11. ป้อมปราการฮิลล์ ฟอร์ตส แห่งราชาสถาน, ประเทศอินเดีย
ภูเขาอาราวัลลิส ถูกล้อมรอบไปด้วยป้อมปราการ ที่เป็นตัวแทนทำให้เราเห็นถึงการทหารที่แข็งแกร่งของประเทศ โดยภายในป้อมปราการนี้ คือ หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีครบพร้อมทุกอย่าง ซึ่งความเก่าแก่ของสิ่งก่อสร้างแต่ละอย่างในป้อมนี้ มีตั้งแต่ศตวรรษที่ 7-20 โดยแต่ละป้อมจะมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง และสามารถบ่งบอกถึงอารยธรรมในแต่ละปีได้เป็นอย่างดี
12. พระราชวังโกเลสตาน, ประเทศอิหร่าน
ความประณีตงดงามของศิลปะจากกระเบื้อง คือ สิ่งที่ทำให้พระราชวังโกเลสตานหรือวังสวนกุหลาบ ในกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน มีชื่อเสียง โดยด้านนอกมีสวนดอกไม้และอ่างน้ำสีน้ำเงินที่ทำด้วยหินอ่อน ส่วนตัวอาคารนั้นมีป้อมสูงที่สร้างไว้ส่องดูข้าศึกมาแต่สมัยโบราน และมีตำหนักแบ่งออกเป็น 7 แห่ง ที่ด้านในประดับประดาด้วยกระเบื้องหลากสีงดงามไม่แพ้ด้านนอก
13. เมดิซี วิลลาส์ แอนด์ การ์เดน ในแคว้นทัสคานี, ประเทศอิตาลี
เมดิซี วิลลาส์ แอนด์ การ์เดน คือ แหล่งรวมสิ่งก่อสร้างสไตล์ชนบทที่มีเจ้าของเป็นตระกูลเมดิชิ ตระกูลที่มีอำนาจและอิทธิพลทางการเมืองของประเทศอิตาลี ซึ่งความหรูหราอลังการของมัน เกิดขึ้นจากการที่ตระกูลเมดิชิต้องการให้มันเป็นตัวแทนบ่งบอกถึงอำนาจและ ความร่ำรวยของตัวเอง นอกจากนี้ มันยังเป็นศูนย์กลางของแหล่งการเกษตรอีกด้วย
14. ภูเขาไฟฟูจิ, ประเทศญี่ปุ่น
??ภูเขาไฟฟูจิ ถือเป็นภูเขาสูงที่สุดในญี่ปุ่น มีความสูง 3,776 เมตร รอบ ๆ ภูเขาฟูจิเต็มไปด้วยธรรมชาติอันงดงาม และเป็นอุทยานแห่งชาติฟูจิฮะโกะเนะอิซุ มีทะเลสาบ 5 แห่ง ได้แก่ ยะมะนะกะโกะ, คะวะงุจิโกะ, โมโตสุโกะ, โชจินโกะ และไซโก้ ซึ่งมันถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว โดยมันมักปรากฏอยู่ในบทกลอนหรือภาพเขียนอยู่เสมอ
15. ศูนย์ประวัติศาสตร์อากาเดซ, ประเทศไนเจอร์
??สถานที่แห่งนี้เป็นที่รู้จักดีในฐานะประตูสู่ทะเลทรายซาฮารา โดยถูกสร้างขึ้นราวศตวรรษที่ 15-16 เมื่อชาวโทแรกเข้ามาตั้งรกรากอยู่ที่นี่ ซึ่งในปัจจุบันมันยังคงสะท้อนสถาปัตยกรรมเก่าแก่ในยุคนั้นให้เราได้เห็น ไม่ว่าจะเป็นถนนหนทางที่ใช้เป็นที่แลกเปลี่ยนสำหรับพวกคาราวานต่าง ๆ ที่แบ่งออกเป็น 11 สาย พร้อมรูปร่างที่แปลกตา นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีจุดเด่นเป็นหอคอยสุเหร่าสูง 27 เมตรด้วย
16. กลุ่มโบสถ์ไม้เซอร์ควาส, ประเทศโปแลนด์และยูเครน
โบสถ์ที่สร้างจากขอนไม้จำนวนมากนี้ เกิดขึ้นระหว่างช่วงศตวรรษที่ 16 และ 19 ด้วยฝีมือของชาวคริสต์ เป็นตัวแทนบ่งบอกถึงศิลปะในยุคนั้น และความศรัทธาที่มีต่อพระเจ้า โดยตัวโบสถ์เป็นไม้ทั้งหมด ส่วนบนหลังคาก็ทำเป็นทรงโดมสีเงิน แถมด้านในยังตกแต่งด้วยภาพเขียนตามฝาผนังแบบคลาสสิก ให้กลิ่นอายย้อนยุคได้เป็นอย่างดี
17. มหาวิทยาลัยโคอิมบรา, ประเทศโปรตุเกส
??มหาวิทยาลัยเก่าแก่ของรัฐในประเทศโปรตุเกสแห่งนี้ งดงามอลังการยิ่งกว่ามหาวิทยาลัยไหน ๆ ในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยตัวอาคารที่ได้แรงบันดาลใจมาจากพระราชวังของพระเจ้าจอห์นที่ 3 แห่งประเทศอังกฤษ ทำให้มีรูปปั้นของพระองค์ตั้งอยู่ด้วย โดยมันถูกเปิดใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมปี 1290 นับว่าเป็นอายุที่ยาวนานมากสำหรับมหาวิทยาลัย
18. เขตโบราณสถานอัล ซูบาเราะห์, ประเทศกาตาร์
หมู่บ้านโบราณที่อยู่ติดกับชายฝั่งทะเลนี้เคยเป็นหัวใจหลักของ การค้าขายแลกเปลี่ยนมาก่อน จนกระทั่งถูกทำลายลงเมื่อปี 1811 และถูกทิ้งร้างเมื่อปี 1900 แต่ทุกวันนี้สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณก็ยังคงหลงเหลือไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชมกันบ้าง ไม่ว่าจะเป็นป้อมปราการหรืออาคารบ้านเรือนต่าง ๆ
19. เมืองโบราณเทาริค เชอร์โซเนส, ประเทศยูเครน
สถานที่แห่งนี้คือสภาพที่เหลืออยู่ของเมืองที่ก่อตั้งโดยชาวดอเรียนกรีกสมัย ศตวรรษที่ 5 โดยอยู่บริเวณตอนเหนือของชายฝั่งทะเล Black Sea ซึ่งมันยังคงทิ้งร่องรอยชีวิตความเป็นอยู่ในยุคนั้นให้เห็น ทั้งสิ่งก่อสร้างเก่าแก่จำพวกกำแพงหิน รวมไปถึงไร่องุ่นที่เป็นอาชีพหลักของท้องถิ่น โดยที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในแถบนี้เลยทีเดีย
สถานที่ส่วนใหญ่นั้นมีแต่ที่อายุเก่าแก่ยาวนาน ซึ่งได้รับการดูแลเป็นอย่างดีทั้งนั้น ถึงได้คงความสวยงามมาได้นานขนาดนี้ จนได้รับการยอมรับให้เป็นมรดกโลกด้วย ดังนั้น ถ้าอยากให้มันยังคงความสวยงามเอาไว้ให้ลูกหลานเราได้ดูกันบ้าง ก็คงต้องตั้งใจดูแลรักษากันหน่อยนะ
travel.mthai.com