หลายครั้งที่วิญญาณ ยังคงสิงสู่อยู่ในสถานที่ซึ่งตนประสบวาระสุดท้ายของชีวิต คล้ายกับว่าพวกเขาเหล่านั้นยังคงอาวรณ์ที่จะลาจากโลกใบนี้ไป หรือไม่เช่นนั้นก็อาจเป็นด้วยคับแค้นใจในความอยุติธรรมที่ตนได้รับ จึงทำให้วิญญาณเหล่านั้นไม่ยอมจากไป ดังเช่นเหล่าดวงวิญญาณที่อยู่ในหอคอยแห่งลอนดอน
ป้อมปราสาทแห่งลอนดอนหรือที่คนมักรู้จักในชื่อ หอคอยแห่งลอนดอน(The Tower of London)ตั้งอยู่ใจกลางมหานครลอนดอนของอังกฤษ สถานที่แห่งนี้เป็นหมู่อาคารหินที่มีกำแพงสูงล้อมรอบ โดยมีคูน้ำอยู่นอกแนวกำแพงอีกชั้น อาคารหลังแรกของป้อมปราสาทแห่งนี้คือ หอกลาง หรือ เซนทรัลทาวเวอร์ สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1066 – ค.ศ. 1067 ในรัชสมัยขอพระเจ้าวิลเลี่ยมผู้พิชิต โดยพระองค์ทรงเลือกพื้นที่ริมแม่น้ำเทมส์ตรงมุนกำแพงเมืองโรมันเดิมทางด้าน ตะวันออกเฉียงใต้
ต่อมา กษัตริย์หลายพระองค์ได้ขยายหอคอยแห่งลอนดอนเพิ่มเติม จนมีหอคอยกว่า 20 แห่ง และอาคารหลังใหญ่อีกหลายหลังอยู่ภายในวงล้อมของกำแพงอันแข็งแกร่ง
ป้อมปราสาทแห่งนี้มีบทบาทในหน้าประวัติศาสตร์ของอังกฤษมายาวนาน เนื่องจากเคยทำหน้าที่สำคัญหลายอย่าง ทั้งเป็นพระราชวังของกษัตริย์ เป็นเรือนจำ เป็นคลังสรรพาวุธ เป็นโรงกษาปณ์และพระคลังมหาสมบัติ แต่หน้าที่ที่ทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นที่มาของความสยองขวัญก็คือ การถูกใช้เป็นตะแลงแกงสำหรับประหารชีวิตนักโทษ
(ป้อมปราสาทแห่งลอนดอน)
เรื่องราวของดวง วิญญาณแห่งหอคอยแห่งลอนดอนถูกเล่าขานกันโดยพนักงานดูแลสถานที่แห่งนี้ ซึ่งถูกเรียกว่า จีโอแมน (Geoman) โดยผู้ที่จะเป็นจีโอแมนนั้นต้องถูกคัดเลือกอย่างเข้มงวดมาจากนายทหารที่เคย รับราชการมาแล้วไม่น้อยกว่า 22 ปี มีประวัติการทำงานดีเยี่ยม และยังต้องผ่านการสัมภาษณ์อย่างละเอียดอีกด้วย และการที่บุคคลเหล่านี้ใช้ชีวิตอยู่ในหอยคอยแห่งลอนดอนเป็นเวลานาน ทำให้พวกเขาเป็นกลุ่มที่ประสบกับกับภูตผีเหล่านั้นมากที่สุด
ภูตผีที่สิงอยู่ในหอคอยแห่งลอนดอน หลายตนเป็นวิญญาณของบุคคลสำคัญที่ถูกประหารที่นี่ หนึ่งในนั้น คือ วิญญาณของพระนางแอนน์ โบลีน อดีตพระมเหสีของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ซึ่งถูกองค์กษัตริย์ทรงหาเหตุประหารโดยตั้งข้อหาว่าพระนางทรงคบชู้และเป็น แม่มด ทว่าความจริงนั้น พระเจ้าเฮนรี่ที่8 ทรงต้องการอภิเษกสมรสใหม่แต่การหย่าร้างกับมเหสีเดิมนั้นยุ่งยากเกินไป พระองค์จึงสร้างหลักฐานเท็จและใส่ร้ายแอนน์ โบลีน จนพระนางถูกประหารในที่สุด
ความอยุติธรรมที่พระ นางได้รับ อาจทำให้ดวงวิญญาณไม่ไปสู่สุคติ และนั่นเองที่ทำให้มีผู้คนเคยพบเห็นร่างของพระนางมาปรากฏกายในหอคอยแห่ง ลอนดอนยามราตรี
จากคำบอกเล่าของเหล่าจีโอแมนและผู้คนอื่นๆที่กล่าวว่าเคยพบเห็นวิญญาณ ของอดีตราชินีพระองค์นี้นั้น จะเล่าตรงกันว่า พระนางแอนน์โบลีนจะปรากฏพระวรกายในเครื่องทรงเช่นราชนารีชั้นสูงด้วยสีดำ ล้วน ทว่าร่างนั้นปราศจากศีรษะ โดยร่างของพระนางจะเคลื่อนตัวไปช้าๆแบบเท้าไม่ติดพื้นและออกจากตำหนักควีนส์ ไปยังวิหารเซนต์ปีเตอร์ นอกจากนี้บางครั้ง วิญญาณของพระนางมักปรากฏในลักษณะเดินนำขบวนแห่ของขุนนางชั้นสูงมุ่งหน้าไป ยังแท่นบูชาของวิหารดังกล่าว ซึ่งผีของพระนางจะปรากฏร่างให้เห็นทุกปี ในช่วงใกล้วันครบรอบการประหารชีวิตของพระนาง
