ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้าที่รอการค้นหา




ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้าที่รอการค้นหา




 

มี คนจำนวนน้อยมากที่ไม่หลงใหลกับการตามล่าหาขุมทรัพย์ ไม่ใช่มีแต่เพียงปรากฎการณ์ในภาพยนตร์แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วยังมีการค้นพบขุมทรัพย์ที่ยังซ่อนอยู่ที่่ไหนสักแห่ง ถึงแม้ว่าจะมีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากมายในตอนนี้ ยังมีสมบัติที่ยังรอการค้นพบอีกจำนวนมาก



ลำดับรายชื่อสถานที่ 11 แห่งที่คาดว่ายังมีสมบัติซ่อนอยู่



 

11. สมบัติ William Captan Kidd

 

ภาพวาด  William Captan Kidd

 

ภาพวาดการแขวนคอประหารชีวิต William Captan Kidd ในกรงเหล็ก


William Captain Kidd  ปี 1645(2188 – 23 พฤษภาคม 1701(2244 ) นักเดินเรือชาวสก็อต  หลังกลับจากเดินเรือในแถบทะเลอินเดีย เริ่มทำตัวเป็นโจรสลัดในท้องทะเลหลวง ในยุคสมัยนั้นเป็นเรื่องปกติที่แต่ละชาติต่างทำมาหากินกันแบบนี้ สุดท้ายถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอในกรงเหล็กเรื่องราวของเขามีการสร้าง หนังฮอลลีวูดจำนวนมากมายหลายเรื่อง
 

Howard Pyle ภาพวาดตามจินตนาการการฝังสมบัติของ Kidd




 

10. สมบัติยามาชิตะที่อ่าวบากุย Yamashita’s Treasure at Bacuit Bay

 

Tomoyuki Yamashita

 

แม่ทัพ Tomoyuki Yamashita กับทหารยอมจำนน 2 กันยายน 1945(2488)

 

แม่ ทัพTomoyuki Yamashita (เสือร้ายแห่งมาลายา) ในศาลอาชญากรสงครามที่จัดตั้งขึ้นในประเทศฟิลิปปินส์ ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานอาชญากร จึงถูกประหารชีวิตที่ Los Baños รัฐ Laguna ประเทศฟิลิปปินส์


เกิด 8 พฤศจิกายน 1885(2428) - 23 กุมภาพันธ์ 1946(2489) Tomoyuki Yamashita แม่ทัพกองทัพจักรวรรดิ์ญี่ปุ่น ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ได้ฉายาว่า เสือร้ายแห่งมาลายา ในการทำสงครามกับประเทศอังกฤษกกับอาณานิคมมาลายากับสิงคโปร์

หมายเหตุ สงครามยึดสิงคโปร์ใช้เวลาไม่เกินกว่าสองสัปดาห์ เพราะทหารอังกฤษกับชาวอาณานิคมแทบไม่ยอมสู้รบด้วยการขนย้ายกองทัพกับอาวุธ ยุทโธปกรณ์จากเมืองไทยไปยึดมาลายู ใช้รถจักรยานเป็นหลัก จักรยานบางส่วนยึดจากชาวบ้านทั้งไทย/มาเลย์ เมื่อชนะแล้วมีการนำเชลยศึกบางส่วนมาสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแควที่กาญจนบุรี สงครามยึดสิงคโปร์ใช้เวลาไม่เกินกว่าสองสัปดาห์ เพราะทหารอังกฤษกับชาวอาณานิคมแทบไม่ยอมสู้รบด้วยการขนย้ายกองทัพกับอาวุธ ยุทโธปกรณ์จากเมืองไทยไปยึดมาลายู ใช้รถจักรยานเป็นหลัก จักรยานบางส่วนยึดจากชาวบ้านทั้งไทย/มาเลย์ เมื่อชนะแล้วมีการนำเชลยศึกบางส่วนมาสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแควที่กาญจนบุรี เส้นทางหลักเข้ามาเลย์ผ่านทางถนนไทรบุรี (ถนนกาญจนวณิชย์) ตรงด่านนอก-จังโหลน อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา (จังโหลน = ใบจังหล่น หรือ ช้างหล่น คำบอกเล่า ชาวสยามในมาเลย์)ด่านนอกติดกับด่านบูกิตกายูอีตำ(เขาไม้ดำ)รัฐไทรบุรี(เคดา ห์)ตอนเหนือสุดมาเลเซีย ระยะทางจากเหนือสุดมาเลเซียไปสิงคโปร์ประมาณ 851 กิโลเมตร

