นักประวัติศาสตร์ชาว โรมัน นามว่า พอซานิอุส ได้เดินทางมายังดินแดนกรีกใน ปี ค.ศ. 150 เขาได้บันทึกเรื่องราวต่างๆ ที่ได้พบเห็นในระหว่างการเดินทาง และหนึ่งในเรื่องที่พอซานิอุสบันทึกไว้นั้น คือ เรื่องราวของดวงวิญญาณผู้กล้าแห่งสถานที่ซึ่งมีชื่อว่า มาราธอน ทุ่งมาราธอน ตั้งอยู่ระหว่างนครเอเธนส์กับคาริสตัส ใน เดือนกันยายน เมื่อ 490 ปี ก่อน คริสตกาล ณ. สถานที่แห่งนี้ได้เกิดสงครามใหญ่ระหว่างชาวกรีกแห่งนครเอเธนส์ที่นำโดยแม่ ทัพนาม มิลิเทียดีส ซึ่งได้นำไพร่พลเข้าห้ำหั่นกับกองทัพเปอร์เซียที่ยกมารุกราน ซึ่งในการรบครั้งนั้น แม้ว่าทัพเปอร์เซียจะมีกำลังมากกว่าทัพเอเธนส์เกือบสิบเท่า แต่ชาวเอเธนส์ก็สู้อย่างสุดกำลังจนเป็นฝ่ายได้ชัยชนะ
ซึ่งในศึกครั้งนั้น ชาวเปอร์เซีย 6,400 คน และชาวเอเธนส์ 192 คนได้พลีชีพลงกลางสมรภูมิ ในบันทึกของพอซานิอุสได้เล่าไว้ว่า นอกจากจะเคยเป็นสมรภูมิสำคัญระหว่างกรีกกับเปอร์เซียแล้ว ทุ่งมาราธอนยังมีสุสานของชาวเอเธนส์พร้อมป้ายหินสลักชื่อผู้ตายโดยไล่ไปตาม หมู่เหล่า ทั้งยังมีสุสานของพวกพลาธาเอียนและพวกทาสที่ได้เข้าสู้รบกัน ณ ที่แห่งนั้นเป็นครั้งแรกด้วย
ซึ่งหลายครั้งในยาม ค่ำคืน ผู้คนที่ผ่านไปที่นั่นโดยบังเอิญ จะได้ยินเสียงร้องของม้าศึกและเสียงตะโกนเรียกปลุกขวัญของเหล่านักรบที่เสีย ชีวิตไปแต่ครั้งบรรพกาล จากนั้นเสียงการรบพุ่งที่น่าสยดสยองจะดังไปทั่วท้องทุ่งแห่งนั้น ราวกับดวงวิญญาณของผู้กล้าที่ดับชีพลง ณ ที่แห่งนี้ ได้หวนกลับมาทำการต่อสู้กันอีกครั้ง
นอกจากเรื่อง เสียงของกองทัพวิญญาณที่กลับมาต่อสู้กันในยามค่ำคืนแล้ว ชาวเอเธนส์ยังมีเรื่องเล่าด้วยว่า เมื่อครั้งที่เอเธนส์ทำศึกกับเปอร์เซียที่ทุ่งมาราธอนนั้น ได้มีชายลึกลับผู้หนึ่งแต่งกายแบบชาวนา ถือคันไถเป็นอาวุธ และเข้าฟาดฟันทหารเปอร์เซียล้มตายมากมาย จนเมื่อการรบสิ้นสุดลง ชายผู้นั้นก็หายตัวไป
ครั้นเมื่อชาวเอเธนส์ ไปถามไถ่เทพยากรณ์แห่งเดลฟีถึงชายลึกลับผู้นั้น เทพยากรณ์ก็ตอบกลับมาเพียงว่า ให้ทุกคนนับถือ ชายลึกลับผู้นั้น ซึ่งถูกขนานว่า เอเซทเลอุส หรือ บุรุษพร้อมคันไถ เป็นวีรบุรุษแห่งนครเอเธนส์