ยุทธการเขาซ่าเอ๋อหู ปฐมชัยชนะแห่งราชวงศ์ชิง(Battle of Sarhu)

ปี ค.ศ. 1616 ขุนศึกผู้เก่งกล้าชาวหนี่เจินนามว่า นูรฮาชู หรือ นูเอ่อฮาเช่อแห่งตระกูลอัยซินเจียโร ได้ทำสงครามรวบรวมชาวหนี่เจินเผ่าต่าง ๆ เข้าด้วยกันได้เกือบทั้งหมด และได้สถาปนาตนเป็นข่านแห่งต้าจิน ตั้งราชธานีขึ้นที่เฮ่อถูอาลา นักประวัติศาสตร์จีนเรียกชื่ออาณาจักรนี้ว่า โฮ่ว จิน หรือ จินยุคหลัง

(นูรฮาชู)

นูรฮาชูไม่เพียง สถาปนาอาณาจักรหากยังปรับปรุงระบบกองทัพของชาวหนี่เจินเสียใหม่ โดยยุบระบบชนเผ่าและจัดระบบใหม่โดยในช่วงแรกได้แบ่งนักรบทั้งหมดเป็นสี่กอง พล ก่อนจะขยายกำลังรบเป็นแปดกองพลในเวลาต่อมา โดยระบบดังกล่าวถูกเรียกว่า ทัพแปดกองธง

ชาวหนี่เจินเป็น ชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่ในเขตหม่านโจว หรือ แมนจูทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ทำให้ในเวลาต่อมา ชาวจีนเรียกชนเผ่านี้ว่า หม่านโจว หรือ แมนจู แต่เดิมนั้นตระกูลของนูรฮาชูเคยเป็นข้าราชสำนักแห่งอาณาจักรต้าหมิงของจีน ครั้งหนึ่ง เจี้ยวฉ่างและทาฟู ปู่และพ่อของนูรฮาชู ได้รับคำสั่งให้ไปเกลี้ยกล่อมหัวหน้ากบฎชาวหนี่เจินในเมืองกู่เล่อ แต่ในระหว่างการเจรจา กองทัพหมิงกลับยกพลเข้าตีเมืองและสังหารชาวเมืองทั้งหมดโดยพ่อและปู่ของนูร ฮาชูที่อยู่ในเมืองก็พลอยถูกสังหารไปด้วย ทำให้เขาโกรธแค้นต้าหมิงเป็นอันมาก

นอกจากนี้ในเวลาต่อมา นูรฮาชูยังพบว่าต้าหมิงคอยกดขี่และหาประโยชน์จากชาวหนี่เจินอย่างไม่เป็น ธรรมมาตลอด ดังนั้นเพื่อล้างแค้นและปลดแอกชนชาติของตน นูรฮาชูจึงได้สะสมกำลังพลและรวบรวมชาว หนี่เจินเผ่าต่างๆอยู่นับสิบปี จนสามารถตั้งอาณาจักรโฮ่วจินได้สำเร็จ จากนั้นจึงเริ่มเตรียมการเพื่อล้างแค้น

(กองทัพแปดธง)

ปี ค.ศ. 1618 หลังสถาปนาอาณาจักรได้สองปี และจัดเตรียมไพร่พลจนพร้อมแล้ว นูรฮาชูได้ประกาศสงครามกับอาณาจักรต้าหมิง โดยนำไพร่พลสองหมื่นเข้าตีเมืองต่าง ๆ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีนและได้ชัยชนะทุกครั้ง ทำให้จักรพรรดิหมิงเสินจงแห่งต้าหมิงตัดสินพระทัยส่งทัพใหญ่เข้ากวาดล้าง โฮ่วจินโดยทรงมีพระบัญชาให้หยางเฮ่า เป็นแม่ทัพใหญ่เขตเหลียวตงและเกณฑ์ไพร่พล 88,000 นาย สมทบกับกองทัพชนเผ่าเย่เฮ่อ ซึ่งเป็นชาวหนี่เจินที่ยังไม่ได้ถูกผนวกเข้ากับโฮ่วจิน ทั้งยังส่งสาส์นระดมกำลังเพิ่มเติมจากแคว้นโชซอนหรื เกาหลีมาด้วย จนได้ไพร่พลรวมทั้งสิ้น 160,000 นาย โดยหยางเฮ่าคุมไพร่พลหนึ่งหมื่นตั้งกองบัญชาการที่เสิ่นหยาง ให้แม่ทัพสี่นายคุมไพร่พลหนึ่งแสนแยกเป็น 4 สาย เข้าตีจากสี่ทิศและไปบรรจบกันที่เฮ่อถูอาลา 

ครั้น ทราบข่าวศึก นูรฮาชูจึงระดมทัพแปดกองธงทั้งสิ้นได้ไพร่พลหกหมื่นเศษ โดยเขาเห็นว่า กองทัพแต่ละสายของข้าศึกเดินทัพบนเส้นทางที่กันดารและอยู่ห่างกันเกินไป ทำให้ขาดการประสานงานร่วมกัน นูรฮาชู จึงใช้แผนตั้งรับทางเดียว โดยจะตีกองทัพข้าศึกให้แตกพ่ายไปทีละส่วนในการนี้ นูรฮาชูได้ส่งทหารม้า 500 นายไปคอยรบกวนกองทัพหมิงสายตะวันตกให้เคลื่อนพลได้ล่าช้า ส่วนตนเองนำไพร่พลหกหมื่นยกไปโจมตีทัพของตู้ซงที่ยกมาทางตะวันออก เนื่องจากกองทัพสายนี้ยกมาเร็วกว่าทุกทัพ จนถูกโดดเดี่ยวจากกำลังส่วนอื่น ๆ 

