เออเนสโต ราฟาเอล กูวารา เดอ ลา เซอนา (Ernesto Rafael Guevara de la Serna) หรือที่รู้จักกันในนาม เช กูวารา เป็นผู้นำทางการเมืองและการปฏิวัติคนสำคัญของคิวบา เขาถือกำเนิด เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ค.ศ. 1928 ที่เมือง โรซาริโอ ประเทศอาเจนติน่า บิดาของราฟาเอล คือ เออเนสโต กูวารา ลินช์ เป็นลูกครึ่งสเปนผสมไอริช ครอบครัวของเขาได้อพยพมาจากสเปนมาตั้งรกรากในละตินอเมริกา ต่อมาเขาได้แต่งงานกับ ซีเลีย เดอลา เซอร์นา ลุยซาร์ หญิงสาวชาวอาเจนตินาซึ่งเป็นมารดาของราฟาเอล ในปี ค.ศ.1927 โดยราฟาเอล เป็นลูกคนโตในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 5 คน
ครอบ ครัวของราฟาเอล เป็นชนชั้นกลางฐานะค่อนข้างดีที่มีความคิดทางการเมืองโน้มเอียงไปทางฝ่าย ซ้าย ตัวราฟาเอลเองก็ค่อนข้างหัวรุนแรงตั้งแต่อายุยังน้อย เขามีโรคประจำตัวคือ โรคหอบหืด แม้ว่าจะปัญหาทางสุขภาพ แต่ราฟาเอลก็เป็นนักกีฬาที่มีความสามารถ เขาเป็นนักรักบี้ที่มีลีลาการเล่นที่ดุดัน ในปี ค.ศ. 1948 ราฟาเอลได้เข้าศึกษาต่อ ในคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัย บัวโนสไอเรสและสำเร็จการศึกษาในปี ค.ศ.1953
ขณะ ที่เป็นนักศึกษา ราฟาเอล มักใช้เวลาในช่วงปิดภาคเรียนของเขาออกท่องเที่ยวไปทั่วลาตินอเมริกา ในปี 1951 ราฟาเอลและเพื่อนนักศึกษารุ่นพี่ ชื่อ อัลเบอร์โต เกรนาโด ได้พักการเรียนหนึ่งปี และวางแผนออกเดินทางไปตามประเทศต่างๆ ในอเมริกาใต้ ราฟาเอลและอัลเบอร์โต ได้ออกเดินทางจากบ้านของพวกเขาในอัลตา กราเซีย โดยใช้พาหนะเป็น มอเตอร์ไซค์นอร์ตัน 500 ซีซี รุ่นปี 1939 โดยพวกเขามีแผนที่จะใช้เวลาสองสามสัปดาห์ ในฐานะอาสาสมัครในนิคมโรคเรื้อน ซาน พาโบล บนฝั่งแม่น้ำอเมซอนในเปรู ราฟาเอลได้บันทึกเรื่องราวการเดินทางครั้งนี้ ไว้ในหนังสือชื่อ The Motorcycle Diaries ซึ่งได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1996 และกลายเป็นภาพยนตร์ชื่อเดียวกันในปี ค.ศ.2004
จาก ครั้งแรกที่ได้เห็นความยากไร้และทุกข์ยากของประชาชน ราฟาเอล คิดว่า คงมีเพียงการปฏิวัติเศรษฐกิจและสังคมของลาตินอเมริกาเท่านั้นที่จะช่วยเหลือ ปวงชนได้ การเดินทางครั้งนี้สร้างมุมมองให้เขาเกิดความคิดว่าลาตินอเมริกามิ ใช่ดินแดนที่มีหลายชาติที่มีความแตกต่างกัน หากมองในฐานะดินแดนที่มีวัฒนธรรมและเศรษฐกิจที่เป็นหนึ่งเดียว การปลดปล่อย จะต้องใช้กลยุทธที่เชื่อมโยงทั้งทวีป และนั่นทำให้ราฟาเอลเริ่มต้นพัฒนาแนวคิดที่เรียกว่า united Ibero-America หรือ สหรัฐ ไอบีโร-อเมริกา ซึ่งได้รวมเอาวัฒนธรรมของพวก เมตติโซ่ (mestizo) หรือพวกลูกครึ่งสเปนกับพื้นเมืองเอาไว้ด้วย แนวคิดของราฟาเอล ค่อยๆเป็นรูปเป็นร่างในการปฏิวัติของเขาในเวลาต่อมา หลังจากที่เขากำลังกลับสู่อาเจนติน่า เขาพยายามสำเร็จการศึกษาจากคณะแพทย์ศาสตร์อย่างเร็วที่สุด เพื่อที่จะดำเนินการออกเดินทางรอบอเมริกาใต้ต่อและเป้าหมายแรกของเขาในครั้ง นี้คือ กัวเตมาลา
กัวเตมาลา
