เรื่องราวของขุนศึก ตระกูลหยางเป็นหนึ่งในตำนานของผู้กล้าที่ถูกนำมาเล่าขานกันมากที่สุดใน ประวัติศาสตร์จีน โดยมีทั้งตำนาน นิยาย อุปรากรจีน ภาพยนตร์ และละครโทรทัศน์ ทั้งนี้ที่มาของวีรกรรมแห่งขุนศึกตระกูลหยาง เริ่มต้นจากความกล้าหาญและซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินของขุนศึกผู้มีนามว่า หยางเย่
(แผนที่ราชวงศ์ซ่ง(Song Dynasty)
หยางเย่ เป็นแม่ทัพคนสำคัญในช่วงต้นราชวงศ์ซ่งของจีน ถือกำเนิดในหมู่บ้านลู่ถี อำเภอไต้ มณฑลซานซี แต่เดิมตระกูลหยางนั้นเป็นขุนนางของแคว้นเป่ยฮั่นหรือฮั่นเหนือ ที่ปกครองดินแดนทางภาคเหนือของจีนในยุคห้าราชวงศ์ หยางเย่เป็นคนห้าวหาญ รักความเป็นธรรม เชี่ยวชาญการขี่ม้า ยิงธนู มีปัญญาไว แต่ไม่รู้หนังสือ เขารับราชการเป็นแม่ทัพของแคว้นเป่ยฮั่นยาวนานถึงสามรัชกาล มีความชอบในการศึกหลายครั้งจนได้ชื่อว่าเป็นยอดขุนพลไร้เทียมทาน
ในปี ค.ศ. 979 ซ่งไทจง จักรพรรดิองค์ที่สองแห่งราชวงศ์ซ่ง ได้กรีฑาทัพมาตีแคว้นเป่ยฮั่น หลิวจี้หยวน กษัตริย์เป่ยฮั่นเห็นว่า กำลังพลของตนน้อยกว่าอีกฝ่ายเป็นอันมาก จึงตัดสินใจยอมสวามิภักดิ์ ทำให้หยางเย่และตระกูลหยางกลายมาเป็นข้าราชสำนักของราชวงศ์ซ่งด้วย เนื่องจากหยางเย่เป็นขุนพลเรืองฝีมือมาแต่เดิน ซ่งไท่จงจึงทรงแต่งตั้งให้หยางเย่เป็นแม่ทัพกองพลขวาและผู้ว่าราชการเมือง จือโจว รับหน้าที่ผู้บัญชาการทัพรักษาชายแดนภาคเหนือ
(ชนเผ่าชี่ตัน)
ในเวลานั้นทางเหนือ ของจีน มีอาณาจักรเหลียวของชนเผ่าชี่ตันตั้งมั่นแบ่งดินแดนจีนตอนเหนือไปครอบครอง กองทัพชี่ตันมีความเข้มแข็งและต้องการยึดครองแผ่นดินทางใต้จึงมักส่งทหาร เข้าโจมตีพรมแดนต้าซ่งหลายครั้งแต่ก็ถูกหยางเย่และกองทัพตระกูลหยางขับไล่ กลับไปทุกครั้ง ครั้งหนึ่งอาณาจักรเหลียวระดมทัพใหญ่บุกด่านเยี่ยนเหมิน หยางเย่นำทหารม้าหลายพันคนยกออกจากต้าถงอาศัยทางลัดขึ้นไปเหนือด่านเยี่ยนเห มินและเข้าตีทัพเหลียวทางด้านหลัง ทำให้ทัพเหลียวแตกพ่ายยับเยิน ชื่อเสียงของหยางเย่และทัพตระกูลหยางเลื่องลือและเป็นที่ครั่นคร้ามของพวก ชี่ตันแห่งต้าเหลียว ทว่าการที่ตระกูลหยางเคยเป็นขุนนางของเป่ยฮั่นมาก่อน ทำให้เป็นที่ริษยาของขุนนางหลายคนซึ่งเป็นข้าหลวงเดิมของราชวงศ์ซ่ง จนเคยถูกถวายฏีกาให้ร้ายหลายครั้งแต่ก็รอดพ้นมลทินมาได้
ในปี ค.ศ.986 จักรพรรดิซ่งไท่จงกรีฑาทัพหมายปราบปรามอาณาจักรเหลียว โดยแบ่งทัพเป็นสามทาง กองทัพสายตะวันตก มีพานเหม่ยเป็นแม่ทัพใหญ่ หยางเย่เป็นรองแม่ทัพ หวางเซินและหลิวเหวินอวี้เป็นผู้คุมทัพ ในยามนั้น ทัพสายตะวันตกได้ชัยชนะหลายครั้ง สามารถตีเมือง อวิน โจว อิ้งโจว หวนโจวและซั่วโจวกลับคืนมาได้ ทว่ากองทัพอีกสองสายพ่ายแพ้ องค์จักรพรรดิจึงมีบัญชาให้ถอยทัพ โดยทรงให้กองทัพสายตะวันตกรับหน้าที่ดูแลราษฏรที่อพยพตามมา
(เครื่องยิงธนู สมัยราชวงศ์ซ่ง)
