มีบางครั้งที่เราจำเป็น ต้องทุบทิ้ง อาคารหรือบ้าน ที่เคยอาศัยใช้งาน ผูกพันมาเป็นเวลานาน แม้จะเสียดายเป็นนักหนา แต่เดี๋ยวนี้เราอาจเก็บเอามันไว้ได้ โดยย้ายเอาไปตั้งไว้ที่อื่น ซึ่งการยกย้ายไปทั้งหลังนี้ ใช้วิธีการที่ซับซ้อน และน่าสนใจมาก ดังจะนำมาเล่าสู่กันฟังสัก 2 เรื่อง
อาคารแรก ได้แก่ วาร์สิตี้ฮอลล์ สร้างในปี ค.ศ. 1857 เป็นโรงพยาบาลรุ่นแรกๆ ที่ตั้งขึ้นในมหา'ลัยแห่งรัฐเวอร์จิเนีย ที่ชาร์ล็อตส์วิลล์ จัดเป็นอาคารโบราณที่ทรงคุณค่ายิ่ง ทั้งในด้านสถาปัตยกรรม และใช้เทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ในครั้งกระโน้น ผู้ออกแบบคือ โธมัส เจฟเฟอร์สัน ระบบการถ่ายเทอากาศนับว่าเยี่ยมมาก เพราะคนไข้ส่วนใหญ่มีปัญหาด้านการหายใจ ทว่าตำแหน่งของวาร์สิตี้ฮอลล์เป็นอุปสรรค ต่อการก่อสร้างศูนย์อาคารเรียนมหึมาแห่งใหม่ จะทุบทิ้งก็ทำใจไม่ได้ ทางมหา'ลัยจึงว่าจ้างบริษัทเอ็กซเปิร์ต เฮาส์ มูฟเวอร์ ให้ย้ายโรงพยาบาลนี้ทั้งหลัง ซึ่งเดิมตั้งอยู่บนเนินสูง ลงมาไว้เบื้องล่างที่อยู่ลาดต่ำลงมาราว 70 เมตร ด้วยสนน ราคา 2 ล้านดอลลาร์ (กว่า 80 ล้านบาท)
มีหนทางการย้ายอยู่ 3 วิธีด้วยกัน
หนึ่ง ตัดอาคารเป็นส่วนๆ แล้วนำไปประกอบ แต่เนื่องจากวาร์สิตี้ฮอลล์เป็นตึกก่อด้วยอิฐ การตัดผนังอิฐนั้น...ยากส์
สอง รื้ออิฐแล้วนำไปประกอบทีละก้อน...กว่าจะเสร็จคงหลายปี
ทางบริษัทจึงเลือกใช้วิธีที่สาม คือ ยกอาคารย้ายไปทั้งหลัง ซึ่งข้อดีประการหนึ่งคือ สามารถอนุรักษ์ทุกอย่างไว้ในสภาพเดิมได้ แต่ปัญหาสำคัญคือ ความชันของเนิน ถ้าหากระหว่างเคลื่อนลงไปเกิดสะดุดหรือเกี่ยวกิ่งไม้ ริมทาง การร้าวเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้ตึกทั้งหลังพังครืนลงมาได้ เทคนิคที่นำมาใช้จึงต้อง รอบคอบสุดๆ
แผนการของบริษัทคือ ตัดตัวอาคารออกจากตอม่อ จากนั้นก็สอดคานเหล็ก 20 ท่อนเข้าไปใต้พื้นล่าง แล้วใช้แม่แรงไฮดรอลิก 12 ตัวยกลอยขึ้น ซึ่งในการสอดคานเหล็กนั้น ต้องเจาะผนังอิฐที่หนาถึง 60 ซม. กว่าร้อยรู ทำให้ ประสิทธิภาพในการรับน้ำหนักของฐานอาคารลดลงมาก นอกจากนี้ คานเหล็กแต่ละท่อนยังหนักถึง 3 ตัน ต้องสอดอย่างระมัดระวังยิ่ง