หลัง จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส ในปี 1953 ราฟาเอล เดินทางไปยังกัวเตมาลา ซึ่งขณะนั้น อยู่ในการปกครองของประธานาธิบดี จาโคโบ อาร์เบนซ กูสมัน ผู้บริหารประเทศโดยใช้แนวทางสังคมนิยมฝ่ายซ้าย ผ่านการปฏิรูปที่หลากหลาย โดยเฉพาะการปฏิรูปที่ดิน ด้วยจุดประสงค์ที่จะปฏิวัติสังคม ในช่วงเวลาดังกล่าวนี้เอง ที่ราฟาเอล ได้มีชื่อเล่นที่โด่งดัง นั่นคือ เช คำว่า เช che เป็นคำอุทาน ในภาษาสเปน ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในอาเจนติน่า อุรุกวัย ปารากวัย บางส่วนของโบลิเวีย คอสตาริก้า และทางใต้ของบราซิล มันเป็นคำอุทาน บ่อยครั้งใช้ในความหมายเป็นคำทักทาย เหมือนอย่าง เฮ้ เอ้ ว้าว คำนี้ยังใช้ในภาษาพูด โดยมีความหมายว่า เพื่อน เช่นเดียวกับคำว่า mate และ dude ซึ่งพบกันหลากหลายในภาษาอังกฤษ นับจากนั้นมา นายแพทย์หนุ่ม ราฟาเอล ก็เรียกตัวเอง ว่า เช กูวารา
รัฐบาลของอาเบนซ ถูกโค่นล้มโดยฝีมือของ ซีไอเอ ในปี 1954 เหตุการณ์นั้น ทำให้ เช มองว่า อเมริกาเป็นจักรวรรดินิยมที่เลวร้ายและทางเดียวที่จะช่วยให้ลาตินอเมริกาพ้น จากภาวะทุกข์ยากได้ ก็คือการหันเข้าหาลัทธิ มาร์ก เท่านั้น เช เข้าร่วมขบวนการของอาเบนซ แต่ อาเนนซ ได้ขอให้บรรดาผู้สนับสนุนที่เป็นชาวต่างชาติออกจากประเทศ เชจึงไปยังสถานกงสุล อาเจนติน่า ก่อนจะเดินทางต่อไปยังเม็กซิโก
คิวบา จุดเริ่มต้นแห่งการปฏิวัติ
ใน กรุงเม็กซิโก ซิตี้ เช ได้พบกับฟิเดล คาสโตร และราอูล ผู้เป็นน้องชาย ทั้งสองอพยพมาอยู่เม็กซิโกหลังถูกเนรเทศมาจากคิวบา พี่น้องคาสโตร วางแผนที่จะกลับไปยังคิวบาพร้อมกองกำลังเพื่อโค่นล้มนายพล ฟูลเจนซิโอ บาติสตาร์ (Fulgencio Batista) จอมเผด็จการแห่งคิวบา ที่ขึ้นมามีอำนาจในปี ค.ศ. 1952 เช ได้เข้าร่วมกับ ขบวนการ “เคลื่อนไหวแห่ง 26 กรกฎา” ชื่อนี้มาจากวันที่พวกคาสโตรเข้าโจมตี ค่ายทหารที่มอนคาดา (Moncada) และล้มเหลว จนเป็นเหตุให้ คาสโตร ต้องหนีออกจากประเทศ
ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1956 ฟิเดล คาสโตร เช กูวารา และ นักรบกองโจรอีก 80 คน ออกจาก ทักซ์ปัน เวราครูซ โดยใช้เรือขนส่ง แกรนมา ทั้งนี้บนเรือลำนั้น เช เป็นคนเดียวที่ไม่ใช่ชาวคิวบา หลังจากขึ้นฝั่ง ในเขตบึงใกล้กับ นิเกโร ทางตะวันออกเฉียงใต้ของคิวบาได้ไม่นาน หน่วยกองโจรถูกกำลังทหารของบาติสต้าซุ่มโจมตี เหลือผู้รอดชีวิตเพียง 15 คน ระหว่างการถูกโจมตี เช ซึ่งเป็นแพทย์ประจำหน่วย ได้วางกระเป๋าเวชภัณฑ์ไว้ และหันไปอุ้มหีบกระสุนที่หล่นอยู่แทน ในวินาทีนั้นเองที่กล่าวได้ว่า เช ได้เปลี่ยนจากแพทย์กลายเป็นนักรบไปแล้ว
พวก กบฏที่เหลืออยู่ล่าถอยเข้าไปใน ภูเขา เซียร่า มาเอสต้า (Sierra Maestra) ซึ่งได้กลายเป็นที่ซ่องสุมกำลังของพวกเขาในเวลาต่อมา ขบวนการกองโจรได้รับการสนับสนุนจากชาวนาในท้องถิ่น และพวกกรรมกรในเขตเมือง ในช่วงสงคราม เช ได้แสดงความสามารถ ความกล้าหาญ ทักษะในการรบ รวมทั้งความโหดร้ายให้เห็น เขาได้กลายเป็นผู้ช่วยที่สำคัญที่สุดของ คาสโตร เช ได้ทำหน้าที่ประหารพวกคนทรยศและสายของฝ่ายตรงข้าม ที่แทรกซึมอยู่ในกองทัพปฏิวัติ ในเวลาไม่กี่เดือนหลังการขึ้นบกที่คิวบา เช ได้เลื่อนขั้นอย่างรวดเร็ว จนได้เป็นผู้บัญชาการในกองทัพปฏิวัติ การเดินทัพเข้าสู่ ซานตา คลารา ในปลายปี ค.