คอลัมน์ ที่เห็นและเป็นไป

ที่ถามกันมาหลายวันว่า หนึ่ง จะมีเลือกตั้งหรือไม่ สอง จะมีปฏิวัติหรือเปล่า สาม มันจะจบยังไง

ก่อนหน้านั้นคำตอบเป็นเพียงการคาดเดากันไปตามแต่ข้อมูลของแต่ละคนที่ได้รับมา และจริตส่วนตัว ซึ่งไปกันคนละทิศละทาง หาข้อสรุปอะไรไม่ได้

แต่ถึงวันนี้มีเค้าลางให้เห็นค่อนข้างชัดเจนแล้ว

หนึ่ง "เลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์" น่าจะไม่เกิดขึ้น เพราะเมื่อรัฐบาลยืนยันว่าไม่มีอำนาจที่จะสั่งให้เลื่อนการเลือกตั้ง ไม่มีกฎหมายรองรับให้เลื่อนการเลือกตั้ง

คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่จัดการเลือกตั้ง เสนอให้รัฐบาลเสนอพระราชกฤษฎีกาใหม่เลื่อนการเลือกตั้งออกไป ซึ่งถ้ามติ กกต.ไม่จัดการเลือกตั้งเสียอย่าง การเลือกตั้งก็เกิดขึ้นไม่ได้

ประชาชนที่ใส่เสื้อขาว จุดเทียนเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง พลังไม่พอที่จะต้านทานอำนาจของคนที่ไม่อยากให้เลือกตั้ง

ส่วน สอง "จะมีปฏิวัติหรือไม่" ยังไม่ทันถึงวันชัตดาวน์ กรุงเทพฯ "ปิดกรุงกดดันให้รัฐบาลลาออก" ความรุนแรงระหว่างม็อบเกิดขึ้นแล้วที่ปทุมธานี วันจันทร์ที่ 13 มกราคมที่กรุงเทพฯจะเป็นอัมพาต มีม็อบสองฝ่ายเคลื่อนอย่างไม่ยอมกันและกัน แม้ฝั่งเสื้อแดงจะยืนยันว่าเคลื่อนอยู่ในต่างจังหวัด แต่แผนการเรื่องมือที่ 3 กระฉ่อน และได้รับการยืนยันจากหลายฝ่ายว่าจะมีปฏิบัติการแน่ เพื่อให้เกิดความยุ่งยาก เปิดประตูให้เกิดการปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งข่าวเรื่องการเตรียมพร้อมของทหารเป็นที่รับรู้กันทั่วไป

เรื่องนี้แม้จะไม่แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ คนที่คลุกวงในล้วนรู้ดีว่าโอกาสหลีกเลี่ยงได้ยาก เพราะน่าจะเป็นทางออกเดียวที่เหลืออยู่ที่จะคลี่คลายปัญหาเฉพาะหน้า

"มันจะเกิดขึ้น" แต่จะก่อวิกฤตครั้งใหญ่ให้เกิดขึ้นกับประเทศหรือไม่ ขึ้นอยู่กับรายละเอียดของการบริหารจัดการ หากชัดเจนว่าเป็นการนำประเทศเข้าสู่การปกครองแบบเผด็จการ หรือทหารรับภารกิจเดียวกับที่ "สุเทพ เทือกสุบรรณ" รับมา

"มันก็ไม่จบ" การเคลื่อนไหวมวลชนเพื่อต่อต้านอำนาจเผด็จการจะเกิดขึ้น มีแนวโน้มว่าจะเกิดความรุนแรงครั้งใหญ่จากประชาชนทั้งสองฝ่าย

"ทำอย่างไรไม่ให้เกิดสงครามกลางเมือง" อย่างที่ผู้เชี่ยวชาญการเมืองทั้งหลายมองเห็นแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้น

เป็นเรื่องน่าหนักใจไม่น้อย

ทางออกของประเทศที่ชัดเจนยังมองไม่เห็น แต่ที่พยายามเสนอกันมาตอนนี้คือ"ปฏิรูปประเทศจะต้องเป็นการเปิดรับฟังทุกฝ่าย อย่าให้มีข้อกังขาว่าทำเพื่อยึดอำนาจเพื่อเปลี่ยนการปกครองระบอบประชาธิปไตยไปเป็นเผด็จการแบบยาวนาน หรือสมบูรณ์"

เพราะถ้าเป็นอย่างหลัง การต่อสู้จะเข้มข้น

ที่ถามว่า "จะจบอย่างไร" นั้น เป็นเรื่องที่เกินกว่าที่ใครสักคนจะคาดเดาได้ เพราะไม่ว่าจะมีอำนาจมากแค่ไหน แต่ไม่มีทางที่คนใด หรือกลุ่มใดจะกุมปัจจัยอำนาจทั้งหมดไว้ได้ในมือ ไม่ว่าจะเป็นอำนาจจาก "กลไกรัฐ" หรือจาก "พลังประชาชน"

หนทางที่ดีที่สุดคือ "การปฏิรูปด้วยรูปแบบ หรือกระบวนการที่ทำให้ทุกฝ่ายยอมรับได้มากที่สุด"

ความวุ่นวายจากความเห็นต่างนั้นมีแน่ ไม่ว่าจะรอบคอบรัดกุมอย่างไร แต่จะรุนแรงแค่ไหนขึ้นอยู่กับความรู้สึกที่ว่า "ชอบธรรม" หรือไม่ "เห็นหัวประชาชน" หรือเปล่า

ถ้าเอาแต่ "ถืออำนาจบาตรใหญ่" งานนี้ประเทศชาติเสียหายยับเยินแน่นอน ก่อนที่จะรู้ว่า "จะจบอย่างไร" ด้วยซ้ำ

ที่สำคัญคือ "รัฐประหาร" หากยาวนานเท่าไร จะเท่ากับ "ปิดประเทศ" นานเท่านั้น

เพราะนานาชาติแสดงชัดเจนแล้วว่า ไม่ยอมรับการปกครองที่ไม่อยู่ในระบอบประชาธิปไตย

ในสภาพที่เกิดขึ้นในขณะนี้ คำถามที่ว่า "จะจบอย่างไร"

คำตอบคือ "เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า"