นิตยสารไทม์ ได้ยกย่องให้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เป็นบุคคลแห่งปี 2013 ด้วยผลงานการฟื้นฟูศรัทธาของชาวคริสต์ให้กลับมาได้สำเร็จ และผลักดันให้เกิดสันติภาพและความยุติธรรมโปร่งใสไปทั่วโลก และนับเป็นครั้งที่สามนิตยสารไทม์ ได้เลือกสมเด็จพระสันตะปาปา เป็นบุคคลแห่งปี โดยสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นปอลที่สอง ได้รับเลือกในปี 1994 และสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ที่ 23 ได้รับเลือกในปี 1963
ในปี 2012 นิตยสารไทม์ ได้เลือกประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐเป็น 'บุคคลแห่งปี' เป็นสมัยที่ 2 หลังจากเคยมอบตำแหน่งนี้ให้เมื่อครั้งชนะการเลือกตั้ง ได้เป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐเมื่อปี 2008
'เราอยู่ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม และประชากรครั้งประวัติศาสตร์ และโอบามา ก็เป็นทั้งสัญลักษณ์ และเป็นสถาปนิกอเมริกายุคใหม่' ริค สเตนเกล บรรณาธิการนิตยสารไทม์ กล่าว
จากการลุกฮือประท้วงของประชาชนในชาติอาหรับ จนถึงการประท้วงเพื่อต่อต้านความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจ ของกลุ่มออคคิวพาย วอลล์ สตรีท ในสหรัฐฯ ทำให้'ผู้ประท้วง' ได้รับเลือกเป็นบุคคลแห่งปี 2011
ริชาร์ด สเตนเกล บรรณาธิการนิตยสารไทม์ กล่าวว่า การลุกฮือของประชาชนได้สั่นคลอน และโค่นล้มรัฐบาลของบางประเทศไปแล้ว เช่นในอียิปต์ หรือตูนิเซีย สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ แต่เป็นปรากฎการณ์ที่ประชาชนได้รับแรงบันดาลใจจากการประท้วงในตะวันออกกลาง ที่ประสบความสำเร็จ จนเกิดการเอาอย่าง และกลายเป็นกระแสการประท้วงที่เชื่อมต่อกันทั่วโลก โดยมีเครือข่ายสังคมออนไลน์เช่นทวิตเตอร์และเฟซบุค เป็นเครื่องมือสื่อสารสำคัญในการเชื่อมแบ่งปันข้อมูล และยุทธวิธีในการประท้วงที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง และผู้บริหาร Facebook เว็บไซต์เครือข่ายออนไลน์ชื่อดัง ที่มีคนใช้บริการกว่า 500 ล้านคน ได้รับเลือกให้เป็นบุคคลแห่งปี 2011 จากนิตยสารไทม์
โดย ริชาร์ด สเตนเกิล บรรณาธิการนิตยสารไทม์ ระบุว่าการให้บริการของ Facebook ได้เปลี่ยนแนวทางการดำเนินชีวิตประจำวันของคนทั้งโลก โดยเปิดมิติใหม่ของการเชื่อมความสัมพันธ์ทางสังคมของคนกว่า 500 ล้านคน ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและใช้ชีวิต ทำให้บทบาทของมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก มีความโดดเด่นจนได้ตำแหน่งบุคคลแห่งปี 2010 ไปครองอย่างไม่ต้องสงสัย
เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือ เฟด ได้รับยกย่องจากนิตยสารไทม์ ให้เป็นบุคคลแห่งปี 2009
โดยนักเขียนอาวุโสของไทม์ กล่าวว่า เหตุผลสำคัญที่ทำให้นายเบอร์นันกีได้รับเลือก ก็เพราะเขาเป็นบุคคลสำคัญที่สุดในการชี้นำเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของโลก ขณะที่ ริชาร์ด สเตนเกล บรรณาธิการบริหารของไทม์ ระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยถือเป็นเรื่องสำคัญของปี ซึ่งหากไม่มีบุคคลแห่งปีอย่าง เบน เบอร์นันเก้ สถานการณ์อาจจะเลวร้ายยิ่งกว่านี้
