ในปี ค.ศ. 1835 ท่ามกลางพายุที่โหมกระหน่ำ เหล่าลูกเรือบนเรืออังกฤษลำหนึ่งที่กำลังวุ่นวายกับการรับมือคลื่นน้ำที่โหม ซัดเข้ามา ได้เห็นบางสิ่งกำลังมุ่งหน้าตรงมา สิ่งนั้นคือเรือสำเภาโบราณที่แล่นเข้ามาอย่างไม่สะทกสะท้านต่อคลื่นพายุและ ก่อนที่มันจะชนเข้ากับเรือของพวกเขา เรือลึกลับลำนั้นก็จางหายไปในอากาศ
เรื่องราวของเรือ ปีศาจนาม ฟลายอิ้ง ดัทช์แมน (Flying Dutchman) ถูกเล่าขานกันมาเป็นเวลานานนับร้อยปี บรรดาชาวเรือเล่ากันว่า แต่เดิมเรือลำนี้มีกัปตันเรือเป็นชาวดัทช์ นามว่า เฮนดริก แวน เดอ เด็คเค่น ซึ่งมีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ 17 กัปตันผู้นี้ได้พยายามนำเรือของเขาแล่นอ้อมข้ามแหลมกู๊ดโฮปทางใต้สุดของทวีป แอฟริกา ทว่าพายุใหญ่ที่พัดกระหน่ำได้กลายเป็นอุปสรรคที่ขวางหน้า ทว่าแทนที่จะหันหัวเรือกลับ กัปตันผู้นี้กลับยิ่งดื้อรั้นดันทุรังที่จะเดินหน้าต่อไป จนทำให้เรือของเขาต้องติดอยู่ท่ามกลางพายุและไม่อาจเคลื่อนที่ต่อไปได้
หลังจากติดอยู่ท่าม กลางพายุเป็นเวลานาน กัปตันเฮนดริก ก็หมดความอดทน เขาได้ร้องตะโกนด่าว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งท้องมหาสมุทร อย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับยกปืนขึ้นยิงไปยังท้องฟ้า ทว่าปืนกระบอกนั้นได้ระเบิดมือของเขาขาดกระจุย พร้อมๆ กับมีเสียงลึกลับที่สาปแช่งให้เขากับลูกเรือต้องล่องเรือลำนี้ไปในท้องทะเล ตราบจนชั่วกาลนานและเรือลำนี้จะกลายเป็นคำสาปมรณะสำหรับทุกคนที่ได้พบเห็น มัน
หลังจากนั้น ผู้คนก็เริ่มเล่าขานกันถึง ภาพของเรือปีศาจที่ล่องไปเหนือผืนน้ำอย่างไร้จุดหมายและมีบางครั้งที่ผู้พบ เห็นกล่าวอ้างว่า พวกเขาได้เห็นกัปตันและลูกเรือผู้ต้องสาปในสภาพของซากโครงกระดูกกำลังทำ งานอยู่บนดาดฟ้าเรือลำนั้นด้วยและเรือปีศาจลำนั้นก็ถูกเรียกว่า ฟลายอิ้ง ดัทช์แมน
เรื่องราวการพบเห็น เรือฟลายอิ้งดัทช์แมน ถูกบันทึกไว้เป็นครั้งแรกใน ปี ค.ศ. 1835 โดยลูกเรือชาวอังกฤษที่พบเห็นเรือลำนี้ปรากฏขึ้นท่ามกลางพายุและแล่นตรงมาหา เรือของพวกเขา ก่อนที่มันจะจางหายไป
สำหรับเรื่องของคำสาป มรณะนั้น ได้เกิดขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 19 โดยในวันที่ 11 กรกฎาคม ค.ศ. 1881 ขณะที่เรือรบแห่งราชนาวีอังกฤษกำลังแล่นผ่านบริเวณแหลมกู๊ดโฮปในแอฟริกาใต้ ท่ามกลางสายหมอกที่ลอยปกคลุมอยู่เหนือท้องน้ำ กะลาสีผู้หนึ่งที่อยู่บนรังกาของเรือได้มองเห็นเรือสำเภาโบราณแล่นอยู่ในสาย หมอกห่างออกไป 200 หลา โดยเรือลำนั้นดูเหมือนจะปรากฏแสงไฟสีแดงลุกโชนอยู่รอบๆลำเรือ และหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน กะลาสีผู้นั้นก็พลัดตกลงมาจากรังกาจนเสียชีวิตคาที่
เรื่องราวที่เกิดขึ้น นี้ ได้มีบุคคลผู้หนึ่งที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์พบเห็นเรือปีศาจลำนี้ด้วย ซึ่งบุคคลผู้นั้นก็คือ องค์มกุฏราชกุมารของอังกฤษในเวลานั้น ที่ต่อมา ได้ขึ้นครองราชย์เป็น พระเจ้าจอร์จที่ 5 แห่งบริเตน
ในช่วงสงครามโลกครั้ง ที่สอง ได้มีเหตุการณ์การพบเห็นเรือฟลายอิ้ง ดัทช์แมนเกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1939 โดยในครั้งนี้ พยานที่พบเห็นคือบรรดาผู้คนที่กำลังเล่นน้ำอยู่ริมหาดเกลนคาร์นในแอฟริกาใต้ โดยพวกเขาได้เห็นเรือลำนี้แล่นผ่านทะเลนอกชายฝั่งดังกล่าว ก่อนที่จะเลือนหายไปต่อหน้าต่อตา ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ ได้ถูกบันทึกไว้ใน วารสาร บริติช เซาท์ แอฟริกา ด้วย
นอกจากเรื่องที่กล่าว ไปแล้ว ยังมีเรื่องการพบเห็นเรือฟลายอิ้ง ดัทช์แมนอีกหลายครั้ง โดยผู้ที่พบเห็นมีทั้งกะลาสีที่กำลังอยู่บนเรือเดินทะเล ผู้คนที่อยู่บนชายหาด ไปจนถึงยามเฝ้าประภาคาร
แม้ว่า เรื่องราวของเรือปีศาจ ฟลายอิ้ง ดัทช์แมน จะเป็นที่เล่าขานในฐานะตำนานที่น่าสะพรึงกลัวแห่งท้องทะเล แต่ก็ได้มีผู้คนบางกลุ่มที่พยายามอธิบาย การปรากฎขึ้นของเรือปีศาจ ว่าไม่ได้มีที่มาจากเรือของกัปตันที่ต้องคำสาป แต่เป็นปรากฏการณ์ของภาพลวงตาที่เกิดจากการหักเหของแสงที่สะท้อนกับผิวน้ำจน เกิดภาพลวงตาเป็นรูปเรือกำลังล่องอยู่เหนือท้องทะเล ซึ่งแม้ว่า คำอธิบายดังกล่าว จะทำให้ผู้คนจำนวนมากเลิกหวาดหวั่นในตำนานของเรือมรณะ แต่ก็ยังมีคนอีกไม่น้อยที่ยังคงสนใจในการปรากฏตัวของมัน
สุดท้าย ไม่ว่า ฟลายอิ้ง ดัทช์แมนจะเกิดจากอาถรรพ์ของคำสาป หรือ อาจเป็นเพียงภาพลวงตาที่เกิดจากแสงหักเห แต่เรื่องราวของมันก็ยังคงเป็นหนึ่งในตำนานเล่าขานแห่งท้องมหาสมุทรและยัง เป็นอีกสิ่งที่เตือนใจมนุษย์ถึงความยิ่งใหญ่และลี้ลับของธรรมชาติ ที่มนุษย์ยังไม่อาจเข้าใจได้อย่างแท้จริง