Tomoyuki Yamashita ได้ขนย้ายทรัพย์สินจำนวนมหาศาล ด้วยการใช้กองทัพทหารญี่ปุ่นตีชิงปล้นทรัพย์สมบัติจากชาวบ้านร้านช่องในมา เลย์กับสิงคโปร์ในปีนัง อีโปร์ จะมีเรื่องราวการปล้นร้านทองกับร้านค้าของทหารญี่ปุ่นเล่าสืบต่อกันมาจนทุก วันนี้ รวมทั้งอีกหลายแห่งมีการเล่าถึงความชั่วร้ายของทหารญี่ปุ่น สมบัติบางส่วนกองทัพญี่ปุ่นรวบรวมมาจากอินเดิย พม่า และไทย เพื่อนำกลับไปประเทศญี่ปุ่น
 

บริเวณเกาะแก่งรอบ ๆ อ่าวบากุย


ก่อน ที่ญี่ปุ่นยอมแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง Tomoyuki Yamashita ได้ขุดซ่อนฝังสมบัติไว้เป็นจำนวนมาก คาดว่าไม่น้อยกว่า 172 แห่งตามเกาะแก่งในอ่าวบากุย ประมาณการว่ามีมูลค่าตอนนี้มากกว่า สองหมื่นสองพันล้านเหรียญสหรัฐ เพราะครั้งหนึ่งในช่วงปี 1970(2513)  Rogelio Roxas  ได้ค้นพบสมบัติจำนวนหนึ่ง แต่ถูกอายัด/ยึดเป็นสมบัติของชาติโดยประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์มาร์กอส คาดว่ายังมีสมบัติจำนวนมากที่ยังหลบซ่อนอยู่ตามเกาะแก่งของอ่าวแห่งนี้

 

9. ห ีบสมบัติแห่งโบสถ์พิสโค่ Treasure Chest of the Church of Pisco

 


ใน ปี 1859(2402) ทหารรับจ้างสี่นายในกองทัพเปรู ชาวสเปน (Diego Alvarez) ชาวไอริช (Killorain) ชาวอังกฤษ (Luke Barrett) และชาวอเมริกัน (ฺBrown) พวกเขาต่างแสวงหาเงินและหวังว่าจะมีโชคชะตาที่ดีกว่านี้ มีชายคนหนึ่งที่พบกันโดยบังเอิญเล่าว่ารู้จักกับนักบวชอลัชชี (Father) Matteo มัสเตโร่ ได้บอกว่ามีสมบัติซ่อนอยู่ในโบสถ์เมือง Pisco  ทั้งสี่คนจึงสมคบคิดวางแผนการขึ้นมาด้วยการลาออกจากการเป็นทหารรับจ้างแล้ว เดินทางไปเมือง Pisco Alvarez กับ Killorain เป็นชาวคาทอลิก จึงเข้าร่วมพิธีศาสนาอย่างสม่ำเสมอ หลังจากนั้นเริ่มปล่อยข่าวลือเรื่องน่ากลัวของโจรผู้ร้าย จนพวกเขาได้พบกับบาทหลวงที่ทรยศต่อพระเจ้าชื่อ Matteo บาทหลวงที่รู้เรื่องเกี่ยวกับสมบัติและรวบรวมไว้เป็นจำนวนมหาศาล พร้อมกับเกรงกลัวว่าพวกโจรที่จะมาขโมยสมบัติไป
 