ในเวลานั้นกองทัพชี่ ตันกำลังติดตามขบวนอพยพมา หยางเย่จึงปรึกษากับพานเหม่ย โดยเสนอให้ นำไพร่พลทั้งหมดไปตั้งมั่นรับข้าศึกที่อิ้งโจวเพื่อสกัดไม่ให้ทัพชี่ตันไล่ ติดตามขบวนราษฎรมาได้ ทว่า หวางเซินกับหลิวเหวินอวี้กลับยืนกรานให้หยางเย่ไปตีทัพเหลียวที่ติดตามมา เนื่องจากตามกฎราชสำนักซ่ง ผู้คุมทัพมีอำนาจมากกว่าแม่ทัพ ทำให้หยางเย่ไม่มีทางเลือก จึงได้นัดหมายให้พานเหม่ยกับหวางเซินนำทหารไปยังปากทางหุบเขาเฉินเจียกู่ เพื่อรอช่วยเวลากองทัพตระกูลหยางถอยมาถึง
ทว่าแม้พานเหม่ยกับ หวางเซินจะนำทัพไปตามที่นัดหมายจริง แต่เมื่อทั้งสองเห็นทัพชี่ตันที่ไล่ตามทัพตระกูลหยางมา มีรี้พลมากมาย ก็เกิดหวาดกลัวจึงถอยทัพหนีไปโดยไม่ช่วยเหลือ ทำให้หยางเย่กับทัพตระกูลหยางต้องรับศึกเพียงลำพัง หยางเย่ต่อสู้ข้าศึกจนถึงยามค่ำ ไพร่พลล้มตายจนเหลือกำลังพลเพียงร้อยกว่าคน จึงล่าถอยมาถึงปากทางหุบเขาเฉินเจียกู่ ครั้นเมื่อพบว่าไม่มีทหารซ่งอยู่ที่นั่นเลยจึงสั่งให้บุตรชายและไพร่พลที่ เหลืออยู่แยกย้ายกันหนีไป โดยอ้างว่าจะได้ให้ไปกราบทูลองค์จักรพรรดิ ส่วนตัวหยางเย่จะอยู่สู้กับข้าศึกต่อ ทว่าไพร่พลทั้งหมดไม่มีใครยอมทิ้งแม่ทัพ ทั้งหมดจึงปักหลักสู้ตายที่นั่น
สุดท้าย ไพร่พลทั้งหมดรวมทั้งหยางถิงอวี้บุตรชายของหยางเย่ล้วนพลีชีพกลางสมรภูมิ เหลือหยางเย่ต่อสู้เพียงคนเดียวจนสิ้นกำลัง ถูกทหารชี่ตันจับเป็นเชลย ประมุขแคว้นเหลียวต้องการให้หยางเย่สวามิภักดิ์แต่หยางเย่ถืออความซื่อสัตย์ ภักดีต่อแผ่นดิน ไม่ยอมรับข้อเสนอทั้งไม่ยอมกินอาหารและน้ำจนหลังจากนั้นเพียงสามวันก็สิ้น ชีวิตลง
เมื่อเรื่องทั้งหมด ทราบถึงจักรพรรดิซ่งไท่จง พระองค์ทรงโทมนัสยิ่งนัก และได้มีรับสั่งลดยศพานเหม่ยสามขั้น และปลดหวางเซินกับหลิวเหวินอวี้เป็นไพร่ วีรกรรมของหยางเย่และกองทัพตระกูลหยางกลายเป็นที่เล่าขานไปทั่ว ไม่เพียงแต่จะเป็นที่รักใคร่อาลัยของบรรดาราษฏรต้าซ่งเท่านั้น แม้แต่ชาวชี่ตันยังเคารพนับถือในความกล้าหาญของหยางเย่และกองทัพตระกูลหยาง โดยประมุขของอาณาจักรเหลียวทรงมีบัญชาให้ตั้งศาลบูชาหยางเย่ไว้ในอาณาจักร ด้วย
นอกจากเรื่องของหยาง เย่แล้ว ได้มีเรื่องเล่าต่อมาถึง เสอไซ่ฮัว ภรรยาของหยางเย่ ซึ่งมีความห้าวหาญ เก่งกล้าไม่แพ้สามี โดยหลังจากสามีถึงแก่กรรม เสอไซ่ฮัวได้ทำหน้าที่เป็นประมุขของตระกูลหยางแทนสามีและได้สร้างวีรกรรม ออกรบกับข้าศึกหลายครั้ง ทั้งยังมีเรื่องเล่ากันอีกว่า ในรุ่นหลานของหยางเย่นั้น ได้มีหลานสะใภ้ผู้หนึ่งของตระกูลหยาง นามว่า มู่กุ้ยอิง เป็นสตรีที่ห้าวหาญ เชี่ยวชาญในการรบ โดยเมื่อครั้งที่ต้าซ่งทำสงครามกับแคว้นซีเซี่ยนั้น มู่กุ้ยอิงได้เข้าร่วมทำศึกเคียงบ่าเคียงไหล่กับเหล่าบุรุษของตระกูลหยางจน เป็นที่กล่าวขานถึงวีรกรรมของนาง
แม้เรื่องราวความห้าว หาญของขุนศึกตระกูลหยางบางส่วนจะถูกต่อเติมเพิ่มขึ้นจากเดิมไปไม่ใช่น้อย ทว่าจุดเริ่มต้นทั้งหมดก็มาจากวีรกรรมที่พวกเขาได้กระทำไว้ จนทำให้ชนรุ่นหลังเล่าขานด้วยยกย่องชื่นชมจนกลายเป็นต้นแบบของผู้ที่จงรัก ภักดีต่อบ้านเมืองในเวลาต่อมา