โปรดอ่านก่อน!!!

กระทู้นี้ตั้งขึ้นมาเพื่อให้ความรู้ในอีกมุมหนึ่งไม่ใช่เอามาล่อเป้าใดๆทั้งสิ้น ดังนั้นโปรดใช้วิจารรญาณในการคอมเม้นต์ด้วยครับ ขอบพระคุณอย่างสูง

เชื่อว่าหลายคนคงได้ยินคำเหล่านี้มาจนคุ้นหู "โกง" "คอร์รัปชั่น" "มิชอบธรรม"วันนี้จะมาขอตีแผ่นของกระบวนการในความหมายของคำเหล่านี้

ถ้าเราได้ยินคำเหล่านี้ แน่นอนมันให้ความหมายในเชิงลบแก่ผู้ฟังแน่นอน ซึ่งถ้ามันมาเกิดกับตัวเราเองย่อมทำให้เราไม่พอใจแน่ แต่เราจะรู้ได้ยังไงละว่าเรากำลังถูกโกง ดังนั้นวันนี้เจ้าของกระทู้ขอมานำเสนอรูปแบบของการโกงที่เห็นได้ชัดเจน ซึ่งขอออกมาแฉกระบวนการต่างๆด้วยศัพท์บ้านๆที่เรารู้จัก

โกงเป็นทีม

ถ้าพูดง่ายๆก็เหมือนการไปปล้นธนาคารโดยมีโจรมากกว่า 1 คนขึ้นไปซึ่งรูปแบบนี้เรามักพบอยู่ในองค์กรใหญ่ๆ เพราะวิธีการโกงมันไม่ได้ง่ายดายต้องผ่านกระบวนการต่างๆ ภายในองค์กรโดยไม่ให้ถูกจับหรือตรวจสอบได้ เจ้าของกระทู้พูดในที่นี้รวมไปถึง บริษัท ห้างหุ้นส่วนจำกัด องค์กรเอกชน มูลนิธิ และหน่วยงานต่างๆ โดยทีมงานนี้มักจะเป็นคนรู้จักกันภายในซึ่งต่างต้องการแสวงหาผลประโยชน์จากหน่วยงานหรือบริษัทที่ตนเองสังกัดอยู่โดยมิชอบธรรม เราจะเห็นได้มากจากหน่วยงานของรัฐบาล เพราะการโกงจากหน่วยงานรัฐบาลนั้นจะได้ผลตอบแทนที่สูงเนื่องจากเงินที่ได้มานั้น มาจากภาษีของคนทั้งประเทศ ซึ่งถ้าไปโกงพวกบริษัทต่างๆที่เป็นของเอกชนอาจจะไม่คุ้มค่ากับความเสี่ยงที่ได้รับ จะขอยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น

นาย ก ทำงานที่หน่วยงาน 1 โดยได้รับมอบหมายให้เป็นคนดูแลโครงการ A นาย ก ต้องการจะโกงเงินจากโครงการ A จึงไปติดต่อ นาย ข ซึ่งเป็นผู้ตรวจสอบโครงการ A ของหน่วยงาน 1 โดยจะแบ่งส่วนที่ได้จากการโกงมาให้ 50% นาย ข ตกลงเอาด้วย จึงนับว่าเป็นการโกงแบบเป็นทีม

การโกงแบบฉายเดี่ยว

สำหรับใครที่ติดละครหรือซีรี่ยส์ จะต้องเคยเห็นพวกตัวร้ายโกงเงินของบริษัทต่างๆ โดยคำที่ใช้ก็คือยักยอก แต่ผมเชื่อว่าประมาณ 95% ของคนที่ได้ยินคำนี้ไม่รู้ความหมายที่แท้จริงของมัน รู้แต่เพียงว่ามันคือการโกงรูปแบบเท่านั้น วันนี้จะมาคลายขอสงสัยที่มีมาตั้งนานให้ได้ทราบกัน

ยักยอก คือ การแอบเอาเงินรายรับของบริษัทไปใช้ โดยไม่ให้บริษัทรู้ ด้วยวิธีการที่สามารถทำได้โดย 2 วิธี