ศ.1958 เช ได้ทำให้รถไฟบรรทุกกำลังพลของ บาติสต้าตกราง และเข้ายึดเมืองไว้ได้ นั่นเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่บีบให้บาติ สต้า ต้องออกจากประเทศคิวบา เช ได้บันทึกเหตุการณ์ตลอดสองปีที่ดำเนินการโค่นล้มบาติสต้า เอาไว้ในหนังสือ asajes de la Guerra Revolucionaria (แปลเป้นภาษาอังกฤษในชื่อ, Reminiscences of the Cuban Revolutionary War, 1968) ซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ.1963
รัฐบาลแห่งคณะปฏิวัติ
หลัง จากกำลังของคาสโตรเข้าสู่กรุงฮาวานา ในวันที่ 2 มกราคม ค.ศ. 1959 รัฐบาลสังคมนิยมใหม่ก็ถูกจัดตั้งขึ้น ในระยะเวลาไม่นานหลังจากนั้น เช กูวาราได้รับการประกาศให้เป็นประชาชนคิวบาโดยกำเนิด และได้หย่าร้างกับ ภรรยาชาวเปรู ของเขา ฮิลดา ซึ่งมีบุตรสาวกับเขาหนึ่งคน หลังจากนั้น เช ได้แต่งงานสมาชิกคนหนึ่งของกองทัพคาสโตร นามว่า เอลิดา มาร์ช ทั้งคู่มีลูกด้วยกันสี่คน หลังการปฎิวัติ เช กูวารา กลายเป็นผู้ที่โดดเด่นที่สุดในคณะรัฐบาลชุดใหม่เท่าๆ กับที่โดดเด่นในกองทัพปฏิวัติ ในปี ค.ศ.1959 เขาได้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการเรือนจำที่ป้อม คาบานา ระหว่างหกเดือนในตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม ถึง 12 มิถุนายน 1959 เชได้สอบสวนและลงโทษ อดีตเจ้าหน้าที่ของบาติสต้าไปเป็นจำนวนมากกล่าวกันว่า มีคนถูกประหารถึง 156 คน แต่บางแหล่งอ้างว่า ตัวเลขจริงๆ อาจมีมากถึง 500 คน
หลัง จากนั้น เชได้ดำรงตำแหน่งประธานสถาบันปฏิรูปการเกษตรแห่งชาติ ก่อนจะดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารชาติแห่งคิวบา และ รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม เช กูวารา ได้เผชิญกับความท้าทายในการที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศคิวบาจากทุนนิยมเกษตรกรรม เข้าสู่ระบบสังคมนิยมอุตสาหกรรม หลังการเข้าร่วมประชุมข้อตกลงทางการค้ากับสหภาพโซเวียต ในปี ค.ศ. 1960 เช ได้พยายามทำให้คิวบากลายเป็นตัวแทนในการเจรจากับโซเวียต โดยเข้าร่วมกับชาติต่างๆในอาฟริกาและเอเชีย หลังจากที่สหรัฐกำหนดมาตรการคว่ำบาตรคิวบา
กูวารามีส่วนชักนำให้ คาสโตรเดินเข้าสู่แนวทางสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ และมีส่วนร่วมในกิจกรรมปฎิรูปทางเศรษฐกิจและสังคมโดยรัฐบาลของคาสโตร เช กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในโลกตะวันตก จากการโจมตีอย่างรุนแรงของเขาต่อนโยบายต่างประเทศของสหรัฐใน อาฟริกา เอเชีย และ โดยเฉพาะในลาตินอเมริกา
