำมีร่างกายแข็งแรง
ชุดระบำหน้าท้องมีมากมายหลายแบบ อย่างไรก็ตาม
ชุดทุกสไตล์มักจะมีองค์ประกอบหนึ่งที่เหมือนกัน ได้แก่ การเน้นสะโพก
ซึ่งอาจแต่งด้วยแถบผ้าสี ลูกปัด หรือเหรียญโลหะเย็บติดเป็นแถว
เวลาส่ายจะเกิดเสียงดังกรุ๊งกริ๊งเข้ากับเสียงดนตรี
บางคนเชื่อว่าแถบผ้าติดเหรียญนี้เป็นวิธีเก็บสตางค์ไว้กับตัวของหญิงนางรำ
เผ่ายิปซีเร่ร่อนระหว่างเดินทางเต้นรำหาเงิน ปัจจุบันกลายเป็นเอกลักษณ์ของระบำหน้าท้อง
VEIL
ผ้าคลุมของผู้หญิงในดินแดนอาหรับและเมดิเตอร์เรเนียน
มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่าศาสนาคริสต์และอิสลาม
มีบทบาทเกี่ยวพันกับความศักดิ์สิทธิ์ ผ้าคลุมของผู้หญิงในดินแดนอาหรับและเมดิเตอร์เรเนียน
มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่าศาสนาคริสต์และอิสลาม
มีบทบาทเกี่ยวพันกับความศักดิ์สิทธิ์และปกป้องพลังสร้างสรรค์ของพระแม่
เชื่อกันว่าเดิมเป็นเครื่องแต่งกายของนักบวชและหญิงสูงศักดิ์
แต่ถ้ามองในมุมของสภาพแวดล้อม ผ้าคลุมเป็นสิ่งจำเป็นในพื้นที่แดดจ้า ฝุ่นคลุ้ง
เดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อนของถิ่นทะเลทราย ชนเผ่าต่างๆ จึงห่มผ้าคลุมเป็นปรกติ
และสามารถดึงออกมาใช้เต้นรำในยามรื่นเริง
ตำนานการใช้ผ้าคลุมประกอบระบำที่โด่งดังที่สุด
หนีไม่พ้นการเต้นรำด้วยผ้าเจ็ดผืนของนางซาโลมที่บันทึกไว้ในคัมภีร์ไบเบิล
จนปัจจุบันนี้ นักเต้นรำระบำหน้าท้องก็ยังคงใช้ผ้าคลุมประกอบการร่ายรำ
เพื่อสร้างบรรยากาศลึกลับและอารมณ์พลิ้วไหว
Isis Wings
จากรำของชนเผ่ายิปซีในแอฟริกาเหนือ
ระบำหน้าท้องถูกปรับเอามาขึ้นเวทีแสดงในยุคสมัยที่นโปเลียนบุกอียิปต์
และพัฒนาต่อมาเรื่อยๆ จนแพร่หลายเป็นโชว์ในยุโรปและอเมริกา
จึงเกิดลีลาท่าเต้นใหม่ๆ จากเดิมที่เต้นขยับลำตัวอยู่กับที่
มาเป็นการเต้นย้ายตำแหน่งไปเรื่อยๆ อย่างที่เรียกว่า travelling steps
ตลอดจนคิดค้นองค์ประกอบระบำให้อลังการตื่นตายิ่งขึ้น
เช่น การเต้นติด “ปีกพระแม่ไอซิส” เป็นนวัตกรรมโมเดิร์นจากเวทีลาสเวกัส
SHIMMIES
ระบำหน้าท้องใช้เทคนิคการเคลื่อนไหวแบบแยกส่วน
นักเต้นรำจึงต้องฝึกควบคุมกล้ามเนื้อ และข้อต่อแต่ละชิ้นให้สามารถเคลื่อน อย่างโดดๆ
ได้เองด้วยความเร็วต่างๆ กัน จากเชื่องช้าจนเร็วขนาดมองไม่ทัน
การส่ายไหล่รัวยิบ (shoulder shimmy)
ก็เป็นลีลาพื้นฐานที่ใช้กันมากเกือบเท่าการส่ายสะโพก (hip shimmy)
ZILS นอกจากจะเป็นนักเต้นแล้ว นางรำระบำหน้าท้องยังเป็นนักดนตรีตีจังหวะอีกด้วย
ตีไปเต้นไปพร้อมๆ กัน เครื่องเคาะจังหวะดั้งเดิมของนางรำยิปซีมีอยู่หลากหลาย
ทั้งกลองมือและแทมบูรีน แต่ที่โดดเด่นที่สุดจนเป็นอีกเอกลักษณ์หนึ่งของระบำหน้าท้อง ได้แก่
ฉิ่งนิ้ว หรือ zils สวมมือข้างละคู่ โดยติดฝาฉิ่งไว้ที่ปลายนิ้วโป้งและนิ้วกลาง
การร่ายแขนเล่นกรับมือในระบำฟลาเม็งโกก็พัฒนามาจากลีลาร่ายแขนเล่นฉิ่งนิ้วของระบำหน้าท้อง
แต่ศูนย์กลางระบำหน้าท้องที่ฮ็อตที่สุดในวันนี้ต้องยกให้อเมริกา
ไม่เพียงแค่เพราะประเทศอเมริกาดึงดูดนักเต้นเก่งๆ เข้าไป
แต่อเมริกายังได้พัฒนาระบำหน้าท้องแนวใหม่ขึ้นมา เรียกกันว่า
American Tribal Style - ระบำหน้าท้องแนวชนเผ่าอเมริกัน
ในที่นี้ “ชนเผ่าอเมริกัน” ไม่ได้หมายถึงชนเผ่าอินเดียนแดง หรือชนเผ่าใดชนเผ่าหนึ่งโดยเฉพาะ
แต่เป็นการผสมผสานวิถีลีลาระบำหน้าท้องจากหลายเผ่ามาหลอมรวมกัน
ทั้งเผ่ายิปซีที่กระจัดกระจายอยู่ในแถบทะเลทรายซาฮารา ดินแดนแอฟริกาเหนือและตะวันออกกลาง
ตลอดจนเผ่าต่างๆ ในอินเดีย เน้นการทรงตัวที่แสดงออกถึงศักดิ์ศรีผู้หญิง
กลายเป็นสไตล์ที่รื้อฟื้นภาษากายเก่าแก่ขึ้นมา บางคนจึงตัดคำว่า
อเมริกันออกและเรียกว่าสไตล์ชนเผ่าเฉยๆ