1.การปลอมแปลงหรือปรับเปลี่ยนบัญชี ของบริษัท เช่น รายรับของบริษัท ก ต่อเดือนคือ 1,000,000 บาท นาย ก เปลี่ยนตัวเลขเป็น 900,000 บาท แล้วนำเอาเงินส่วนต่างไปใช้เป็นเงินส่วนตัว ซึ่งวิธีการนี้จะทำได้โดยผู้โกงนั้นมักจะอยู่ฝ่ายบัญชี หรือเป็นผู้ดูแลจัดการการเงินของบริษัท

2.การตั้งบริษัทปลอมๆขึ้นมาเพื่อติดต่อธุรกิจ หรือดูแลระบบต่างๆภายในบริษัท เช่น นาย ก ทำงานที่บริษัท A โดยบริษัท A จ่ายเงินให้ บริษัท B ให้มาทำความสะอาดทุกเดือน แต่นาย ก ใส่ชื่อบริษัท C เข้าไปด้วย โดยที่บริษัท C ไม่มีตัวตนอยู่จริง ทำให้บริษัทต้องจ่ายเงินให้ทั้ง บริษัท B และบริษัท C ทั้งที่ๆบริษัท B ทำความสะอาดอยู่เพียงบริษัทเดียว

ฮั้วกัน

คำนี้ทุกคนคงจะคุ้นหู มาจากข่าวเรื่องการประมูลทั้งหลายแหล่นั้นละ ซึ่งความหมายมันก็ตรงตัวละ ในที่นี้จะไม่ขอใช้คำศัพท์ทางกฎหมายแต่ขอเป็นยกตัวอย่างเพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้นโดยการฮั้วกัน นั้นมี 2 รูปแบบดังนี้

1.ฮั้วกับคนเปิดประมูล

รัฐบาล A เปิดประมูลโครงการสร้างรถไฟฟ้า โดยมีบริษัท ก ข ค ง เข้าร่วม รัฐบาล A แอบไปตกลงราคากับบริษัท ก ไว้ก่อนการประมูลโดยที่รัฐบาล A จะได้ส่วนแบ่ง 50%จากการประมูล พอถึงการประมูล รัฐบาล A ก็อาจตั้งเงื่อนไขหรือราคาไว้โดยที่ บริษัท ข ค ง ไม่สามารถทำได้ และให้บริษัท ก เป็นผู้ชนะในการประมูลไป

2.ฮั้วกับคนมาประมูล

รัฐบาล A เปิดประมูลโครงการสร้างรถไฟฟ้า โดยมีบริษัท ก ข ค ง เข้าร่วม บริษัท ก ไปตกลงร่วมมือกับ บริษัท ข โดยที่ให้ตนเองเป็นฝ่ายชนะ และจ่ายเงินให้บริษัท ข หรือให้บริษัท ข เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างรถไฟฟ้าด้วยการแฝงมาในรูปแบบต่างๆ เช่น บริษัท ข รับทำเหล็กเส้นด้วย บริษัท ก ก็ไปซื้อกับบริษัท ข โดยที่บริษัท ข ขายแพงกว่าที่อื่น เป็นต้น

คอร์รัปชั่น

(ขออนุญาตเขียนย่อๆว่า คอร์)ทุกคนอาจสงสัยว่าคอร์รัปชั่นมันต่างกับการโกงแบบอื่นยังไง ถึงต้องแยกมาอีกประเภทหนึ่ง งั้นมาดูกันว่าทำไมผมถึงแยกมาจากประเภทอื่น คอร์รัปชั่น ก็เหมือนลูกโซ่ โดยที่การคอร์นั้น จะทำกันแบบไม่มีที่สิ้นสุดจนกว่าจะถูกจับได้หรือตรวจสอบได้นั้นเอง ถ้าเทียบการโกงเหมือนการปล้น การคอร์ก็คือการปล้นชั้นเซียน เพราะคอร์ทีหนึ่งสามารถกินกันไปได้ตลอดชีพเลยก็ว่าได้ และมักจะถูกจับได้ยากด้วยเนื่องจากมักมีการเตรียมการมาอย่างดีเยี่ยม ส่วนวิธีเตรียมการก็อยู่ในอีกหัวข้อหนึ่งเดียวค่อยมาดูกัน การคอร์นั้นจะเกิดในองค์กรรัฐบาลสำคัญๆเท่านั้นเพราะคอร์ต้องใช้ เส้นสายและเงินทุนมหาศาลถ้ามาคอร์ ในบริษัทเล็กๆหรือเอกชนนั้นจะทำให้ขาดทุนนั้นเอง และทำได้ยากด้วย