ระหว่าง ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เขาได้เล่าถึงนโยบายของคิวบาและมุมมองของเขา ผ่านสุนทรพจน์ บทความ จดหมายและงานเขียนอื่นๆ เช่น คู่มือการทำสงครามกองโจรและกลยุทธต่างๆ ที่อยู่ในหนังสือสงครามกองโจร Guerrilla Warfare, (1961) ซึ่งเขียนขึ้นเพื่อให้เป็นฐานสำหรับการปฎิวัติของชาวนาในประเทศกำลังพัฒนาต่างๆ หนังสือ El socialismo y el hombre en Cuba (1965) ตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษในชื่อ Man and Socialism in Cuba ในปี 1967 ซึ่งเป็นบททดสอบภาพลักษณ์ใหม่ของคิวบาในแนวคิดแบบสังคมนิยมและคอมมิวนิสต์ โดยกล่าวว่า สังคมนิยมคอมมิวนิสต์แบบบริสุทธิ์ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เว้นเสียแต่ปวงชนจะพัฒนาเข้าสู่การเป็นมนุษย์ใหม่ (el Hombre Nuevo) เสียก่อนทั้งนี้สำหรับรัฐสังคมนิยมนี่เป็นสิ่งที่สำคัญอันดับแรก บันไดก้าวไปสู่สังคมที่เท่าเทียมโดยปราศจากรัฐหรือรัฐบาล
ก่อนเหตุวิกฤต มิสไซล์คิวบา เช กูวารา ได้เข้าร่วมการประชุมที่มอสโก กับ ราอูล คาสโตร ในตอนนั้นพวกเขามีแผนที่จะติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ ของโซเวียต ที่คิวบา กูวาราเชื่อว่าการติดตั้งครั้งนี้จะช่วยปกป้องคิวบาจากการรุกรานของสหรัฐ อเมริกา ในเวลานั้น ผู้สื่อข่าวอังกฤษได้รายงานว่า กูวารา ได้กล่าวว่า ถ้าหากคิวบาได้ควบคุมนิวเคลียร์แล้ว พวกเขาจะใช้มัน
ใน ฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล กูวาราได้ทำตนเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องของความสมถะและเท่าเทียม เขามักใช้เวลาสุดสัปดาห์ อุทิศให้กับการทำงานแบบกรรมกร เช่นการทำงานที่ท่าเรือ โรงเลื่อย หรือไร่อ้อย เขาเชื่อว่าการเสียสละเช่นนั้น จำเป็นต่อการเข้าถึงความเป็นคอมมิวนิสต์ที่แท้จริงของสังคม นอกจากนี้ กูวารายังดำรงชีวิตแบบเรียบง่าย เช่นเมื่อตอนที่เขาเข้าร่วมคณะรัฐมนตรี เขาปฏิเสธที่จะรับเงินเดือนเพิ่ม โดยขอรับเงินเดิอนเท่ากับที่ เขาได้รับตอนที่ยังเป็นผู้บังคับการในกองทัพปฏิวัติ การใช้ชีวิตสมถะอย่างเข้มงวดนี้ทำให้เขาปฏิเสธความหรูหราทุกประเภท ครั้งหนึ่งในการเดินทางไปยังรัสเซีย กูวารา เข้าร่วมรับประทานอาหารค่ำกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์แห่ง โซเวียต เมื่อเห็นอาหารที่ถูกนำมาเสิร์ฟเป็นอาหารจีนมีราคาแพง เช กูวารา ได้กล่าวกับพวกเจ้าหน้าที่รัสเซียว่า “ชนชั้นกรรมาชีพในรัสเซียเขากินอยู่กับแบบนี้หรือ ?”
หลังจากเดือนเมษายน ปี 1965 เช ได้ยุติชีวิตที่เปิดเผยของเขาและหายตัวไปจากสังคม เขาไม่ถูกพบเห็นอีกเลยนับแต่เดินทางมาถึง กรุงฮาวานา ในวันที่ 14 มีนาคม หลังจากใช้เวลาสามเดือนในเดินทางไปเยี่ยมสาธารณรัฐประชาชนจีน สหสาธารณรัฐอาหรับ(อียิปต์) อัลจีเรีย กานา กินี มาลี ดาโฮเม่ คองโก บราสซาวิล และ แทนซาเนีย การหายไปอย่างลึกลับ กูวารา กลายเป็นที่สนใจในคิวบา ในฐานะที่เขามีอำนาจเป็นอันดับสองรองจากคาสโตร บางคนกล่าวว่าการหายตัวไปของเขาอาจเกี่ยวกับความล้มเหลวในสิ่งที่เขาทำ ระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งในกระทรวงอุตสาหกรรม บ้างก็กล่าวว่า การหายตัวของ เช เกิดจากแรงกดดันที่ทางโซเวียตมีต่อคาสโตรเนื่องจากโซเวียตรู้มาว่า กูวารา นั้นค่อนข้างนิยมเอนเอียงไปทางคอมมิวนิสต์จีน