(การรบที่ซ่าเอ๋อหู่)

กองทัพจินเข้าตีทัพ ของตู้ซงซึ่งตั้งค่ายอยู่ที่เขาซ่าเอ๋อหู่อย่างดุเดือด เนื่องจากฝ่ายต้าหมิงไม่คาดคิดว่าจะถูกข้าศึกโจมตีอย่างกะทันหันจึงไม่ทัน ตั้งตัว อีกทั้งยังมีกำลังพลน้อยกว่าทหารจิน ในที่สุดจึงถูกทำลายล้างหมดสิ้น แม่ทัพตู้ซงถูกสังหารในสนามรบ 

จากนั้นนูรฮาชูจึง เคลื่อนทัพขึ้นเหนือและซุ่มโจมตีกองทัพของหม่าหลินซึ่งมีกำหนดจะมาบรรจบกับ ทัพของเผ่าเย่เฮ่อก่อนเข้าตีเฮ่อถูอาลา กองทัพทั้งสองฝ่ายเข้าปะทะกันที่ผาซั่งเจียน นูรฮาชูส่งทหารม้าจำนวนหนึ่งอ้อมภูเขาเข้าตีแนวหลังของค่ายข้าศึก พร้อมกับนำทัพใหญ่เข้ากระหนาบด้านหน้า ในที่สุดทัพของหม่าหลินก็แตกพ่ายยับเยิน หม่าหลินหนีรอดไปได้อย่างหวุดหวิด ส่วนทัพเย่เฮ่อที่กำลังจะมาสมทบนั้น ครั้นทราบว่าทัพหมิงแตกพ่ายไปแล้วก็ล่าถอยกลับไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง

 ทหารม้าแมนจูเข้าประจัญบานพลปืนไฟต้าหมิง

หลังจากทำลายกองทัพ สายเหนือและตะวันตกแล้ว นูรฮาชูจึงยกกองทัพไปรับศึกทางตะวันออก โดยส่งคนปลอมเป็นม้าเร็วของต้าหมิงไปลวงแม่ทัพหลิวทิง ผู้นำทัพหมิงสายตะวันออกว่า ให้รีบยกมาบรรจบกับกองทัพสายตะวันตกที่ยามนี้เกือบจะถึงเฮ่อถูอาลาแล้ว เพื่อร่วมกันปิดล้อมเมืองหลวงข้าศึก

หลิวทิงหลงเชื่อ จึงสั่งให้เร่งเดินทัพ จนไม่ทันระวังและนำทัพเข้าสู่ที่ซุ่มของฝ่ายโฮ่วจินที่อาปู้ต๋าหลี่กังซึ่ง เป็นช่องเขาแคบๆ จึงถูกทัพข้าศึกที่ซุ่มอยู่ เข้าโจมตีจากรอบด้าน หลิวทิงสู้สุดกำลังจนสิ้นชีพคาสนามรบ ไพร่พลถูกทำลายล้างเกือบหมด ส่วนทัพเกาหลีที่ยกมาสมทบกับทัพของหลิวทิงนั้นถูกฝ่ายโฮ่วจินปิดล้อมจนยอม จำนนทั้งหมด

ในยาม นั้น แม่ทัพใหญ่หยางเฮ่าซึ่งรอฟังข่าวที่เสิ่นหยางได้ทราบว่า ทัพสามในสี่สายแตกพ่ายยับเยินแล้ว จึงตระหนกตกใจเป็นอันมากและสั่งให้กองทัพสายใต้ที่นำโดยหลี่หยูป๋อ ถอยทัพโดยด่วน ทว่าในระหว่างที่เร่งถอยทัพนั้น ได้ถูกหน่วยลาดตระเวนของโฮ่วจินพบเข้า ทหารจินจึงทำอุบายลั่นกลองศึกและเป่าเขาสัญญาณ ทำให้ทัพหมิงคิดว่าถูกทัพใหญ่ของโฮ่วจินเข้าตี จึงแตกตื่นเสียขวัญวิ่งหนีไม่เป็นขบวน ไพร่พลเหยียบกันเองล้มตายกว่าหนึ่งพันคน 

(ชุดเกราะนายทัพแมนจู)

ศึกครั้งนี้ ถูกเรียกในภายหลังว่า ยุทธการเขาซ่าเอ๋อหู โดยทหารหมิงได้ล้มตายในศึกนี้กว่าห้าหมื่นคน ขณะที่ฝ่ายโฮ่วจินเสียทหารเพียงสองพันเท่านั้น ทั้งนี้ แม้จะมีกำลังน้อยกว่าข้าศึกเกือบเท่าตัว ทว่านูรฮาชูได้ใช้ประโยชน์จากความชำนาญภูมิประเทศของฝ่ายตนรวมกำลังหลักเข้า ตีข้าศึกทีละส่วน ขณะที่ฝ่ายต้าหมิงนั้น แม้จะมีทหารมากกว่าแต่เนื่องจากแบ่งแยกกำลังเป็นหลายส่วน ทำให้กำลังที่มากกลายเป็นน้อย ทั้งยังขาดการประสานงานกันระหว่างทัพ จนทำให้ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างยับเยินและด้วยชัยชนะในครั้งนี้เองที่กลาย เป็นรากฐานสำคัญสู่ความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรโฮ่วจินซึ่งในเวลาต่อมาได้ เปลี่ยนชื่อเป็นอาณาจักรต้าชิงและกลายเป็นผู้ครอบครองดินแดนจีนทั้งหมดได้ สำเร็จในอีกไม่กี่สิบปีต่อมา

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...