ปัญหาอีกอย่างคือ บานหน้าต่างไม้ 50 บานนั้นเก่ามากและอาจกวัดแกว่งหลุดออกมาได้ จึงต้องถอดออก ทำให้เกิดเป็นช่องว่างระหว่างผนัง บริษัท จึงใช้กาวพิเศษยาอุดแผ่นอิฐให้แข็งแรง รวมทั้งยาช่องโพรงต่างๆของอาคารด้วย ปริมาณ น้ำยากาวที่ใช้นี้เกินกว่าพันแกลลอน แต่ครั้นแล้วสภาพอากาศเกิดแปรปรวน อุณหภูมิลดต่ำลงฉับพลัน อากาศเย็นนี้อาจทำให้น้ำในกาวแข็งตัวก่อนที่กาวจะเซตตัว จึงต้องเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ห้อง หากทว่ารูพรุนก็มากเหลือเกิน หนทางเดียวที่ทำ ได้คือ หาผ้าใบมาคลุมห่อปิดช่องโหว่ ทั้งหมด แล้วเปิดซุปเปอร์ฮีตเตอร์ 6 ตัว ให้ความร้อนแก่ ภายในอาคาร
หอคอยทางปีกตะวันออก เป็นสิ่งที่สร้างเพิ่มเติม ขึ้นภายหลัง และติดตรึงไว้กับตัวอาคาร อย่างลวกๆ ระหว่างเคลื่อนย้ายลงเนิน มันอาจล้มคว่ำได้ จึงต้องเอาสายเคเบิล มาโยงไว้กับเสาหลักอาคาร ผนังภายในก็เช่นกัน อาจจะแยกออกจากกันได้ทุกขณะ จึงต้องใช้เคเบิลดึงรั้งเอาไว้ แทบทุกจุด รวมความยาวของ เคเบิลทั้งหมด เกือบ 850 เมตร กับแคลมป์หนีบ 700 ตัว มองดูระโยง ระยางเหมือนใยแมงมุมยักษ์ ขึงแผ่ทั่วอาคาร
การตระเตรียมนี้กินเวลาทั้งสิ้น 4 เดือน!
ครั้นแล้วก็ได้เวลาการย้ายตึกวาร์สิตี้ฮอลล์
เริ่มจากการค่อยๆ ยกแม่แรงขึ้น จนรอยร้าวที่ฐานล่างเกิดขึ้นพร้อมๆ กันโดยรอบตึก น้ำหนักทั้งหมดของอาคารวางอยู่บนตัวแม่แรงแล้ว ถ้าแม่แรงแม้เพียงตัวเดียวเอียงหรือทรุด ตึกอาจทลายลงได้ พวกเขาใช้เวลาทั้งบ่ายยกตึกจนลอยสูงจากตอม่อ 1.30 เมตร
เส้นทางเคลื่อนย้ายถูกปรับเรียบสำหรับล้อเลื่อน 152 ตัว ที่จะเคลื่อนตึกลงจากเนิน มันขยับอย่างช้าๆ ทีละนิ้วไปสู่ฐานรากใหม่ที่สร้างเตรียมไว้แล้วอย่างละเอียดแม่นยำ ตำแหน่งท่อต่างๆในอาคารจะสวมลงพอดีกับตำแหน่งท่อระบายที่เตรียมไว้ ถ้าคลาดเคลื่อนไปแม้เพียงนิดเดียว น้ำชักโครกจะรั่วเลอะเทอะอย่างแน่นอน
ก่อนจะเคลื่อนถึงฐานราก 10 เมตร มีการปรับเบี่ยงไปทางขวา 8 ซม.