ท่ามกลางแนวโน้มของความขัดแย้งระหว่างคอมมิวนิสต์จีนกับโซเวียตที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความขัดแย้งระหว่างกูวาราและสมาชิกรัฐบาลคิวบาคน อื่นๆ ในเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจและแนวคิดอุดมการณ์อีกด้วย อาจเป็นเพราะคาสโตรเริ่มวิตกกังวลที่ เช ได้รับความนิยมในประชาชนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเขามองว่านั่นคือการคุกคามโดยตรง คำอธิบายของคาสโตรในเรื่องการหายตัวไปของเช ถูกสงสัย และหลายคนพบว่ามันน่าประหลาดใจที่เช ไม่เคยประกาศต่อหน้าสาธารณชน นอกจากจดหมายส่วนตัวที่เขามีถึงคาสโตรเท่านั้น
การ สนับสนุนจีนของกูวารา เพิ่มปัญหาทางการเมืองให้กับคิวบาในฐานะที่เศรษฐกิจของประเทศต้องขึ้นอยู่ กับโซเวียต ตั้งแต่ช่วงแรกของการปฏิวัติคิวบา กูวาราถูกมองว่าเป็นผุ้เลื่อมใสในกลยุทธของลัทธิเหมาในลาตินอเมริกา และแผนการปฏิรูปเศรษฐกิจของเช ก็ยังถูกนำไปเปรียบเทียบกับ “Great Leap Forward” ของจีน อันเป็นข้อสรุปนักสังเกตการณ์ชาวตะวันตกสำหรับสถานการณ์ของคิวบาในเวลานั้น ความจริงที่ว่า เช ต่อต้าน เงื่อนไขของโซเวียตและพยายามชักจูงให้คาสโตรเห็นตาม อาจเป็นสาเหตุของการหายตัวของ กูวารา
ในจุดนี้ กูวาราเพิ่มความไม่พอใจโซเวียตมากขึ้นเรื่อยๆ เขามองว่าโลกถูกครอบงำทางตะวันตกโดยสหรัฐและตะวันออกโดยโซเวียต แต่เขาก็ยังสนับสนุนคอมมิวนิสต์เวียดนามอย่างเต็มที่ในสงครามเวียดนาม ทั้งๆ ที่เวียตนามเหนือนิยมโซเวียตนอกจากนี้เขายังกระตุ้นสหายของเขาในอเมริกาใต้ ให้จับอาวุธและสร้างชาวเวียตนาม ท่ามกลางการจับตาของนานาชาติต่อชะตากรรมของ กูวารา คาสโตรได้ประกาศออกมาในวันที่ 16 มิถุนายน 1965 ว่าประชาชนที่ข้องใจในเรื่องของกูวารา จะได้ร็ความจริงเมื่อถึงเวลาที่เช ต้องการให้รู้ ความข้องใจเรื่องการหายตัวไปของเช แพร่ไปทั่วคิวบาอย่างรวดเร็ว โดยในวันที่ 3 ตุลาคมของปีนั้น คาสโตรได้เปิดเผยจดหมายที่ไม่ระบุวันที่ ซึ่งเช เขียนถึงเขาโดยตรง โดยประกาศถึงเจตนารมณ์ของเช ที่จะจากไปเพื่อทำการปฏิวัติ
เขาอธิบายว่า ชาติอื่นๆ ของโลกยังเรียกร้องการช่วยเหลือจากเขาอยุ่ และเขาได้ตัดสินใจจะไปและสู้ในฐานะกองโจร สำหรับสงครามครั้งใหม่ ในจดหมาย เชได้ประกาศสละทุกตำแหน่งที่เขาดำรงอยู่ ในคณะรัฐบาล และในพรรค ในกองทัพ และสละสัญชาติชาวคิวบา ที่เขาได้รับในปี 1959
ระหว่างการให้ สัมภาษณ์กับนักข่าวต่างประเทศ ในวันที่ 1 พฤศจิกายน คาสโตร ได้กล่าวว่า เขารู้ว่า เช อยุ่ที่ไหน แต่เขาไม่อาจเปิดเผยได้ เขาปฏิเสธรายงานที่ว่าสหายร่วมรบเก่าของเขาได้เสียชีวิตไปแล้ว “ เขามีสุขภาพดีที่สุด” ทั้งๆที่คาสโตรรับประกัน แต่ชะตากรรมของกูวารายังเป็นที่กังขาจนถึงสิ้นปี 1965 การเคลื่อนไหวของกูวารายังคงเป็นความลับในอีกสองปีข้างหน้า
ระหว่าง งานชุมนุมกลางคืนในวันที่ 14 มีนาคมถึง 15 มีนาคม 1965 กูวาราและคาสโตรได้ตกลงที่จะเริ่มปฏิบัติการณ์ทางทหารของคิวบา ในอาฟริกา แหล่งข้อมูลบางที่กล่าวว่ากูวาราได้โน้มน้าวใจให้คาสโตรสนับสนุนเขาใน ปฏิบัติการครั้งนี้ แต่แหล่งข้อมูลอื่นกลับบอกว่า คาสโตรเป็นคนชักจูง เช ให้ดำเนินปฏิบัติการครั้งนี้ ปฏิบัติการของคิวบาถูกจัดขึ้นเพื่อสนับสนุนกลุ่มนิยมลูมุมบา ขบวนการเคลื่อนไหวของสิงห์มาร์กซิส Marxist Simba ในเบลเยี่ยมคองโก (ภายหลังคือ ซาอีร์ และปัจจุบันคือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก)