พวก เขาจึงอาสากับบาทหลวงปาราชิกว่าจะทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์/ทหารคุ้มกัน การทำงานครั้งนี้จะทำเพื่อพระเจ้าด้วยการขนย้ายสมบัติทั้งหมด (ทองคำ 14 ตัน เครื่องประดับอัญมณี สร้อยเพชรพลอย 38 เส้น เพชรพลอยเครื่องประดับอื่น ๆ เหรียญทองคำสเปนอีกจำนวนมาก) นำไปเก็บรักษาไว้ในสถานที่ปลอดภัย  เรือบรรทุกสมบัติลงใต้ไปยังเมือง Callao เปรู อดีตทหารรับจ้างทั้งสี่คนเดินทางร่วมกับ Matteo บาทหลวงส่วนหนึ่ง ผู้โดยสาร ลูกเรือ และกัปตันเรือ และแล้วอดีตทหารรับจ้างได้ฆ่าคนเหล่านั้นตายทั้งหมด Alvarez เสนอว่าให้ซ่อนสมบัติไว้ที่ไหนสักแห่งก่อน แล้วค่อยแล่นเรือไปขึ้นยังชายฝั่งออสเตรเลีย ก่อนจะจมเรือใหญ่ลงโดยอ้างว่าเรืออับปางลงกลางทะเล  วิธีการนี้จะไม่มีใครสงสัยว่ามีการฆาตกรรมและโจรกรรมเกิดขึ้น หลังจากนั้นค่อยหาเรือลำอื่นเดินทางไปขนสมบัติทั้งหมดกลับมา
 


เรือ ดังกล่าวได้แวะที่ ตาฮิติ เพื่อรวบรวบเสบียง  ก่อนที่จะแล่นเรือเข้าไปสู่บริเวณที่มีเกาะเล็กเกาะน้อยจำนวนมาก บริเวณแนวหินปะการัง ในเดือนธันวาคม 1859(2402)  พวกเขาพบเกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหมู่เกาะ Tuamotu
พวกเขาจึงขนสมบัติลงเรือกรรเชียงลำเล็กแล้ว ค่อย ๆ ลำเลียงสมบัติทีละเล็กทีละน้อยไปบนเกาะแห่งนั้น จนสมบัติทั้งหมดได้ถูกซ่อนไว้บนเกาะปริศนาแห่งนั้น

กลุ่มหมู่เกาะ Tuamotu


Alvarez ได้ทำแผนที่ขุมทรัพย์แห่งนั้นไว้  แต่เพราะไม่ทราบชื่อของเกาะแห่งนั้น พวกเขาจึงเดินทางไปที่เกาะ Katiu สอบถามชาวท้องถิ่นเกี่ยวกับชื่อเกาะบริเวณนั้น มีชาวท้องถิ่นรายหนึ่งอ้างว่ามีประสบการณ์เดินเรือและบอกว่าชื่อเกาะ  Pinaki แต่แล้วจริง ๆ ไม่ใช่ Alvarez  จึงชักปืนขึ้นมาแล้วจ่อยิงเพื่อฆ่าปิดปากชายคนดังกล่าว  เพื่อไม่ให้ความลับอาจจะรั่วไหลได้ เรื่องดังกล่าวทำให้ชาวบ้านโกรธแค้นมาก จนพวกเขาทั้งสี่คนต้องรีบร้อนหลบหนีไปจากเกาะแห่งนั้น
 

เกาะ Tuanake กับ เกาะ Katiu


พวกเขาได้แล่นเรือไปใกล้ชายฝั่งออสเตรเลียแล้วจมเรือลำใหญ่
ก่อน จะพายเรือกรรเชียงไปขึ้นฝั่ง เพื่อรอวันเวลาเดินทางกลับไปเอาสมบัติทั้งหมด แต่เพราะพวกเขาขาดแคลนทุนทรัพย์ในการเดินทางกลับไปเกาะปริศนาอีก
จึงพยายามขายฝันพร้อมแผนที่ขุมทรัพย์ให้กับนักลงทุนที่ร่ำรวย  แต่ไม่มีใครกล้าลงทุนด้วย

ด้วย ความจำเป็นที่จะต้องหาเงิน  พวกเขาจึงไปทำงานในเหมืองทอง Palmer ที่รัฐควีนแลนด์แต่แล้ว Alvarez กับ Luke Barrett ถูกฆ่าตายในการทะเลาะวิวาทกับนักขุดหาทอง ส่วน Killorain กับ Brown ถูกตัดสินจำคุก 20 ปีข้อหาฆ่าคนตายในการทะเลาะวิวาทครั้งนั้น Brown ตายในคุก ส่วน Killorain พ้นจากคุกกลายเป็นคนจรจัดไร้ที่อยู่
 


