วันนี้(9ม.ค.) จากกรณีที่ ศูนย์พยากรณ์อากาศแห่งชาติ สหรัฐอเมริกาได้มีการ ประกาศเตือนภัยฤดูหนาว ในหลายพื้นที่ทวีปอเมริกาเหนือ เนื่องจากอากาศที่หนาวเย็น อาจส่งผลทำให้การขับขี่ของประชาชนบนท้องถนนอยู่ในขั้นวิกฤติ ไม่สามารถมองเห็นเส้นทางได้ อันนำไปสู่อุบัติเหตุได้ง่ายนั่นเอง
โดยนักพยากรณ์ เปิดงว่า สามารถวัดอุณหภูมิได้ ราว -40 และอาจพุ่งสูงสุด -50 องศาเซลเซียส ซึ่งถือเป็นความเลวร้ายอย่างรุนแรง สำหรับประชาชนและสิ่งมีชีวิตในประเทศ โดยสาเหตุที่ทำให้อเมริกาเหนือหนาวได้ขนาดนี้ ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายเห็นตรงกันว่าเกิดมาจากปรากฎการณ์ Polar Vortex หรือ ลมวนขั้วโลก
‘Polar Vortex’ คืออะไร ?
Polar Vortex หรือ ลมวนขั้วโลก เป็นปรากฎการณ์ที่ลมหมุนวนในลักษณะทวนเข็มนาฬิกาด้วยความเร็วสูง บริเวณขั้วโลกเหนือ ซึ่งจะส่งผลทำให้อากาศหนาวเย็นไปทั่วบริเวณรอบของมหาสมุทรอาร์กติก ซึ่ง Polar Vortex ไม่ใช่เพียงพายุแค่ลูกเดียวเท่านั้น แต่เกิดขึ้นหลายลูกพร้อมกันและสามารถวนผิดทิศทางและเคลื่อนตัวไปได้ไกลมาก
แต่ทั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นความผิดปกติ เพราะ กระแสลมวน ของขั้วโลกเหนือ (Polar Vortex) ซึ่งปกติก็จะอยู่ที่ขั้วโลกเหนือในฤดูหนาว เกิดการเคลื่อนตัวลงมาที่ทางใต้และเหมือนจะเดินทางผิดทิศ ผิดตำแหน่งทำให้อเมริกาเหนือหนาวเย็นกว่าดาวอังคาร
ด้านเจนิเฟอร์ ฟรานซิส อาจารย์สถาบันวิทยาศาสตร์สมุทรศาสตร์และชายฝั่งแห่งมหาวิทยาลัยรัตเจอร์ เผยว่าสาเหตุที่ทำให้ Polar Vortex เดินทางผิดตำแหน่งมาจากการที่ขั้วโลกเหนืออุ่นขึ้นและน้ำแข็งขั้วโลกละลาย ซึ่งก็เป็นผลส่วนหนึ่งจากภาวะโลกร้อนที่เกิดจากมนุษย์ ทำให้สมดุลย์ความร้อนระหว่างขั้วโลกเหนือและเส้นศูนย์สูตรเปลี่ยนแปลงไป จึงผลักดันให้กระแสลมกรด มีการเคลื่อนที่ผิดปกติในลักษณะแบบคลื่น
ซึ่งอาจส่งผลให้อากาศหนาวของขั้วโลกเหนือเคลื่อนลงมายังแคนาดาและอเมริกา ทำให้อากาศในขั้วโลกเหนือและอลาสกาตอนนี้อุ่นกว่าปกติ (ในฤดูหนาว) ในขณะเดียวกันอังกฤษก็กำลังเจอกับอากาศหนาวมากในขณะที่สแกนดิเนเวียกลับอุ่น ขึ้นกว่าปกติ
MThai news