ในปี 1965 กูวารา ได้รับการสนับสนุนการทำงานจากหัวหน้ากองโจรเบลเยี่ยมคองโก นาม โลรอง คาบิลา นำการปฏิวัติ แต่ถูกปราบปรามลงในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน โดยกองทัพรัฐบาลคองโก และกองทัพทหารรับจ้างผิวขาว กุวารา ทำการปลดคาบิลาออก ในฐานะไม่มีความสำคัญ
“ไม่มีอะไร ทำให้ผมเชื่อว่าเขาเป็นคนสำคัญ” กูวาราเขียน
กูวาราในวัย 37 ไม่เคยรับการฝึกทหารอย่างเป็นทางการมาก่อน โรคหืดหอบ ทำให้เขาไม่ต้องถูกเกณฑ์เข้าในกองทัพอาเจนติน่า แต่เขามีความภูมิใจที่ตนอยู่คนละฝ่ายกับรัฐบาล จากประสบการณ์เกี่ยวกับการปฏิวัติในคิวบา และกอบด้วยความสำเร็จในการเคลื่อนทัพเข้าสู่ ซานตา คลาร่า ซึ่งเป็นศูนย์กลางอำนาจสุดท้ายของบาติสต้าก่อนถูกโค่นล้มโดยคาสโตร เป้าหมายของเช จากนี้ไป คือ การส่งออกการปฏิวัติของคิวบาสู่ประเทศอื่นๆ โดยการสั่งสอนให้เหล่านักรบยึดมั่นในอุดมการณ์ของคอมมิวนิสต์ และสั่งสอนกลยุทธ์การทำสงครามกองโจร
เจ้าหน้าที่ของซีไอเอ ที่ทำงานร่วมกับกองทัพคองโก ได้ติดตามการเคลื่อนไหวของกูวารา โดยจัดการกับการซุ่มโจมตีของกองทัพกบฏ และกองกำลังคิวบา นอกจากนี้ยังตัดขาดเส้นทางลำเลียงของกูวาราได้อีกด้วย ส่วนกองทัพคองโกนั้นทำการต่อสู้ได้อย่างเข้มแข็ง ทางฝ่ายปฎิวัตินั้นขาดความชำนาญ และวินัยในการต่อสู้ ส่งผลให้การปฏิวัติล้มเหลว กูวารา คิดว่าจะส่งผู้บาดเจ็บกลับคิวบา และยืนหยัดต่อสู้ต่อโดยลำพังจนกว่าการปฏิวัติจะจบลง แต่หลังจากการรุกรบหลายครั้งรวมทั้งการเกลี้ยกล่อมจากสหายของเขา เขาก็ตัดสินใจทิ้งคองโก พร้อมด้วยผู้รอดชีวิตชาวคิวบา (มีคนของเช เสียชีวิตไปหกคน)
เนื่องจาก ฟิเดล คาสโตร ได้แสดงจดหมายต่อสาธารณชนที่บอกถึงเจตจำนงของเช ที่จะอุทิศชีวิต ให้กับการปฏิวัติทั่วโลก กูวารา จึงรู้สึกว่าเขาไม่อาจกลับไปยังคิวบาได้ ด้วยเหตุผลทางคุณธรรม และเขาได้ใช้เวลาในอีกหกเดือนต่อมา ใช้ชีวิตอย่างเป็นความลับ ในดาเอส ซาลาม, ปราก ในช่วงเวลาเหล่านี้ เขาได้เรียบเรียงประสบการณ์ของเขาในคองโก และเขียนเป็นหนังสือ ทั้งในมุมมองของปรัชญาและทางเศรษฐศาสตร์ ในช่วงเวลาดังกล่าว คาสโตรเรียกร้องให้เช กลับคิวบา แต่กูวาราทำเพียงให้รู้ว่าเขาจะไปที่นั่นเพียงชั่วคราว เพื่อเตรียมตัวสำหรับงานของเขาต่อไปในที่ใดที่หนึ่งในลาตินอเมริกา สิ่งที่เขาทำที่นั่นล้วนถูกปิดเป็นความลับ
โบลิเวีย
ใน ช่วงปี 1966 จนถึง 1967 เรื่องราวเกี่ยวกับกูวารายังไม่เป็นที่เปิดเผย จนกระทั่งในวันเมย์เดย์ ปี 1967 ที่กรุงฮาวานา รัฐมนตรีกลาโหม ฮวน อัลเมดา ประกาศว่า ขณะนี้กูวารากำลังรับใช้วิถีการปฏิวัติในที่ใดที่หนึ่งในลาตินอเมริกา รายงานดังกล่าวถูกยืนยันความจริงในภายหลัง เมื่อปรากฏว่า เช ได้กลายเป็นหัวหน้ากองโจรในโบลิเวีย