ใน เดือนพฤษภาคมปี 1912(2455) Charles Howe  ขณะที่อยู่ในบ้านพักใกล้เมืองซิดนีย์ มันเป็นคืนที่ฝนตกหนัก เขาได้ยินเสียงเคาะประตู จึงเปิดประตูออกมา พบคนจรจัดมาขอทาน เขาตกใจมากที่พบคนแคระตัวเล็ก ๆ เหมือนหลุดออกจากภาพวาดในหนังสือนิทาน แต่เขาให้อาหารเลี้ยงดูพร้อมกับมอบเสื้อผ้าแห้งให้ จากนั้นไม่นานคนจรจัดก็เดินจากไปในเวลาต่อมา

สี่เดือนต่อมา Howe ถูกเชิญตัวไปที่โรงพยาบาลซิดนีย์ เพราะมีคนจรจัดคนหนึ่งกำลังป่วยหนักและต้องการพูดคุยกับ Charles Howe เมื่อได้พบกันแล้ว  คนจรจัดบอกว่า ชื่อ Killorain มีเพื่อนอีกสามคนแต่ตายหมดแล้ว พวกเขาได้ฝังสมบัติจำนวนมากไว้ แต่การที่ตนเองต้องใช้ชีวิตในคุกเป็นเวลานาน ทำให้หลังจากนั้นไม่สามารถกลับไปที่นั่นได้อีกเลย จึงขอมอบแผนที่ที่  Avarez ทำขึ้นมาเพื่อตอบแทนบุญคุณ แล้วอธิบายเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับที่ตั้งและสมบัติที่ซุกซ่อนไว้

เพื่อ ตรวจสอบเรื่องราวทั้งหมดว่าจริงหรือโกหก Charles Howe พบว่ามีโบสถ์ Pisco จริง ชายทั้งสี่คนเข้ามาอยู่ในเมือง Cooktown ในเดือนกุมภาพันธ์ 1860 (2403) หลังจากเรืออับปางลงจริง เมื่อเขากลับไปที่โรงพยาบาลเพื่อจะพูดคุยกับ Killorain  อีกครั้ง ก็พบว่า Killorain เพิ่งเสียชีวิตไป
 


Charles Howe ขายทรัพย์สมบัติทั้งหมดแล้วออกเดินทางค้นหาขุมทรัพย์ ด้วยการแล่นเรือไปที่ตาฮิติ  จากนั้นทำตัวเหมือนชาวพื้นเมือง เข้าพักอาศัยและค้นหาสมบัติบนเกาะปะการังขนาดเล็กชื่อ Pinaki เขาต้องใช้เวลาอยู่ถึง 13 ปีในการค้นหาทรัพย์สมบัติแต่ก็ไม่พบเลย จนสอบถามชาวพื้นเมืองที่เกาะตาฮิติ เรื่องราวเรือที่มีคนสี่คนแล่นเรือออกมาจาก Pisco แล้วมาทอดสมอเรือที่หมู่เกาะปะการัง Pinaki แต่ชาวพื้นเมืองบอกว่าไม่เคยเห็นเรือลำนี้ที่เกาะ Pinaki

Charles Howe จึงย้ายไปเกาะแห่งใหม่พร้อมกับแผนที่ในมือ เพียงแค่สามวันหลังจากนั้น ก็พบอัญมณีและเหรียญทองของสเปน สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือทอง Alvarez ตามแผนที่ระบุว่าฝังอยู่ในสระน้ำรูปลูกแพร์ เมื่อดำน้ำลงในสระน้ำก็พบกับชิ้นส่วนไม้บางชิ้น ทำให้แน่ใจว่าพบที่ตั้งทองคำแล้ว แต่การขนทองคำจำนวน 14 ตันออกจากทะเลสาบและเกาะแห่งนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ทั้งยังไม่ต้องการให้ชาวบ้านรู้ว่า Charles Howe ได้พบอะไรมาแล้วบ้าง เพราะชาวบ้านที่เกาะต่างรู้ว่าเขาเป็นนักแสวงหาโชคและได้ใช้เวลาหลายปีแล้ว สำหรับการค้นหาบางสิ่งบางอย่างตามเกาะแก่งปะการัง เขาจึงฝังหีบเหรียญทองคำสเปนและอัญมณีไว้แล้วนำสมบัติติดตัวกลับมาเพียงเล็ก น้อย พร้อมกับบอกเล่าชาวบ้านว่าล้มเหลวอีกครั้งในการค้นหาสมบัติตามเกาะ