และแล้วอาคารอายุเกือบ 150 ปี ก็ตั้งอยู่บนนิวาสสถานใหม่อย่างสมบูรณ์
อีกอาคารหนึ่ง ซึ่งต้องย้ายไปอยู่ที่ใหม่ ไกลกว่าเดิมถึง 208 กม. ได้แก่ คฤหาสน์ไม้ขนาด 8 ห้องนอน ที่แวนคูเวอร์, แคนาดา และบริษัทที่ดำเนินการยกย้ายก็คือ นิกเกล บราเธอร์ส เฮาส์ มูฟวิง
บริษัทนี้ทำมาหากินด้วยการไปขอซื้อบ้าน หรืออาคารที่กำลังจะโดนทุบทิ้งในราคาที่ถูกเหมือนได้เปล่า ครับ ผู้ที่จะรื้อบ้านตนเองนั้น ตามปกติจะต้องเสียเงินจ้างรื้อแพงๆ เมื่อมีผู้มาขอยกบ้านไปแถมให้เงินอีก (1 ดอลลาร์!?) ก็ย่อมดีใจ รีบมอบให้โดยไว้ บ.นิกเกลก็จะนำบ้านเหล่านี้มาเก็บตุนไว้เป็นลอต คล้ายๆ กับเต็นท์ขายรถมือสองนั่นแหละ วันดีคืนดีมีผู้มาติดต่อขอซื้อ บริษัทก็จะยกบ้านนำไปบริการส่งถึงที่พร้อม ติดตั้งเสร็จสรรพ
อย่างเช่นคุณ ดาร์เรน ดายเกิล ผู้มีฟาร์มเลี้ยงสัตว์ในทุ่งกว้าง 80 ไร่ เขามีบ้านขนาด 3 ห้องนอน แต่มีลูกที่กำลังเป็นหนุ่มเป็นสาวถึง 4 คน คับแคบเกินไป จึงมองหาบ้าน ใหม่ที่ใหญ่กว่า และก็มาโดนใจกับบ้านไม้ 8 ห้องนอน 8 ห้องน้ำ ของ บ. นิกเกล ซึ่งตกลงราคากัน ได้ในวงเงิน 4.2 ล้านบาท รวมค่าขนย้ายเสร็จ นับว่าถูกกว่าปลูกบ้านใหม่ หลายขุม กว้างขวางให้ เด็กๆวิ่งเล่นได้อย่างสุขี
ฟาร์มของคุณดายเกิลอยู่ที่คอร์ทีเนย์ ซึ่งห่างจากเฮาส์ลอตของ บริษัทถึง 208 กม. การขนบ้านทั้งหลังต้องอาศัยทั้งทางบกและทางน้ำ
แรกเริ่ม บ.นิกเกลต้องลากบ้านบนล้อเลื่อนผ่านคูลึกเพื่อขึ้นไปบนทางหลวงระหว่างรัฐ ความยากอยู่ที่บ้านหลังนี้ยาวมาก จึงต้องมีการใช้รถทรัคช่วยดันข้างหลัง แต่กระนั้นก็ยังไม่พอ ต้องขอแรงรถเครนมาช่วยยกอีกต่อหนึ่งจึงขึ้นไปบนสเตทไฮเวย์ได้ เริ่มงานกันตั้งแต่ตีสี่ เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรบนถนนหลวง กว่าจะผ่านงานขลุกขลักนี้ได้ก็เกือบสายเกินกาล เพราะในการขอใช้ทางหลวงนั้น บริษัทได้รับรองไว้กับทางการว่าจะไม่กีดขวางรถที่สัญจรไปมา และจะออกไปจากถนนให้ทันก่อนช่วงเวลาเร่งด่วน
เมื่อขึ้นไปวิ่งบนทางหลวงแล้ว ขั้นต่อไป บริษัทจะอาศัยลู่วิ่งของท่าอากาศยาน ซึ่งอยู่ห่างออกไปแค่ 1 กม. เป็นเส้นทางลัดตัดผ่าน โดยได้เจรจาตกลงกับทางสนามบินขอใช้รันเวย์ในช่วง 05.00 ถึง 05.30 น. ซึ่งเป็นเวลาปลอดการขึ้นลงของเครื่องบิน การเคลื่อนย้ายในขั้นนี้ก็สามารถทำเวลาผ่านไปด้วยดี
