(Stonehenge) คือหินแกรนิต (หินใช้ทำครกในบ้านเรา) ถูกตัดเป็นแท่งยาวใหญ่หนักแต่ละก้อนกว่า 50 ตัน นำมาวางเรียงรายเป็นรูปวงกลม เป็นเวลากว่าร้อยปีมาแล้ว ที่นักวิทยาศาสตร์ทุกชาติไม่อาจไขปริศนาสโตนเฮนจ์ หรือหินปริศนาที่อังกฤษได้ เพราะเพียงแค่คำถามเดียวใครคือผู้สร้าง
…แค่นี้ต้องหาคำตอบแบบวิจัยไม่รู้จบ
ทั้งนี้เพราะว่ามีการพิสูจน์สิ่งก่อสร้างหินประหลาดมีอายุเกือบหมื่นปี ชาวอังกฤษในยุคนั้น
สามารถสร้างขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อต้องลากแท่งหินเป็นระยะทางไกล 200 ไมล์
จากภูเขาใกล้เคียงที่สุดมาวางเรียงรายไว้ในกลางทุ่งราบ ชาลลิสเบอรี่กลางเกาะอังกฤษได้
แน่นอนโลกยุคเกือบหมื่นปีก่อนตามประวัติศาสตร์มนุษย์เรายังอาศัยอยู่ในถ้ำ เพียงแค่รู้จักใช้เครื่องมืออาวุธทำจากหินเท่านั้น แล้วจะมีปัญญาลากหินหนักหลายสิบตันเป็นระยะทางไกลได้อย่างไร
เมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมามีวิศวกรอาสาสมัครมาทำวิจัยที่สโตนเฮนจ์ นายเปรเซลี เมาเท่น จากแคว้นเวลส์ เขาและทีมงานคำนวณว่าหากใช้แรงงานคนธรรมดาใช้เชือกใช้ล้อทำจากท่อนซุง ใช้แพชนแท่งหินหนัก 70 ตัน เพียงก้อนเดียว คน 100 คน ใช้เวลาขนส่งผ่านน้ำผ่านที่ราบเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 5 เดือน ในระยะทาง 200 ไมล์ “นี่เป็นข้อสงสัยที่ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่า คนโบราณพวกเขาทำได้อย่างไร”
ไซนีด เฮเนฮาน กล่าวอีกว่า “การไขปริศนามีทางเดียวคือค้นหาอายุแท้จริงของการสร้างให้ได้แล้วอาจได้คำ ตอบ” กลุ่มหินสโตนเฮนจ์ในอังกฤษนั้น วัดขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของวงกลมได้ 320 ฟุต ซึ่งกลุ่มหินวงกลมในลักษณะดังกล่าวนี้ มิใช่มีแห่งเดียวบนเกาะอังกฤษ แต่มีกว่า 1,000 แห่งขึ้นไป ซึ่งแต่ละแห่งมีขนาดเล็กและโตแตกก่างกันไป
กลุ่มหินวงกลมเล็กสุดอยู่บนเกาะไอซ์แลนด์ที่เมืองคีล ครอสส์ มีเส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 9 ฟุต เท่านั้นส่วนวงกลมหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุด อยู่ที่เมืองอเวบูร์ มีความกว้างขวางอย่างน่าทึ่งถึง 28.5 เอเคอร์
หรือ 71 ไร่ครึ่ง กรณีถกเถียงเป็นหัวข้อต่อมา วงกลมหินประหลาดทุกทุกแห่งถูกสร้างขึ้นมาในเวลาเดียวกันหรือไม่…
และเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่คนป่าชาวเซลท์ หรือ ชาวดรูอิด คนพื้นเมืองบนเกาะอังกฤษเป็นผู้สร้างขึ้นมา
นักประวัติศาสตร์พบว่าชาวดรูอิดนั้นมีชีวิตอยู่ในยุคนีโอลิธิก หรือเมื่อ 10,000 ปีก่อน
ผู้คนยุคนั้นเพียงแค่รู้จักประดิษฐ์เครื่องมือจากหินเท่านั้น ด้วยเทคโนโลยีดังกล่าวมา ใช้เวลา 500 ปี
ไม่รู้ว่าจะเสร็จหรือไม่ อีกทั้งน่าเชื่อได้ว่ากองหินประหลาดเกิดขึ้นก่อน ที่ชาวดรูอิดปรากฏตัวบนเกาะอังกฤษถึง 1,000 ปี
ทฤษฎีที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงคือ ทฤษฎีที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงคือ ทฤษฎีของ ดร.ออเบรย์ เบิร์ล จากมหาวิทยาลัยฮัลล์ เขาอธิบายว่ากองหินประหลาดมิใช่ชาวพื้นเมืองอังกฤษเป็นผู้ทำขึ้นแต่เป็นผู้ คนมาจากพื้นที่อื่น ปัจจุบันคือจังหวัดบริตตานีทางเหนือของฝรั่งเศส
ทั้งนี้เพราะรอบๆกองหินประหลาดสโตนเฮนจ์ได้ขุดค้นพบเครื่องมือโบราณ เช่น ขวาน ล้อหิน และอื่นๆซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับที่ชาวบริตตานีโบราณทำขึ้นมาใช้
อย่างไรก็ตามมีนักโบราณคดีอีกหลายคนแย้งว่าเครื่องมือทำจากหินจะสร้างสโตนเฮนจ์ได้จริงหรือ?
