10 สถานที่เหลือเชื่อว่าอยู่บนโลก ( อย่างกับอยู่ดาวอื่นงั้น )

บนโลกของเรายังมีสถานที่ที่น่าพิศวงอีกมากมายที่น่าท่องเที่ยว น่าค้นหา สักครั้งในชีวิต และนี้คือ 10 รายชื่อสถานที่สถานที่มหัศจรรย์ที่ไม่น่าเชื่อว่ามีอยู่จริงบนโลกใบนี้

ที่มา : http://webboard.herorangers.com/

10. Eisriesenwelt Ice Caves (Austria)

ถ้ำน้ำแข็งไอส์รีเซนเวลต์ (Eisriesenwelt Ice Caves) ใน ภาษาเยอรมันหมายถึง “โลกแห่งน้ำแข็งยักษ์” เป็นถ้ำน้ำแข็ง หินปูน ธรรมชาติขนาดใหญ่ของประเทศออสเตรีย(เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอลป์) 
ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับเมืองซาล์สเบิร์ก เป็นถ้ำน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดโลกเท่าที่มนุษย์ค้นพบในปัจจุบัน โดยถ้ำแห่งนี้ค้นพบครั้งแรกในปี 1879 ที่สมัยนั้นคนในท้องถิ่นรู้จักมันในฐานะทางเข้าสู่นรกและไม่กล้าที่จะเข้าไป 
ข้างใน ลักษณะข้างในถ้ำเป็นเหมือนภูเขาที่อยู่ในถ้ำและจะมีน้ำแข็งเกาะ หินงอก เต็มไปหมดเสมือนกลับว่าคุณอยู่ในโลกต่างมิติยังไงอย่างงั้นจนไม่เชื่อว่านี้ คือฝีมือของธรรมชาติ ถ้ำแห่งนี้มีความลึกถึง 42 กิโลเมตร
(แต่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมแค่กิโลเมตรแรก) โดยถ้ำนี้เปิดให้นักท่องเที่ยวชมตั้งแต่ 1 พฤษภาคมถึงเดือนตุลาคมของทุกปี โดยเปิด 9.00 น.-16.30 น. ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป แต่กระนั้นก็มีนักท่องเที่ยวกว่า 200,000 คนต่อปีมายังสถานที่แห่งนี้

9. The Richat Structure (Mauritania)

ริ แชทแห่งมอริเตเนีย(เป็นประเทศในแอฟริกาตะวันตกเฉียงเหนือ) เป็นภูมิประเทศประหลาดในทะเลทรายซาทาร่าของมอริทาเนีย ได้รับความสนใจจากทั่วโลกเนื่องจากมีลักษณะดินที่แปลกตางดงามที่เรียกโครง 
สร้างนี้ว่า “Richat Structure” เป็นวงกลมขนาดใหญ่รัศมีของมันกว้างถึง 50 กิโลเมตร สามารถมองเห็นทั้งหมดได้จากทางอวกาศ(รวมไปถึงภาพถ่ายดาวเทียม) ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดโครงสร้างแบบนี้ยังคงลึกลับ 
บ้างก็ว่าเกิดจากผลกระทบของอุกาบาตพุ่งชนจนเกิดเป็นคลื่นที่มีรัศมีกว้าง หรืออาจเกิดจากการยกตัวและการกัดกร่อนของหิน

8. The Stone Forest (China)

อุทยาน ป่าหิน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญในมณฑลยูนนาน บริเวณทางตอนใต้ห่างจากเมืองคุนหมิง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนและถูกบันทึกว่าเป็นป่าหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดใน โลก คือพื้นที่ 350 ตารางกิโลเมตร(พื้นที่เฉพาะส่วนที่เยี่ยมชมราว 12 ตารางกิโลเมตร) 
ซึ่งพื้นที่แห่งนี้ป่าหินนี้เต็มไปด้วยหินปูนและต้นไม้ที่กลายเป็นหินซึ่งลักษณะสวยงามแปลกตามากมายอายุราว 270 ล้านปี มีถ้ำ มีน้ำตก มีจุดท่องเที่ยวกว่า 200 จุด แต่ เดิมบริเวณแห่งนี้อยู่ใต้ผิวน้ำและเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของผิวโลกหิน 
เหล่านี้จึงถูกดันให้โผล่ขึ้นเหนือผิวน้ำกลายเป็นภูมิทัศน์ที่งดงามโดดเด่น ซึ่งป่าหินคุนหมิงนับเป็นพิพิธภัณฑ์ของป่าหินทั่วโลก ซึ่งมีคุณค่ามาก

7. Blood Pond Hot Spring (Japan)

น้ำพุ ร้อนสีเลือด เป็นหนึ่งในบ่อน้ำพุร้อนชื่อดังของเมืองเบปปุ ในจังหวัดโออิตะ บนเกาะคิวชู ที่เอาไว้ชมความงามมากกว่าจะใช้อาบ
โดยสถานที่แห่งนั้นเรียกอีกชื่อว่า “นรกบ่อเลือด” สาเหตุที่น้ำพุมีสีเลือดเนื่องจากมีธาตุเหล็กอยู่ในปริมาณมากนั่นเอง

