จากลูกแม่ค้าต่างจังหวัดที่อยากมีคุณภาพชีวิตที่ดี ผ่านการทำงานหนักทั้งล้างจาน เช็ดกระจก ดูดฝุ่น ถูพื้น กัปตันร้านอาหาร เป็นผู้ช่วยไกด์ เป็นไกด์ กระทั่งเป็นเจ้าของกิจการตั้งแต่อายุ 25 ปี เป็นนักขายอสังหาริมทรัพย์แถวหน้าของพัทยา ปัจจุบัน "นิกกี้" จิรโชติ แก้วเสถียร กลายเป็นเจ้าของอาณาจักร "มิโมซ่า" (Mimosa) สถานที่ท่องเที่ยวหรูเลิศอลังการระดับพันล้านแห่งใหม่ของเมืองพัทยาไปเรียบร้อยแล้ว
"นิกกี้" เล่าว่า เป็นคนอำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ เดินทางมาพัทยาด้วยเงิน 1,400 บาท พร้อมกับความฝันของเด็กต่างจังหวัดที่อยากมีคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อดูแลตัวเองและครอบครัว
"...24 ปีที่แล้ว พี่กำเงินออกจากบ้าน 1,400 บาท มาไขว่คว้าหาโอกาสจากเมืองพัทยา เพราะเด็ก ๆ ชอบเรียนภาษาอังกฤษ จึงคิดว่าน่าจะทำงานที่จะทำให้เราสามารถประสบความสำเร็จในชีวิต ด้วยการใช้ภาษาอังกฤษได้" กว่าจะมีวันนี้ต้องผ่านการทำงานมาหมดทุกอย่าง จากเด็กล้างจานจนมาเป็นไกด์ และเป็นเจ้าของบริษัททัวร์ตั้งแต่อายุ 25 ปี แต่จุดเปลี่ยนชีวิตจริง ๆ คือการได้ทำงานอสังหาริมทรัพย์ เปิดบริษัท "นิก เรียลเอสเตท" ส่งผลให้คนรู้จักธุรกิจของเขามากขึ้น "นิก เรียลเอสเตท ทำให้คนพัทยารู้จักเรา เพราะเวลาลูกค้ามาซื้อทัวร์ ก็จะมาซื้อบ้านด้วย ซึ่งลงตัวมากและทำให้มีวันนี้"
จากความสำเร็จช่วงเวลาไม่นานทำให้ "นิกกี้" อยากตอบแทนเมืองพัทยา จึงตัดสินใจสร้าง "มิโมซ่า" โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของสีสันการท่องเที่ยวแนวใหม่ของการท่องเที่ยวเมืองพัทยา
เขาเนรมิตมิโมซ่า โดยจำลองแบบเมืองกอลมาร์ (Colmar) ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเมืองชนบทโบราณ ติด 1 ใน 10 เมืองที่สวยและโรแมนติกของโลก มาไว้ที่พัทยา บนพื้นที่กว่า 50 ไร่ ริมถนนสุขุมวิท ตรงข้ามโรงแรมแอมบาสซาเดอร์ ซิตี้ จอมเทียน ด้วยเงินลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท
"มิโมซ่าสร้างขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ "เดอะซิตี้ออฟเลิฟ" (The City of Love) เมืองแห่งความรัก หลายคนบอกว่าเป็นคอมมิวนิตี้มอลล์ แต่พี่ไม่นิยามเป็นคอมมิวนิตี้มอลล์ แต่เรียกว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่เมืองพัทยา และเมืองไทยมากกว่า" ปัจจุบันมิโมซ่าเปิดมาแล้วกว่า 10 เดือนฟีดแบ็กจากนักท่องเที่ยวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยมีกลุ่มลูกค้าหลัก 3 กลุ่มใหญ่ ประกอบด้วย นักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย 25% จีน 25% ที่เหลือเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียงล่าสุดมีนักท่องเที่ยวเดินทางมามิโมซ่าในวันธรรมดาไม่ต่ำกว่า 10,000 คน/วัน ส่วนช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์หรือลองวีกเอนด์นักท่องเที่ยวหลั่งไหลมากว่า 20,000 คน/วัน
นิกกี้บอกว่า เสน่ห์ของมิโมซ่า คือ สีสันของอาคารและรูปทรงแบบฮาล์ฟทิมเบอร์.....(Half-Timbered) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของบ้านเรือนในยุโรป มีงานแฮนด์เมดของท้องถิ่นนำมาขาย ที่สำคัญคือมีการแสดงเพื่อสร้างสีสันทั้งกลางวันและกลางคืน การแสดงดนตรีประกอบแสง สี เสียง คาบาเรต์โชว์ และละครบรอดเวย์ ทั้งหมดนี้เพื่อต้องการตอบโจทย์ลูกค้าทั้งเด็กและผู้ใหญ่ นอกจากนี้ยังวางเป้าหมายในอนาคต ด้วยการเตรียมสร้างบูติคโฮเต็ลเพิ่มเป็น 1,000 ห้อง จากที่มีอยู่เล็ก ๆ ภายในมิโมซ่าปัจจุบัน 28 ห้อง แต่กว่าจะถึงวันนี้ "นิกกี้" บอกว่า ต้องผ่านการทำงานที่ใช้ความอดทนอย่างสูง เพราะหากอดทนได้เพื่อให้ไปถึงปลายความฝัน เราก็จะได้รางวัล
"คติในการทำงานของพี่คือ ความอดทนอย่างสูงสุด อดทนไปถึงปลายของความอดทน ความสำเร็จที่เราได้มา มาจากความอดทนที่จะต้องเจอปัญหามากมาย ทำให้เจออุปสรรคที่กระทบจิตใจ กระทบพลังที่มีอยู่ในตัว แต่ถ้าเราอดทนได้ก็จะเห็นผลสำเร็จ"
นอกจากนี้ยังต้องมีการปรับเปลี่ยนไปหาเป้าหมายด้วยความถูกต้องและชอบธรรม
"พี่มีการทำงานที่ปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา หากเห็นว่าเส้นทางที่เดินมีอุปสรรคขวากหนาม หรือถ้าปลายทางความฝันเราเดินตรงไม่ได้ ก็ลองเดินซ้าย ซ้ายไม่ได้ก็เดินขวา หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เราจะเดินไปสู่เป้าหมายอย่างถูกต้องดีงาม เราก็จะเดิน แต่ถ้าเดินไปแล้วชน เจ็บ ก็จะถอยออกมา การถอยออกมาหนึ่งก้าวไม่ได้เสียความสง่างามหรือเสียศักดิ์ศรีตรงไหนเลย ถอยเพื่อหาทางใหม่ แล้วเดินไปสู่เป้าหมายที่เราวางเอาไว้ด้วยความถูกต้อง"
"หลังจากนี้พี่ขอมุ่งทำมิโมซ่าให้เป็นสุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวให้ดีที่สุด" "นิกกี้ จิรโชติ" สรุปทิ้งท้าย
Credit : sanook.com
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=652295128146180&set=a.197077023667995.42100.196365190405845&type=1&theater