ขณะนี้ ทั้งวันเด็กและวันครูผ่านพ้นไปแล้ว ในช่วงเกิดเหตุการณ์พิเศษต่อวงการการศึกษาในกรุงเทพฯ

ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วถึงต้นปีนี้ โรงเรียนและมหาวิทยาลัยทั้งของรัฐและเอกชนในกรุงเทพฯ หลายแห่งปิดการเรียนการสอน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการชุมนุมประท้วง ในด้านความไม่สะดวกและไม่ปลอดภัยในการเดินทาง

จากข้อมูลของกระทรวงศึกษาธิการ ในช่วงชัตดาวน์กรุงเทพฯ มีนักเรียน-นักศึกษา 332,136 คน และครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา 60,693 คน ที่ได้รับผลกระทบ

ผลกระทบที่ว่านี้เบื้องต้นคือไม่เรียนและไม่ได้สอนอย่างต่อเนื่อง

ส่วนผลกระทบจะมีมากเท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับระยะเวลาของเหตุการณ์

ในระยะยาวผลกระทบจากการชัตดาวน์กรุงเทพฯ ที่มีต่อวงการการศึกษาเป็นอย่างไร น่าจะเป็นประเด็นที่ต้องสำรวจและวิจัยเช่นกัน

สิ่งที่ปรากฏแล้วในขณะนี้คือ นักเรียนนักศึกษาและครูอาจารย์ต้องเผชิญกับความขัดแย้งร่วมกับคนในสังคม

ไม่ว่าจะอยู่ในกลุ่มที่ออกไปประท้วง สังเกตการณ์ หรือเคลื่อนไหวต่อต้านการปิดกรุง

อย่างน้อยมีนักเรียนกลุ่มเล็กๆ ที่ถูกตวาดใส่ ขณะพยายามร้องขอกลุ่มบุคคลไม่ให้เป่านกหวีดใส่รัฐมนตรีที่ไปตรวจเยี่ยมโรงเรียน

มีนักเรียนและนักศึกษาอีกจำนวนมากที่ได้ยินถ้อยคำที่บางส่วนดุดัน บางส่วนหยาบคาย บางส่วนเหยียดเพศ บางส่วนเหยียดชนชั้นและสติปัญญาผู้อื่น

ประสบการณ์ที่รับรู้หรือเผชิญด้วยตนเองเหล่านี้คาดว่าจะมีผลกระทบในอนาคตเช่นกัน

สิ่งที่นักเรียนและครูโดยเฉพาะคนที่อยู่ในกรุงเทพฯ และได้รับผลกระทบต้องปรับตัวต่อสภาวะของความไม่ปกติ ก็คืออดทนและไม่คิดใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา

ขณะเดียวกันผู้ใหญ่ที่อยู่ในกลุ่มความขัดแย้งพึงต้องนึกถึงผลกระทบทางวาจาและพฤติกรรมต่อเยาวชนด้วย

โดยเฉพาะผู้ที่มีชื่อเสียงหรือมีตำแหน่งในวงการการศึกษาที่น่าจะเป็นที่เคารพในสังคม หากแสดงในสิ่งที่ตรงข้าม เพราะคิดเอาชนะคะคานโดยไม่คำนึงถึงกฎเกณฑ์ กติกา ความเหมาะสม หรือความสุภาพแล้ว

ผลกระทบนี้คงไม่ส่งผลต่อตนเองเท่านั้น แต่ยังมีต่อเยาวชนที่รับรู้ด้วย