คฤหาสน์ไม้หลังยาวเดินทางมาหยุดรออยู่ที่ท่าเรือเกาะแวนคูเวอร์ การขนย้ายทางทะเลนั้นสะดวกกว่าทางบก แต่ต้องอาศัยน้ำขึ้น-น้ำลง แพจะเข้ามารับได้ในช่วงน้ำขึ้น ระหว่าง 07.30 น. ถึง 10.00 น. เพราะจากนั้นน้ำจะลดลงอย่างรวดเร็ว ถ้าออกไม่ทัน แพจะเกยตื้น และบ้านอาจเสียหายได้ พวกเขาใช้รางเลื่อนดอลลี่เป็นอุปกรณ์เข็นบ้านลงสู่หาดที่ลาดลงไป การนำบ้านขึ้นบนแพนั้นต้องระวังอย่างยิ่งยวด เพราะน้ำหนักมหาศาลของบ้านทำให้แพยุบยวบลง ต้องจัดสมดุลระหว่างหัวแพกับท้ายแพให้ดี
บ้านขึ้นแพเรียบร้อยแล้ว เฮ้อ...ผ่านไปอีกเปลาะหนึ่ง
ช่วงระยะทางร่วม 200 กม. ในทะเลนั้น ต้องสวดมนต์ภาวนาอย่าให้เกิดพายุหรือคลื่นลูกโตๆเป็นอันขาด
ปลายทางที่ฝั่งคอร์ทีเนย์นั้น ไม่มีท่าเรือ พวกเขาต้องทำทางขึ้นเอง ซึ่งจะต้องมั่นคงแข็งแรง พอที่จะไม่จมตัว หรือทรุดลง เมื่อสองปีก่อน เหตุการณ์นี้ได้เคยเกิดขึ้น และสร้างความวิบัติ ให้กับบ้านที่กำลังยกย้ายมาแล้ว การขึ้นฝั่งต้องแข่งกับ เวลาน้ำขึ้น-ลงอีกครั้ง ซึ่งหนนี้มันก็ผ่านพ้น ด้วยดีเช่นกัน
“โดยทั่วไปเราจะบอก เจ้าของบ้านว่า ให้ ปล่อยเฟอร์นิเจอร์ทั้งหลาย ไว้ตามสภาพเดิมของบ้านได้ ขนออกแต่เพียงรูปตามฝาผนัง กับของที่วางตั้งอยู่บนหิ้ง” เจเรมี นิกเกล เจ้าของบริษัท เล่า “แต่ก็มีเจ้าบ้านบางคนจงใจทิ้งแก้วที่มีไวน์ อยู่ครึ่งหนึ่งไว้บนเคาน์เตอร์ หลังจากเดิน ทางขึ้นบก-ลงน้ำนับร้อยกิโลเมตรจนถึงที่หมาย ปรากฏว่าไวน์ก็ยังคงอยู่ในแก้วเหมือนเดิมทุกประการ”
หนทางเข้าสู่ตำแหน่งที่ตั้งบ้านใหม่ในฟาร์มนั้นเป็นดินอ่อน ไม่สามารถรองรับน้ำหนักมหาศาลของตัวบ้านได้ ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน ทางบริษัทจึงได้ขุดร่องตามแนวที่ล้อจะแล่นผ่านแล้วขนกรวด 2-3 คันรถมาอัดลง เพื่อให้มั่นใจว่าได้ทางที่แน่นหนาพอ
ฐานรากก็เตรียมไว้แล้วเช่นกัน สามารถนำบ้านใหม่ขึ้นติดตั้งได้ทันทีที่มาถึง
บัดนี้ ครอบครัวดายเกิลก็มีที่อาศัยกว้าง ขวางอย่างสุขสำราญแล้ว ด้วยความรวดเร็วดุจเนรมิต ต้องขอบคุณเทคโนโลยีการขนย้ายที่มี ประสิทธิภาพยิ่ง