6. Vale da Lua (Brazil)

หุบเขาโลกพระจันทร์ เป็นที่ราบสูงโบราณที่มีอายุเก่าแก่กว่า 1.8 พันล้านปีอยู่ห่างจากเมือง Alto Paraíso de Goiásทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศบราซิลไปประมาณ 38 กิโลเมตร
และเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ Chapada dos Veadeiros โดย พื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยหินรูปร่างประหลาดแปลกตามากมายทำให้ดูเหมือนผิว พื้นดวงจันทร์อย่างใดอย่างงั้น 
ซึ่งสาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เนื่องมาจากการกัดเซาะของแม่น้ำ San Miguel แทรกอยู่ภายใน ซึ่งองค์การยูเนสโกประกาศให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 2001 และเป็นหนึ่งในสถานที่ที่นักท่องเที่ยวอยากมาชมมากที่สุดในชีวิต

5. Salar de Uyuni (Bolivia)

เป็น ทะเลเกลือที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีพื้นที่ถึง 10,582 กิโลเมตร ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของโบลิเวีย ใกล้ยอดของเทือกเขาแอนดีส และมีความสูง 3,656 เมตร(11,995 ฟุต) หรือระดับน้ำทะเลเฉลี่ย เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยคราบเกลือที่หลงเหลือมานานตั้งแต่ยุคก่อนประวัติ ศาสตร์ 
ทำให้พื้นที่แห้งนี้เต็มไปด้วย หินเกลือและยิปซัม และแร่ลิเธียม(มีมากกว่า 70% ของปริมาณแร่ลิเธียมของทั้งโลกที่ยังไม่ได้สกัด) มีการประมาณว่ามันบรรจุไว้ด้วยเกลือกว่า 10 ล้านล้านตัน มี เกลือมากจนกระทั้งกลายเป็นชั้นดินที่สามารถทำให้คนหรือรถเดินทางลงได้อย่าง สบาย 
นอกจากทัศนียภาพที่แปลกตาจนเป็นแหล่งท่องเที่ยวแล้วแล้วมันยังใช้ประโยชน์ มากมาย หนึ่งในนั้นคือมันเหมาะมากในการถูกนำไปใช้ประโยชน์ในการตรวจสอบ และปรับแก้การวัดค่าความสูงของดาวเทียม เนื่องจากพื้นที่แห่งนี้กว้างใหญ่ พื้นผิวราบเรียบเป็นพิเศษ อีกทั้งท้องฟ้าที่ค่อนข้างเปิด ความชื้นต่ำ 
นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจของโบลิเวียเพราะแร่ลิเธียม(ใช้ทำ แบตเตอรี่ไฟฟ้า) เหมือนแร่ และยังเป็นแหล่งของพืชและสัตว์แปลกๆ มากมาย(ภาพใหญ่ข้างบนปรากฏการสะท้อนแสง)

4. Kliluk, the Spotted Lake (Canada)

“สปอท เลค” เป็นทะเลสาปเกลือที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของ ของโอซอยออส ข้างทางหลวงหมายเลข 3 บริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา เป็นทะเลสาบที่มีแร่ธาตุชนิดต่างๆ เข้มข้นอยู่จำนวนมากและบางชนิดก็มีปริมาณที่สุด(ในโลกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ซัลเฟต แมกนีเซียม แคลเซียม และโซเดียม ซัลเฟต(มากที่สุดในโลก) 
รวมไปถึงเงินและไทเทเนียม ในฤดูร้อนแร่ต่างๆ จะเกิดการระเหยและตกผลึกเป็นเกลือส่งผลทำให้แม่นำเกิดจุดคือด้านนอกเป็นส่วน ของแร่ธาตุนานาชนิด(ที่สามารถลงไปเดินสำรวจได้) ส่วนในวงกลมเป็นน้ำที่มีสีที่แล้วแต่แร่ธาตุชนิดนั้น สมัยก่อนแร่ธาตุจากที่แห่งนี้เคยถูกนำไปใช้ประโยชน์ในการทำกระสุนในสมัย สงครามโลก และปัจจุบันสถานที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ของเอกชน 
ทำให้เปิดให้คนนอกเข้าชมความมหัศจรรย์ของทะเลสาบแห่งนี้จำนวนจำกัด โดยวิธีที่ดีที่สุดคือนักท่องเที่ยวจึงทำได้แค่หยุดรถแล้วมองจากราวรั้วกั้น ริมถนนเท่านั้น