บางส่วนของผืนป่าในภู มิภาคนันคาฮัวซู ถูกซื้อไว้โดยกลุ่มคอมมิวนิสต์พื้นเมืองโบลิเวียและกลายเป้นพื้นที่ฝึกของ เขา การฝึกอย่างหนัก ประสบผลไม่มากนัก ในการสร้างหน่วยกองโจรขึ้นมา เมื่อได้รู้ถึงการปรากฏตัวของเช ในโบลิเวีย ประธานาธิบดี เรเน บาริเอนโตส กล่าวว่า เขาต้องการเห็นศรีษะของเช เสียบอยู่ที่ปลายหอกในย่านลาปาส เขาสั่งกองทัพโบลิเวียให้ออกล่าตัวเชและพรรคพวกทั้งหมด
กองโจรของเช ที่มีเพียง 50 คน ภายใต้ชื่อหน่วยปฏิบัติการ Ejército de Liberación Nacional de Bolivia (ELN) ยึดพื้นที่ในภูมิภาคแนวเขาแถบคามิรี เพื่อรับมือกับกองทัพของโบลิเวีย แม้ในช่วงแรกจะประสบผลสำเร็จ ทว่าเมื่อถึงเดือนกันยายน กองทัพโบลิเวียก็สามารถกวาดล้างกลุ่มกองโจรได้สองกลุ่มพร้อมทั้งยังสังหาร หัวหน้าหน่วยกองโจรได้ด้วย
เชได้หวังว่าจะสามารถ สร้างกระแสการปฏิวัติให้เกิดขึ้นในโบลิเวีย และยังคาดไว้ว่า ตนคงจะต้องรับมือเพียงกองทัพของโบลิเวียเท่านั้น ทว่าสหรัฐได้เข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังจากรัฐบาลสหรัฐ ทราบที่อยู่ของเช เจ้าหน้าที่ซีไอเอ ถูกส่งเข้าไปในโบลิเวีย เพื่อจัดการกับเขา ดังนั้นแทนที่เชจะพบกับกองทหารที่ไร้วินัยและขาดการฝึกฝนของทัพโบลิเวีย สิ่งที่เขาพบกลับเป็นกองทหารโบลิเวียที่ได้รับการฝึกฝนจากผู้เชี่ยวชาญของ กองกำลังพิเศษของสหรัฐ ประกอบด้วยหน่วยรบที่ได้รับการฝึกฝนการรบในป่า ทางกูวารายังไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้คนในท้องถิ่น อีกทั้งพรรคคอมมิวนิสต์โบลิเวีย มอสโก เองก็ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือเขา ทั้งยังสูญเสียอุปกรณ์วิทยุคลื่นสั้นในการใช้ส่งสัญญาณติดต่อกับทางฮาวานา และเขายังสูญเสียเทปถอดรหัสติดต่อที่พวกกองโจรใช้ถอดรหัสคลื่นสั้นที่ส่งมา จากฮาวานาระหว่างข้ามแม่น้ำด้วย
กูวาราและพรรคพวกถูก ปิดล้อมในโบลิเวีย โดยกองทัพโบลิเวียที่ได้รับความช่วยเหลือทางการทหารจากอเมริกา อีกทั้งยังขาดการช่วยเหลือจากพันธมิตรของเขา นอกจากนี้ ซีไอเอยังช่วยเหลือชาวคิวบากลุ่มต่อต้านคาสโตร และจัดการกับชาวโบลิเวียที่ให้ความช่วยเหลือ เชและกองโจรของเขา ซึ่งบางคนถูกทรมานเพื่อรีดข้อมูล
กองกำลังพิเศษ โบลิเวียได้ค้นพบที่ซ่อนของเช และกองโจรของเขา ในวันที่ 8 ตุลาคม ที่ตั้งแคมป์ถูกโจมตี และเชถูกจับกุม เช ยอมแพ้หลังจากเขาได้รับบาดเจ็บที่ขาทั้งสองและปืนไรเฟิลของเขาเสียหาย ระหว่างการจับกุม มีรายงานว่า เชร้องตะโกนบอกพวกทหาร “ อย่ายิง ผมคือ เช กูวารา และผมมีค่าเกินกว่าจะถูกฆ่าตาย” อย่างไรก็ดี รายงานดังกล่าวเชื่อกันว่าเป้นเรื่องโกหก พวกทหารบางคนกล่าวว่าเรื่องนี้ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อทำให้เกียรติของเช มัวหมอง บาริเอนโตสสั่งให้ประหารชีวิตเช ทันทีที่ทราบข่าวการจับกุมเขา กูวาราถูกพาไปที่อาคารเรียนแห่งหนึ่งในลา ฮีกูเอร่า ในวันที่ 9 ตุลาคม ปี ค.ศ. 1967 The schoolhouse in La Higuera where Che Guevara was executed at 1:10 PM on October 9, 1967