วิญญาณอีกรายที่ปรากฏร่างให้เห็น คือ วิญญาณของเคาน์เตสแห่งซาลิสบิวรี่ นางถูกพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 สั่งประหารเนื่องจากคัดค้านแนวคิดทางศาสนาของพระองค์อย่างออกนอกหน้า โดยขณะที่ถูกประหารนั้น เคาน์เตส มีอายุได้ 68 ปีแล้ว
เคาน์เตสแห่งซาลิสบิวรี่ถูกนำไปประหารที่กรีนทาวเวอร์ เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ปี ค.ศ.1539 โดยหลังจากถูกนำคอพาดลงบนแท่นแล้ว เคาน์เตสได้ดิ้นรนจนหลุดจากการควบคุมและวิ่งหนีไปรอบๆแท่นประหาร ทำให้พวกทหารที่ไล่จับ ต้องใช้ท่อนไม้ทุบนางจนหมดสติ จากนั้นจึงใช้ขวานสับคอนางขาดกระเด็น
ภูตผีของเคาน์เตสจะปรากฏกายให้เห็น เป็นภาพของนางกำลังวิ่งหนีไปรอบๆแท่นประหารโดยมีเพชฌฆาตถือขวานไล่ตามจับ และบางครั้งก็จะปรากฏให้เห็นเป็นภาพเพชฌฆาตเหวี่ยงคมขวานลงบนต้นคอของนางจน ขาดกระเด็น โลหิตสาดกระจาย จากนั้นภาพทั้งหมดจะค่อยๆเลือนลางหายไป
นอกจากวิญญาณทั้งสอง รายที่กล่าวไปแล้ว ยังมีดวงวิญญาณของยุวกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 5 วัย 12 ชันษา และพระอนุชา ดยุคออฟยอร์ค วัย 9 ชันษา ที่ถูกพระเจ้าอา คือ พระเจ้าริชาร์ดที่ 3 สั่งคนมาลอบประชนม์และนำพระศพมาซ่อนไว้ในหอคอยแห่งลอนดอนตรงฐษนรากของไวท์ ทาวเวอร์ ซึ่งวิญญาณของทั้งสองจะปรากฏพระวรกายในรูปของเด็กชายสองคนที่มีใบหน้าเศร้า หมอง ทั้งสองจะสวมชุดนอนสีขาวจูงมือกันและลอยหายเข้าไปในกำแพง บริเวณบลัดดี้ทาวเวอร์
หลังการสวรรคตของพระเจ้าเฮนรี่ที่8 โอรสของพระองค์ได้ครองราชย์ต่อเพียงชั่วระยะสั้นๆก่อนจะสวรรคต รัชทายาทลำดับต่อมา คือเจ้าหญิงแมรี่ ที่ทรงมีพระมารดาเป็นเจ้าหญิงแห่งสเปน บรรดาขุนนางอังกฤษกลุ่มหนึ่ง ที่ไม่ต้องการให้สเปนขึ้นมามีอำนาจ ได้หันมาสนับสนุนเลดี้เจน เกรย์ เชื้อพระวงศ์วัย 15 ปี ให้ขึ้นครองราชย์ ทว่าพระนางก็ครองบัลลังก็ได้เพียง 9 วัน ก็ถูกขุนนางฝ่ายเจ้าหญิงแมรี่ทำรัฐประหารและเชิญเจ้าหญิงแมรี่ขึ้นครองราชย์ ต่อมา บิดาของเลดี้เจน ได้ร่วมสมคบกับพรรคพวกเพื่อล้มอำนาจของพระนางแมรี่ ทว่าไม่สำเร็จ บิดาของเลดี้เจนและพรรคพวกถูกประหาร พร้อมกับเลดี้เจน เกรย์ ผู้ที่ภายหลังมีสมญาว่า ราชินี 9 ทิวา ก็ได้นำตัวมาประหารที่หอคอยแห่งลอนดอนด้วย
( ภาพ การประหาร เลดี้เจน เกรย์ ราชินีเก้าทิวา)
หลังมรณกรรมอันน่า สยดสยอง ดวงวิญญาณของยุวราชินี 9 ทิวา ก็ยังคงไม่ไปไหนคล้ายกับยังทรงอาลัยอาวรณ์ในพระชนม์ชีพอันแสนสั้น พระนางมักปรากฏให้เห็นในภาพของหญิงสาวที่วิ่งอย่างรวดเร็วไปตามเชิงเทินท่าม กลางแสงจันทร์ยามค่ำคืน พร้อมๆกับเสียงกรีดร้องที่โหยหวนดุจดังจะร้องอุทธรณ์ให้กับชีวิตที่ไม่เป็น ธรรมของพระนาง
เรื่องราวของดวงวิญญาณทั้งของกษัตริย์ ราชินีและเหล่าเชื้อพระวงศ์ กับขุนนางที่เสียชีวิตในหอคอยแห่งลอนดอนยังมีอีกมากมาย และยังคงมีผู้พบเห็นมาตราบจนทุกวันนี้ ไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่า เรื่องของภูตผีเป็นความจริงมากน้อยเพียงใด แต่เรื่องความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นในวาระสุดท้ายของวิญญาณเหล่านั้นหลายดวง เป็นความจริงที่คนรุ่นหลังต่างรับรู้ บางที การปรากฏตัวของเหล่าดวงวิญญาณนั้นอาจเป็นเพราะดวงวิญญาณเหล่านั้นมิต้องการ ให้คนรุ่นหลังลืมเลือนเรื่องราวของพวกเขาก็เป็นได้