เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2557 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากสามีภรรยาว่าพบศพหญิงสาวปริศนากระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ที่บริเวณคลองส่งน้ำสุวรรณภูมิ กม.5 ต.บางปลา โดยศพหญิงสาวคนดังกล่าวนั้น อายุประมาณ 25-28 ปี สวมเสื้อแขนกุดสีขาว กระโปรงสั้นสีดำ แขนขวามีรอบคล้ายถูกกัดเป็นวงเขียว เท้าเปล่า มีแผลถูกหญ้าและหนามเกี่ยวบาดหลายแห่ง
ทั้งนี้ จากการสอบสวนสามีภรรยาที่เห็นเหตุการณ์ ซึ่งสามีเล่าว่า ขณะกลับรถจักรยานยนต์กลับบ้าน พอมาถึงที่เกิดเหตุก็เห็นผู้ตายวิ่งออกมาจากป่าหญ้าข้างทาง พร้อมตะโกนว่าถูกข่มขืน ตนจึงหยุดรถ ทำให้หญิงสาวคนดังกล่าวกระโดดขึ้นมาแทรกนั่งกลางระหว่างตนกับภรรยา แต่หลังจากออกรถไปได้ไม่นาน หญิงสาวก็ขอให้หยุดรถและรีบวิ่งกลับไปจุดเดิม พร้อมกับพยายามจะโบกเรียกรถยนต์แต่ก็ไม่มีใครจอดเลย ตนกับภรรยาก็เลยวกรถกลับไปยังจุดเดิม เนื่องจากเป็นห่วง แต่เมื่อไปถึงก็พบว่าหญิงคนดังกล่าว นอนเป็นศพแน่นิ่งคว่ำหน้าอยู่ในน้ำแล้ว
ต่อมาเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2557 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางพลี ก็ได้นำภาพศพของหญิงสาวดังกล่าว ประกาศตามหาญาติในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก จนกระทั่งได้รับการติดต่อจากแฟนหนุ่มซึ่งเป็นนายทหาร ยศ ร.อ. และแม่ของผู้ตาย ทันทีที่แม่ของผู้ตายเห็นศพก็น้ำตาไหลนองหน้า พร้อมยืนยันว่าเป็นศพลูกสาวตัวเองจริง
โดยแฟนหนุ่ม ให้การว่า แฟนของตนชื่อ นางสาวปุ้ย (นามสมมติ) เป็นพีอาร์อยู่บริษัทอหังสาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง และเมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. ของวันที่ 13 มกราคม ตนได้รับโทรศัพท์จากผู้ช่วยผู้จัดการห้างฟู้ดแลนด์ สาขาหัวหมากว่า แฟนของตนเข้ามารับประทานอาหารตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 12 มกราคม โดยสั่งข้าวและน้ำเปล่ามาทาน นั่งทานคนเดียวจนถึงเวลา 10.00 น. ของวันที่ 13 จากนั้นก็ช็อกหมดสติ จึงได้แจ้งกู้ภัยให้นำตัวส่งโรงพยาบาลรามคำแหง ตนก็ตกใจรีบไปโรงพยาบาล แต่เมื่อไปถึงกลับไม่พบแฟนสาว จึงเอะใจ และไปแจ้งความที่ สน.หัวหมาก เพื่อให้ตรวจสอบคนหาย ต่อมาตนก็ภาพสาวปริศนาเสียชีวิตในโลกออนไลน์ เมื่อเปิดเข้าไปดูก็ต้องตกใจเพราะเป็นแฟนสาวของตัวเอง เลยโทรแจ้งแม่ของแฟนให้มาตรวจสอบ
จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เชิญผู้ช่วยผู้จัดการห้างฟู้ดแลนด์ หัวหมาก มาสอบสวน และพบว่าให้ข้อมูลตรงกับแฟนผู้ตาย โดยระบุว่า ได้โทรเรียกกู้ภัยมานำร่างของผู้ตายที่หมดสติ โดยช่วยกันประคองให้นั่งเบาะหน้าคู่คนขับ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้เรียกสอบปากคำ นายธวัชชัย แซ่ซิ้ม อายุ 32 ปี พนักงานกู้ภัย ซึ่งระบุว่า ตนรับผู้ตายขึ้นรถจะไปส่งโรงพยาบาลจริง แต่ผู้ตายฟื้นและเกิดอาการคลุ้มคลั่ง จนกระทั่งกระโดลงจากรถตรงหน้าโรงพยาบาล ส่วนตนก็กลับไปประจำจุดที่แถมถนนรามคำแหง
อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 14 มกราคม เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีนี้ว่า ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของนายธวัยชัย เนื่องจากพบพิรุธหลายอย่าง และเมื่อนำตัวไปตรวจสารเสพติดก็พบว่าปัสสาวะเป็นสีม่วง จึงได้ควบคุมตัวดำเนินคดีในข้อหาเสพยาบ้าเอาไว้ก่อน
ต่อมา จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของห้างดังกล่าว พบว่านายธวัชชัยเดินทางมารับเหยื่อคนเดียว ส่วนเหยื่อก็อยู่ในอาการคล้ายคนเมาไม่ได้สติ จึงนำตัวนั่งรถวีลแชร์ออกจากห้าง โดยนายธวัชชัยประคองผู้ตายขึ้นรถและได้ถือกระเป๋าของผู้ตายไว้ด้วย และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาลก็พบว่า นายธวัชชัยขับรถไปโรงพยาบาลจริง แต่จอดอยู่หน้าตึกฉุกเฉินไม่ถึงนาที ไม่มีใครลงออกจากรถ และก็ขับรถออกจากโรงพยาบาลไป
อย่างไรก็ดี หลังจากเกิดเหตุกระเป๋าสะพายของผู้ตายหายไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ขออนุมัติหมายจับในข้อหาลักทรัพย์แล้ว และเมื่อขยายผลก็พบว่า นายธวัชชัยเคยติดคุกในคดีเสพยาบ้าและข้อหาฉ้อโกงทรัพย์มาแล้วด้วย
และล่าสุด เมื่อเวลา 00.10 น. ของวันนี้ (15 มกราคม 2557) เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า นายธวัชชัย เป็นลงมือฆ่านางสาวปุ้ยจริง โดยอ้างตัวเป็นกู้ภัยไปรับเหยื่อที่ห้างดังกล่าว จังหวะนั้นเห็นเหยื่อหน้าตาดีจึงวางแผนข่มขืน ขับรถพาเหยื่อออกจากเขต กทม. มุ่งหน้า อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ กระทั่งมาถึงจุดเกิดเหตุ นายธวัชชัยพยายามลวนลาม แต่ผู้ตายได้สติและฮึดสู้ มีการกอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน และวิ่งหนีเตลิดลงไปในคลองเสียชีวิตในที่สุด
เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังกล่าวอีกว่า หลังจากขยายผลทราบว่า มีผู้ร่วมก่อเหตุอีก 1 คน เป็นเพื่อนของกู้ภัย ซึ่งนำทรัพย์สินของเหยื่อไปขาย ตอนนี้ตำรวจทราบตัวแล้วและจะดำเนินการติดตามจับกุมตัวต่อไป ส่วนในวันนี้จะนำผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในจุดที่เกิดเหตุด้วย
ที่มา: kapook