วันที่ฉันเกลียดเหรียญห้า

 

 

 

 

 

วันที่ฉันเกลียดเหรียญห้า

ภายในห้างสรรพสินค้าอันจอแจแห่งหนึ่งในย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ฉันเหลือบไปเห็นนักเรียนชายระดับมัธยมคนหนึ่ง เขากำลังยืนพิงตู้โทรศัพท์สาธารณะบริเวณหน้าห้องน้ำหญิงเพื่อรอแฟนสาวที่อยู่ในนั้น
 
"น้องคะ มีเหรียญบาทสัก 5 เหรียญไม๊ พี่ขอแลกหน่อยค่ะ" ฉันยื่นเหรียญห้าที่อยู่ในมือให้น้องชาย

 น้องชายยิ้มแหย ๆ พร้อมเปรยว่าเขาไม่น่าจะมี

แต่กระนั้น...เขาก็ยังพยายามควานหากระเป๋าสตางค์อันผอมบาง เขาเปิดตรงซิปช่องใส่เหรียญ แล้วเอานิ้วควานหา

เขาควาน ๆ ๆ ๆ ฉันมองเห็นความพยายามควานอันหนักหน่วง ก็เป็นที่รู้แน่ว่าเขาคงจะไม่มีจริง ๆ 
 
"พี่ครับ ผมมีอยู่บาทเดียว แต่พี่เอาไปเถอะ ผมให้พี่" เขายื่นให้ด้วยน้ำใจที่ดี
 
ฉันไม่อยากบอกเขาเลยว่า เอาไปบาทเดียว มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะจริง ๆ แล้ว ฉันอยากได้เหรียญบาท 3 เหรียญ

 
"ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมาก เดี๋ยวพี่ไปหาแลกที่อื่น" ฉันปฏิเสธไม่ขอรับเงินบาทนั้น แล้วเดินจากไปด้วยความเร่งรีบ
 
"อ้าวพี่...เอาไปเถอะครับ ผมให้ พี่จะโทรศัพท์ไม่ใช่เหรอ นี่ไงเอาไปเถอะ" น้องชายคงแอบคิดว่าฉันดูถูกเงินบาทที่เขาหยิบยื่น แต่ฉันต้องตัดใจในการเสียเวลาอธิบายเหตุผล

(ใครรู้จักน้องผู้ชายในรูปนี้ ฝากบอกด้วยนะคะว่าพี่ตั๊กแตนรู้สึกขอบคุณในน้ำใจ)

 

ร้านดังกิ้นโดนัท....

ร้านนี้ ทำเลดีเพราะอยู่หัวมุม ที่นี่มีคนยืนรอจ่ายเงินเพียงคนเดียว ฉันจึงตัดสินใจไปต่อแถวรอด้วยความอดทน
 
"ติ๊ง!!! ฉับ" เสียงเครื่องรับเงินอัตโนมัติปิดลงเพื่อต้อนรับลูกค้าคนต่อไป
 
"น้องคะ พี่ขอแลกเหรียญบาท 5 เหรียญ ได้ไม๊คะ" ฉันยื่นเหรียญห้าบาทด้วยมือที่สั่นเทา
 
"อุ๊ยพี่..ผมเพิ่งปิดเครื่องไป ผมเปิดไม่ได้ครับ" ฉันรู้สึกเหมือนโลกนี้มีความยุติธรรมน้อยลง ฉันผิดตรงไหนหรือที่มีเพียงเหรียญห้าบาท !!! 
 