นิตยสาร ไทม์ ได้ยกย่องให้ ประธานาธิบดี บารัค โอบามา เป็นบุคคลแห่งปี 2008 หลังจากที่เขาชนะการเลือกตั้ง และได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแีรกของอเมริกา
'หนึ่งในการเลือกตั้งที่บ้าคลั่งในประวัติศาสตร์ของอเมริกา เขาได้รับชัยชนะเหนือผู้มีประสบการณ์ 2 ผู้สมัครจากสถาบันการเมืองและความแตกแยกทางผิวสีก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีคนที่ 44 ของสหรัฐฯ'
นิตยสารไทม์ ประกาศยกย่องให้ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เป็นบุคคลแห่งปี 2007 เนื่องจากเขานำพารัสเซียให้กลับมาเป็นมหาอำนาจโลกอีกครั้ง
ริชาร์ด สเตนเกล บรรณาธิการฝ่ายการจัดการของไทม์ กล่าวว่าปูตินเป็นผู้นำที่มีความกล้าหาญเป็นพิเศษ ในการนำพาประเทศที่มีแต่ความวุ่นวายกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงมีความเหมาะสมที่สุดที่จะได้รับเกียรตินี้ด้วยการยกย่องให้เป็นบุคคลแห่งปี แต่อย่างไรก็ตาม เขาเป็นบุคคลอันตราย ที่ไม่สนใจต่อเสรีภาพของพลเรือน และไม่ใส่ใจต่อเสรีภาพในการพูด แต่รางวัลของการสร้างเสถียรภาพเหนือเสรีภาพ ทำให้รัสเซียกลับมาเป็นมหาอำนาจอีกครั้ง
นิตยสารไทม์ ยกตำแหน่งบุคคลแห่งปี 2006 ให้เป็นของ 'พวกคุณทุกคน' ในฐานะที่มีส่วนส่งเสริมทำให้เว็บไซต์ที่ผู้ใช้สามารถต่อเติมแก้ไขเนื้อหา ได้เจริญเติบโตและทรงอิทธิพลมากขึ้นทุกที จนกลายเป็นแรงผลักดันที่สำคัญในโลกยุคสมัยใหม่
ทางนิตยสารระบุว่า การเสนอชื่อสาธารณชนโดยรวมให้ได้รับรางวัลครั้งนี้ แทนที่จะระบุเป็นบุคคลใดบุคคลหนึ่ง สะท้อนให้เห็นถึงถึงการที่อินเตอร์เน็ตมีบทบาทมากขึ้นในโลกปัจจุบัน ด้วยการเปลี่ยนแปลงสมดุลอำนาจในโลกข่าวสารผ่านการเขียนข้อความในบล็อค วิดีโอ และเครือข่ายสังคมต่างๆ
ในปี 2005 มหาเศรษฐีที่ได้ชื่อว่าร่ำรวยที่สุดในโลกอย่าง บิล เกตส์ และเมลินดา ภรรยาของเขา ได้รับเลือกให้บุคคลแห่งปี พร้อมด้วย โบโน นักร้องนำแห่งวง U2 จากการที่ทั้งสามคนทำงานให้กับองค์กรการกุศล และออกมาเคลื่อนไหวเพื่อสังคม อันก่อให้เกิดการลดจำนวนคนจน และช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชากรโลกให้ดีขึ้น
ด้วยวิธีการทำความดีของเขา การเคลื่อนไหวทางการเมือง และจัดการเพื่อเป็นเกิดความยุติธรรมในหลายๆ อย่าง รวมถึงความเมตตา กลยุทธ์แห่งความหวัง และความกล้าที่ทำให้คนที่อยู่ต่อได้สู้ชีวิตต่อไป และนี่แหละทำให้ทั้งสามเป็นบุคคลแห่งปี' จิม เคลลี บรรณาธิการการจัดการของไทม์กล่าวกับทางเอพี
ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ได้รับเลือกให้เป็นบุคคลแห่งปี 2004 จากการชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐสมัยที่ 2 โดยมีชัยเหนือคู่แข่งอย่าง จอห์น แครี่ วุฒิสมาชิกรัฐแมสซาชูเซตส์ พรรคเดโมแครต
โพสซ้ำก็ขออภัย การให้อภัยคือสิ่งที่ดีที่สุด อ่าๆๆๆๆ