…..สำหรับ สาเหตุของสงครามกลางเมืองสหรัฐอเมริกานั้น หากพูดกันตามข้อมูลทั่วไปที่ถูกเผยแพร่ ก็คือ ประธานาธิบดีอับราฮัม ลิงคอล์น ได้ประกาศเลิกทาส ทำให้ชาวอเมริกาในรัฐทางตอนใต้ไม่พอใจและประกาศแยกตัวเป็นอิสระ จนเกิดสงครามกลางเมือง แต่ในความจริงแล้ว การเลิกทาสเป็นแต่เพียงผลที่เกิดจากสงครามเท่านั้น
…..นับ จากได้รับชัยชนะในสงครามประกาศอิสรภาพ เมื่อปี ค.ศ. 1781 แล้ว บรรดามลรัฐต่างๆในสหรัฐอเมริกาได้แบ่งออกเป็นสองกลุ่มคือ กลุ่มรัฐที่มีทาสกับรัฐที่ไม่ อนุญาตการใช้แรงงานทาส ซึ่งรัฐที่มีทาสได้นั้น จะเป็นรัฐที่อยู่ทางตอนใต้ ส่วนกลุ่มที่ไม่อนุญาตการใช้แรงงานทาสนั้นจะเป็นรัฐทางเหนือ
…..ใน ตอนแรก ทั้งสองกลุ่มต่างก็มีจำนวนพอๆกัน และยังไม่มีปัญหาใดๆเกิดขึ้น แม้ว่าจะมีความขัดแย้งและแตกต่างในด้านนโยบายของแต่ละกลุ่มอยู่บ้าง กล่าวคือ รัฐทางเหนือมีสภาพเศรษฐกิจที่เน้นด้านอุตสาหกรรมเป็นหลักและมีภาคกสิกรรมในรูปแบบไร่นาขนาดเล็กที่ใช้แรงงานในครอบครัว ขณะ ที่รัฐทางใต้มีสภาพเศรษฐกิจที่เน้นด้านกสิกรรมเป็นหลักคล้ายรูปแบบของเจ้า ที่ดินสมัยศักดินา โดยจะมีการทำไร่ขนาดใหญ่ที่ใช้แรงงานทาส
…..ต่อ มา รัฐบาลกลางต้องการส่งเสริมอุตสาหกรรมในประเทศจึงตั้งกำแพงภาษีเพื่อป้องกัน สินค้าอุตสาหกรรมจากยุโรปเข้ามาตีตลาดในสหรัฐ ทว่าหลายประเทศในยุโรป ก็ ตอบโต้ด้วยการตั้งกำแพงภาษีกับสินค้านำเข้าจากอเมริกาเช่นกัน ซึ่งในกรณีนี้ ผู้ที่เดือดร้อนที่สุดคือบรรดาเจ้าที่ดินของรัฐทางใต้เนื่องจากสินค้าเกษตร ที่พวกเขาส่งไปขายในยุโรปถูกเก็บภาษีเพิ่มจนทำให้ปริมาณขายลดลง
…..แม้ ความขัดแย้งในเชิงนโยบายของทั้งสองฝ่ายจะเกิดขึ้นบ้างดังกล่าว หากแต่เหตุการณ์ที่น่าจะเรียกว่า เป็นชนวนที่แท้จริง เริ่มต้นขึ้นหลังจากที่สหรัฐอเมริกาได้ซื้อดินแดนลุยเซียน่ามาจากฝรั่งเศส ทำ ให้อาณาเขตของประเทศขยายเข้าไปในฝั่งตะวันตกของทวีป นอกจากนี้อเมริกายังทำสงครามกับสเปนและเม็กซิโกจนได้ชัยชนะและได้รับดินแดน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปอเมริกาเหนือมาแทนค่าปฏิกรรมสงคราม ซึ่งดินแดนใหม่ทั้งหมดนี้ถูกเรียกรวมๆว่า แดนตะวันตก
…..การได้ดินแดนตะวัน ตกมา ก่อให้เกิดข้อพิพาทระหว่างรัฐมีทาสกับรัฐไม่มีทาสขึ้นใหม่ ทั้งนี้บรรดามลรัฐทางเหนือนั้นไม่ได้ต่อต้านการมีทาส แม้ว่าจะมีเอกชนหรือนักการเมืองบางคนที่ส่งเสริมการเลิกทาสก็ตาม
…..หากแต่มลรัฐทาง เหนือไม่ต้องการให้รัฐใหม่ที่เกิดในดินแดนตะวันตกเป็นรัฐมีทาสเพราะเกรงว่า จะเป็นโอกาสให้บรรดาเจ้าที่ดินทางภาคใต้นำแรงงานทาสเข้าไปยึดครองที่ดินทำ ไร่ขนาดใหญ่และจะทำให้โอกาสของบรรดาชาวนาอิสระสูญเสียไป
…..แต่ในขณะเดียวกัน บรรดามลรัฐทางใต้ก็เกรงว่า หากรัฐใหม่ในแดนตะวันตกกลายเป็นรัฐไม่มีทาส ฝ่ายของพวกเขาก็น้อยกว่ากลุ่มรัฐมีทาสและส่งผลให้การออกนโยบายเสียเปรียบ ยิ่งขึ้น จนท้ายที่สุด อาจนำไปสู่การออกนโยบายเลิกทาสทั่วทั้งประเทศ ซึ่งนั่นย่อมกลายเป็นความหายนะของบรรดารัฐทางใต้ที่มีเศรษฐกิจแบบกสิกรรม ขนาดใหญ่และพึ่งแรงงานทาสเป็นหลัก
…..ทั้ง นี้ ประเด็นต่อต้านการมีทาสในดินแดนทางตะวันตกได้ถูกพรรคการเมืองนำมาใช้เป็น นโยบายหาเสียงในดินแดนตอนเหนือซึ่งมีประชากรค่อนข้างมากกว่าทางใต้ โดย พรรครีพับลีกัน ที่ก่อตั้งใน ปี ค.ศ. 1854 ได้เสนอชื่อ อับบราฮัม ลิงคอล์น เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีพร้อมชูนโยบายห้ามการมีทาสในแดนตะวันตก ขณะที่พรรคเดโมแครตซึ่งเป็นพรรคเก่าแก่ก็ส่ง สตีเฟ่น ดักลาสเป็นผู้สมัคร และชูนโยบายเดียวกัน
…..ทว่า นโยบายดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับสมาชิกจำนวนมากของทั้งสองพรรคที่มีแนว คิดสนับสนุนการมีทาส โดยเฉพาะพรรคเดโมแครตทีมีสมาชิกจำนวนมากอยู่ทางภาคใต้ จนทำให้ฐานเสียงของพรรคแตกแยกและส่งผลให้พรรครีพับลีกันชนะการเลือกตั้ง
ประธานาธิบดี อับราฮัม ลิงคอล์น(คนกลางในภาพ)
…..ซึ่งในระกว่างที่ ทางสภาได้แต่งตั้งอับราฮัม ลิงคอล์น ขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีนั่นเอง ในเดือน มีนาคม ปี ค.ศ.รัฐฝ่ายใต้ 7 รัฐก็รวมตัวกันเป็นสมาพันธรัฐและประกาศแยกตัวออกจากสหรัฐอเมริกา
…..และนั่นคือจุดเริ่มต้นของสงครามระหว่างเพื่อนร่วมชาติในที่สุด