เพ ฌชฆาตซึ่งเป็นนายสิบของกองทัพโบลิเวีย ได้ทำหน้าที่ลั่นกระสุนสังหาร มีเรื่องเล่าหลายเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ในครั้งนั้น บ้างเล่าว่า ผู้เป็นมือสังหารเกิดอาการเครียดจนถึงกับหนีออกจากห้องและถูกบังคับตัวให้ เข้ามาทำหน้าที่ลั่นกระสุน บ้างก็เล่าว่าเพฌชฆาตเครียดและกลัวที่จะเผชิญหน้ากับเชโดยตรง เขาขอลั่นกระสุนจากด้านข้างโดยการยิงเข้าที่คอซึ่งทำให้เกิดบาดแผลร้ายแรง แต่เรื่องที่ยอมรับกันมากที่สุดก็คือ การที่เชได้รับบาดเจ็บจากการที่ขาถูกยิงดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการที่ใบหน้า จะได้รับความเสียหายอันจะส่งผลต่อการระบุตัว เชถูกยิงเข้าที่หน้าอก ปอดของเขาเต็มไปด้วยเลือด
เช ได้กล่าวคำพูดสุดท้ายบางคำไว้ก่อนที่เขาจะตาย เชได้กล่าวกับมือสังหารว่า “ผมรู้ว่าคุณมาอยู่ที่นี่เพื่อจะฆ่าผม ยิงสิ กลัวอะไรอยู่ คุณเพียงแต่ฆ่าคนคนหนึ่ง เท่านั้น” ร่างของเชถูกนำขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปยัง วัลเลกรานเด และถูกวางไว้ในอ่างอาบน้ำของโรงพยาบาลท้องถิ่น เพื่อถ่ายภาพเก็บไว้เป็นหลักฐาน หลังจากแพทย์ทหาร พิมพ์ลายนิ้วมือของศพแล้ว เจ้าหน้าที่กองทัพโบลิเวียก็นำศพของเชไปยังสถานที่ที่ไม่เปิดเผย พวกเขาปฏิเสธที่จะเปิดเผยที่ตั้งของหลุมฝังศพของเช
เจ้าหน้าที่ซีไอเอและ ทหารผ่านศึกที่เคยยกพลขึ้นบกที่อ่าวหมูในคิวบา เฟลิกซ์ โรดริเกซ หัวหน้าทีมล่ากูวาราในโบลิเวีย หลังจากได้ทราบเรื่องการถูกจับกุมของกูวารา โรดริเกซได้ส่งรายงานไปยังสำนักงานใหญ่ซีไอเอที่แลงลีย์ เวอร์จิเนีย ผ่านทางสถานีของซีไอเอ ในหลายประเทศของอเมริกาใต้ หลังการประหารชีวิต โรดริเกซได้นำเอานาฬิกาโรเล็กซ์และสิ่งของส่วนตัวอื่นๆ ของกูวาราอีกหลายชิ้นมาเก็บไว้ และเขามักจะอวดของเหล่านั้นอย่างภาคภูมิใจต่อหน้าผู้สื่อข่าวหลายครั้ง
ได้มีการจับกุมผู้ที่ เกี่ยวข้องกับหน่วยกองโจรอีกคนหนึ่ง นั่นคือ เรกีส เดอเบร์ ในเดือนเมษายน ปี 1967 รัฐบาลได้จับกุมตัวเดอเบร มาร์กซิสหนุ่มชาวฝรั่งเศส นักคิดและนักเขียนผุ้ใกล้ชิดของคาสโตร ทางการได้กล่าวหาเขาว่าเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการกองโจร เดอร์เบร กล่าวอ้างว่า เขาทำหน้าที่เป็นเพียงผู้รายงายข่าว และได้เปิดเผยว่า เช ผู้หายตัวไปอย่างลึกลับก่อนหน้านั้น คือผู้นำกองโจร ขณะการสอบสวนเดอร์เบร ในวันที่ 1 ตุลาคม เจ้าหน้าที่โบลิเวียได้มีรายงานเท็จ ออกมาว่า เช เสียชีวิตระหว่างการปะทะกันกับกองกำลังของรัฐบาลในวันที่ 9 ตุลาคม
ใน วันที่ 15 ตุลาคม คาสโตรได้ออกมายอมรับในการตายของเช และประกาศให้สามวันหลังจากนั้นเป็นวันไว้อาลัยทั่วประเทศคิวบา การตายของเชถูกมองว่าจะช่วยเร่งกระแสการปฏิวัติสังคมในลาตินอเมริกาให้ รุนแรงยิ่งขึ้น
ในปี 1997 ได้มีการพบโครงกระดูกที่เหลืออยุ่ของเช ใกล้กับ วัลเลกรานเด หลังการตรวจสอบดีเอนเอเป็นที่แน่ชัดแล้ว ในวันที่ 17 ตุลาคม ปี ค.ศ.1997 ร่างที่เหลือของเขาก็ถูกฝังพร้อมกับเครื่องแบบทหารเต็มยศ ในสุสานที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะใน ซานตา คลารา สถานที่ซึ่งเขาซึ่งเขาได้รับชัยชนะในการต่อสู้ในสงครามปฏิวัติคิวบา เมื่อ 39 ปี ก่อน