เช่น นาย ก ทำงานให้กับรัฐบาล A โดยรัฐบาล A ให้นาย ก ดูแลเรื่องน้ำทั้งหมด นาย ก ก็เสนอโครงการต่างๆให้รัฐบาล A อนุมัติ จากนั้นนำเงินที่รับบาล A มาทำโครงการส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งนาย ก เก็บไว้เอง และ นาย ก ก็ยังไปจ้างให้บริษัท A ทำงานในโครงการต่างๆทั้งหมดโดยที่อาจตกลงไว้ว่า ให้งานเสร็จช้า ทำงานไม่สมบุรณ์เพื่อจะได้มีข้ออ้างขอเงินมาปรับปรุงอีก และนาย ก ก็ทำยังนี้มาเรื่อยๆจน รัฐบาล A หมดวาระ

โกงเป็นระบอบ

จากที่บอกไว้ข้างบนในเรื่องของการคอร์ ก่อนที่จะคอร์ได้นั้นต้องรากฐานมาก่อนไม่งั้นจะขาดเส้นสายในการคอร์ นั้นคือการโกงเป็นระบอบ ซึ่งการโกงแบบนี้มีมาตั้งช้านานแล้วและแทบทั่วโลก นั้นคือการปรับเปลี่ยนโครงสร้างขององค์กร บริษัท หรือหน่วยงานต่างๆที่อยู่ภายใต้การครอบครองเพื่อให้ตัวเองได้รับผลประโยน์ โดยการโกงแบบนี้เราจะเห็นได้มากใน หน่วยงานทหารและตำรวจ เพราะส่วนใหญ่ กลุ่มอาชีพเหล่านี้มักจะเอาเพื่อนร่วมรุ่น คนรู้จัก ญาติ หรือผู้ใต้บังคับบัญชาเก่า มาขึ้นยศ ตำแหน่งต่างๆที่สำคัญ เพื่อรักษาอำนาจหรือผลประโยชน์ของตัวเองไว้นั้นเอง ทำไมถึงเป็นการโกงละหลายคนคงจะงง ง่ายๆครับ ลองคิดดูว่าคนที่มีความสามารถจริงๆหรืออาจเหมาะสมกว่าหรือมีสิทธิที่จะได้ตำแหน่งนั้นอยู่แล้ว กลับมาโดนคนอื่นเข้ามาแทนที่ ก็ถือว่าเป็นการโกงตำแหน่งนั้นของคนอื่นไปนั้นเองไงครับ

เช่น นาย ก ให้นาย B มารับตำแหน่งซึ่งควรเป็นของนาย ข ที่ทำงานในองค์กรมาตลอด แต่นาย B ไม่เคยมาทำงานเกี่ยวกับองค์กรนี้มาเลย

ยังไงนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้นนะครับ มันยังมีอีกเยอะ แต่เหมือนยิ่งพิมพ์ยิ่งล่อแหลมซึ่งไม่ได้อยากให้เป็นยังงั้นด้วยอ่ะสิ เลยขอพอแค่นี้ดีกว่าไม่งั้นเดียวมันจะผิดจุดประสงค์ไป ยังไงตัวหนังสือเยอะหน่อยนะครับ แต่อยากให้อ่านกันหน่อยก็ดีนะครับเพื่อประโยชน์จองตัวเองนะครับ