3. Rio Tinto (Spain)

หรือเเม่น้ำเเดง เป็นเเม่น้ำในตะวันตกเฉียงใต้ของสเปน ในภูเขา Andalusia บริเวรพื้นที่ตามเเน้วชายฝั่งเเม่น้ำ Rio Tinto 
สมัยโบราณที่มีการทำเหมืองทองเเดง เงิน ทอง เเเละธาตุอื่นๆ มาตั้งเเต่สมัยประมาณ 5 พันปีก่อนเเร่ต่างๆ ได้ลงไปในเเม่น้ำ ส่งผมทำให้เกิดเเม่น้ำดังกล่าวมีค่าความเป็นกรดสูงมาก ส่วนสาเหตุที่น้ำมีสีเเดงก็เนื่องจากก้อนหินอยู่ในน้ำเเห่งนี้ประกอบด้วยธาตุเหล็กในปริมาณเข้มข้นนั้นเอง 
เเม่น้ำเเห่งนี้ได้รับความสนใจต่อนักวิทยาศาสตร์มาก เนื่องจากเเบคทีเรีย ในน้ำมีกรดสูงซึ่ง นาซ่าได้เปรียบเทียบสภาพเเม่น้ำนี้ว่าเหมือน ดาวพฤหัส เเละ ดวงจันทร์ยูโทปา

2. Socotra Island (Indian Ocean)

ไม่น่าเชื่อว่านี้คือเกาะบนโลกมนุษย์เพราะว่ามันช่างเหมือนบนดาวเคราะห์ที่มีแต่สิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดจริงๆ เกาะโซโคตร้า เป็นหมู่เกาะเล็กๆ ภายใต้เยเมน ที่ปลายติ่งแหลมของทวีปแอฟริกา 
(อยู่ในมหาสมุทรอินเดีย ห่างจากประเทศโซมาเลีย 250 กิโลเมตร เป็นเกาะใหญ่ที่สุดในจำนวน 4 เกาะสังกัดหมู่เกาะ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกไปเมื่อ กรกฏาคม 2008 นี้สภาพ ภูมิอากาศที่ร้อนอบอ้าว 
และแห้งแล้ง ลักษณะภูมิประเทศที่เป็นภูเขาอันแปลกตาแปลกใจ พื้นที่ที่เต็มไปด้วยสีฟ้าและเขียวจากธรรมชาติ แต่สิ่งที่แปลกที่สุดคือมันเป็นสถานที่รวมแห่งพืชพรรณแปลกประหลาดหลายชนิด ต้นไม้รูปทรงแปลก ๆ 
ที่ยังมีชีวิตอยู่รอดได้อายุกว่า 20 ล้านปี การแยกโดดเดี่ยวทำให้เกาะโซโคตร้า มีกลุ่มพืชและสัตว์ “หนึ่งไม่มีสอง” ในโลก 37% ในจำนวนพืช 825 ชนิด สัตว์เลื้อยคลาน 90% และสัตว์น้ำมีเปลือกชนิดต่างๆ 95% 
ที่ ไม่สามารถพบเห็นในไม่ว่าสถานที่อื่นใดโลก เช่น ต้น "กุหลาบแห่งทะเลทราย (Desert Rose)"ต้น dragon’s blood (เลือดมังกร) ที่ว่ากันว่ามีสรรพคุณรักษาได้สารพัดโรค 
จึงไม่มีอะไรน่าแปลกใจที่เกาะแห่งนี้จะถูกขนามนามว่า “กาลาปาโกสของมหาสมุทรอินเดีย”

1. Mcmurdo Dry Valleys (Antartica)

เเมคเมอร์โด ไดร์ วัลเลย์ หรือหุบเขาเเห้งเเล้ง เป็นทะเลทรายเเห้งเเล้งขนาดใหญ่พื้นที่ กว่า 4800 กิโลเมตร
ที่ตั้งอยู่ใน เเอนตาร์ติการ์ เเถบขั้วโลกใต้ โดย พื้นที่เเห่งนี้เป็นทะเลทรายที่เเห้งเเล้งมากๆไม่มีความชื้น เป็นสถานที่เเห่งเดียวที่ไม่มีหิมะ
ไม่มีน้ำเเข็งปกคลุม ชั้นหินปกคลุมด้วยก้อนกรวดเต็มไปด้วยไซด์ของเหล็ก ซึ่งก็คือ สนิมนั้นเอง เเต่กระนั้นสถานที่เเห่งนี้น่าสนใจเหลือเกิน 
เสมือนกับว่าอยู่ดาวอังคาร ทำให้นักวิทยาศาสตร์ต่างพยายามศึกษาบริเวณเเห่งนี้หากมีสิ่งมีชีวิตอยู่ เเสดงว่าดาวอังคารน่าจะมีอยู่ด้วย 
โดยสิ่งที่เจอก็มีเเบคทีเรียบางชนิด

Credit: http://www.toptenthailand.com/topten/detail/20140106154935929
6 ม.ค. 57 เวลา 21:17 3,947 1 70
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...