"กะอีแค่เหรียญบาท 3 บาท ทำไมมันยากจังวะ เงินแค่นี้ แบมือขอเฉยๆ จะง่ายกว่าไม๊เนี่ย" ฉันคิดในใจ

เรื่องเล็กๆ เริ่มกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ทุกขณะ

 

ฉันต้องรีบเร่งหาเหรียญแข่งกับเวลาที่เหลือน้อยลง
 
ฉันเล็งเห็นสาวน้อยคนหนึ่ง หน้าตาอ่อนวัย ดูเหมือนเป็นคนใจดี

เธอถือกระเป๋าสตางค์ใส่เหรียญขนาดเล็กกะทัดรัด เราผู้หญิงด้วยกัน เห็นกระเป๋าเล็ก ๆ กระชับมือแบบนั้นก็ยิ่งรู้ทันว่ามันคือกระเป๋าใส่เงินเหรียญ
 
ขณะที่เธอกำลังรูดซิปลงแล้วโยนถุงเงินเก็บเข้ากระเป๋าใบใหญ่ ใบหูซ้ายของฉันพลันได้ยินเหรียญหนัก ๆ ในถุงดัง "กริ๊กกกก"
 
ฉันปรี่เข้ามาหาเธอด้วยใบหน้าที่พยายามดูว่าหวานสวยแล้ว


"น้องคะ พี่ขอแลกเหรียญบาทสัก 5 บาทได้ไม๊คะ" เธอเงยหน้ามามอง

ไม่ทันพิจารณาสิ่งใด แต่ดูเธอตั้งใจ "โกย"แบบไม่คิดชีวิตเสียมากกว่าจะมาใส่ใจคำของฉัน
 
เธอลนลาน วิ่งหนีพร้อมตะโกนให้หลังว่า "ไม่มีค่ะ ไม่มี"
 
ในใจของฉันพูดว่า "โถ...น้อง" มีเงินแท้ ๆ แต่บอกไม่มี

ฉันรู้ว่าเธอไม่ผิด แต่ผิดตรงที่ ที่นี่คือ "เมืองหลวง" เมืองที่เต็มไปด้วยคนหลอกลวง และ หาความจริงใจแทบไม่ได้จากคนแปลกหน้า

ฉันยืนถือเหรียญห้าบาทมือค้าง มองเธอที่วิ่งหนีไป แถมก้มหน้าสำรวจตัวเองว่า นี่เรา แก่ไป สวยไป หรือ ดำไป หรืออย่างไร ทำไมผู้หญิงคนนั้น จึงดูว่าหน้าตาเราไว้ใจไม่ได้เลย

 

เรื่องเล็กๆ แค่เหรียญห้า ก็สามารถทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งใกล้ถึงกับบ้าได้เหมือนกัน

ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จก็จะอยู่ใกล้ "ห้อง" นั้นมากที่สุด

สุดท้าย ฉันก็ได้อยู่ในห้องนั้น..ห้องที่ทำให้มนุษย์ทุกคนโลก มีความสุขมากที่สุด
 
มือกำแน่น พร้อมกับวัตถุที่แลกมาด้วยความยากลำบากอันเรียกว่า "กระดาษทิชชู่"
 
ถึงชีวิตนี้ ไม่เคยฉีดผงเข้าเส้น แต่ความรู้สึกตอนนั้น มันคงเป็นอะไรที่ไม่แตกต่าง

 

ขณะที่กำลังกล่าวขอบคุณกล่องทิชชู่กล่องนั้น ฉันก็พลันเหลือบมองไปเห็นข้อความอีกด้านของกล่อง

เหมือนทิชชู่ มันจะรู้ว่า เราผ่านอะไรมา ที่ค่อนข้างสาหัสสากรรจ์

มันคงรู้ว่าเราต้องการคนปลอบใจและทำให้เรายิ้มได้ในขณะที่กำลังปลดทุกข์
 
ฉันอ่านข้อความ “ขำขัน” บนกล่องนั้น แม้มันจะไม่ค่อยขำ แต่ก็ทำให้ยิ้มได้ด้วยนานาประการของเหตุและผล

เพราะ ณ จุดนั้นคือจุดที่เราไม่ต้องอดกลั้น....อีกต่อไป....

กล่องนี้...มีความหมายสำหรับฉันมากเหลือเกิน ในวันที่ฉันเกลียดเหรียญห้า

 

http://www.oknation.net/blog/namtang/2014/01/08/entry-1

ที่มา:
 
Credit: http://women.postjung.com/736090.html
13 ม.ค. 57 เวลา 16:25 2,140 100
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...