เป็นเวลานานกว่าร้อยปีที่ชาวบ้านแถวนั้นต่างได้รับคำบอกเล่าว่าบริเวณกองหิน ประหลาดใช้สำหรับเป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา ในปี ค.ศ.1963
นักดาราศาสตร์ชาวอังกฤษ ดร.จีราลด์ ฮอว์คินส์ ตั้งทฤษฎีอธิบายว่า สถานที่แห่งนี้แท้ที่จริงแล้วถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นหอตรวจการปรากฎการณ์ ของดวงดาวบนท้องฟ้า ดร.จีราลด์อธิบายอย่างระมัดระวังว่าแท่งหินทุกก้อนที่ถูกนำมาวางเรียงเป็นวง กลมนั้น คือ วันเวลาในรอบ 1 ปี ปฏิทินที่จะบอกเวลาการเปลี่ยนฤดูกาลจากหนาวเป็นร้อน ทั้งนี้แสงอาทิตย์ที่สาดส่องผ่านแท่งหินทำให้รู้ว่าเป็นช่วงฤดูกาลใด
ทฤษฎีของ ดร.จีราลด์ได้รับการยอมรับมากที่สุด เมื่อเร็วๆนี้ มีทฤษฎีหนึ่งถูกตั้งขึ้นมาทำให้คนทั้งโลกสะท้านใจเฮือกใหญ่ เจ้าของทฤษฎีชื่อ ดันแคน สตีล ไม่ใช่คนกิ๊กก๊อกธรรมดาเป็นถึงผู้อำนวยกรป้องกันภัยในอวกาศ แห่งออสเตรเลีย เขาเขียนลงในหนังสือ Rogue Asteroids and Dooms day comets แปลว่า อุกาบาตมฤตยูกับดาวหางล้างโลก ดันแคนสำแดงเหตุผลของเขาว่า สโตนเฮนจ์ถูกสร้างขึ้นเมื่อ 3,000 ปีก่อนคริสตวรรษ หรือ 5,000 ปีก่อน ซึ่งจากการคำนวณในยุคนั้นพบว่ากลุ่มสะเก็ดดาว “เทาริด” ไดพุ่งผ่านโลกในระยะใกล้ทำให้เกิดฝนดาวตก ซึ่งอาจทำให้สิ่งมีชีวิตตกอยู่ในภาวะอันตราย
เขาพบอีกว่าดาวหางมฤตยู “เก้” ก็อยู่ในทิศทางโคจรดียวกันกับสะเก็ดดาวเทาริด แต่ขณะเดียวกันคนในยุคนั้นหากต้องการเห็นดาวหางเก้ได้ชัดเจน ต้องขึ้นไปอยู่ที่สูงราว 20 ฟุต จึงจะมองเห็นได้ชัดเจน
มุมมองเช่นนี้หากขึ้นไปอยู่บนส่วนโค้งของหินสโตนเฮนจ์ ดันแคนรับรองว่าเห็นได้ชัดเจนมาก
หรือขณะที่โลกถูกพายุดาวตกถล่มนั้น คนที่อยู่ในสโตนจ์เป็นหินขนาดใหญ่ ก็ใช้หลบภัยได้อย่างสบายๆ แต่มันน่าประหลาดใจตรงที่คนโบราณรุ่นนั้นสร้างสิ่งก่อสร้างมหึมาขึ้นมาได้ อย่างไร แน่นอนคนยุคนั้นไม่มีรถแบคโฮ ไม่มีเครื่องมือจักรกลหนัก แต่หากมีผู้ทรงภูมิปัญญามาแนะนำเทคโนโลยีชั้นสูงให้ หรือลงมือสร้างเองก็มิใช่ปัญหาใหญ่ น่าคิดอีกว่าสิ่งก่อสร้างคล้ายสโตนเฮนจ์มีกระจายไปทั่วโลกเช่นในอียิปต์ เยเมน ซาอุดิอารเบีย ซิบบับเว และนิวซีแลนด์ ผู้สร้างกองหินประหลาดไว้ดูดาวหาง หลบภัยจากพายุฝนดาวตกเมื่อ 5,000 ปี จะเป็นใครไม่ได้ นอกจากมนุษย์ต่างดาวเจ้าเก่าเท่านั้น
และเป็นไปได้ว่ามนุษย์ต่างดาวซึ่งมีเทคโนโลยีสูงส่ง อาจใช้สโตนเฮนจ์ร่วมกับอุปกรณ์ต่างๆที่ได้สร้างขึ้นมา ยิงทำลายหรือทำให้อุกาบาตที่กำลังพุ่งชนโลกหักเหทิศทางพุ่งผ่านโลกไป