 

 


Charles Howe  เดินทางกลับไปออสเตรเลีย ได้รวบรวมกลุ่มนักผจญภัยและนักลงทุน เพื่อเตรียมการจะเดินทางไปขุดค้นสมบัติ เตรียมระบบห่วงโซ่อุปทานในการขนส่ง/ลำเลียงสมบัติ Charles Howe เก็บซ่อนแผนที่ไว้กับตนเองแล้วเดินทางไปทำงานที่เหมืองทองคำ เพื่อหาเงินกับเรียนรู้เทคนิคเคล็ดลับบางอย่างในการตรวจสอบทองคำ ต่อมาเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เพราะขาดเงินทุนในการเดินทางร่วมไปกับคณะตามแผนการที่วางไว้ ก่อนตายเขาได้บอกเล่าเรื่องราวกับ George Hamilton แต่ก็ไร้ประโยชน์ เพราะผู้ฟังไม่เข้าใจเส้นทางแผนที่และที่ตั้งเกาะปริศนา

ในเดือน มกราคมปี 1934(2477) มีกลุ่มนักแสวงโชคเดินทางไปที่หมู่เกาะตาฮิติเพื่อค้นหาเกาะปริศนาตามที่ ทราบและเชื่อว่าประสบการณ์/โชคชะตาจะต้องพบเกาะปริศนาได้ แต่ใช้เวลานานมากจนเงินทุนร่อยหรอลง นักลงทุน/นายทุนเเลยบอกเลิกไม่ยอมจมเงินลงไปอีก เรื่องนี้จบลงด้วยยังมีทองคำ 14 ตัน  อัญมณีและ เหรียญทองสเปน ที่ยังรอคนโชคดีที่จะค้นพบ




8. แผนที่สมบัติลูอี้ Lue Treasure Map


มี เรื่องเล่าลือกันว่ามีทองคำจำนวน 14 ตันที่ซุกซ่อนอยู่ในสหรัฐอเมริกา โดยทหารนาซีของ Adof Hitler ที่นำมาเพื่อเตรียมใช้ทำลายระบบเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา


แต่ แผนการดังกล่าวล้มเหลวไปในที่สุด  คนเขียนแผนที่ตายไปพร้อมกับรหัสลับในการไขปริศนา แผนที่ดังกล่าวมีการตีพิมพ์เผยแพร่และจำหน่ายกันในราคาเพียงหนึ่งเหรียญ สหรัฐ โดยนักล่าสมบัติ Karl Von Mueller แต่ในหนังสือบางเล่มระบุว่า เป็นทองของกลุ่มทหารสเปนที่ซุกซ่อนไว้ในรัฐตอนใต้ของอเมริกาหรือละตินอเม ริกา ผู้ใดไขปริศนาและทำความเข้าใจสัญญลักษณ์ต่าง ๆ ในกองอิฐออก ก็จะได้พบกับขุมทรัพย์ดังกล่าว





7. เมืองสีขาว ลาซุดด้าบลังคา White City, La Ciudad Blanca


เมือง ทองคำเป็นเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นเร้าใจสำหรับคนอีกหลาย ๆ คน ยิ่งมีตำนานที่เหล่าบรรดาขุนนางต่างกินอาหารกับจานทองคำด้วยแล้วลอง จินตนาการดูว่า  ถ้าค้นพบสมบัติเหล่านี้จะร่ำรวยขนาดไหน ถ้าค้นพบสมบัติที่ซุกซ่อนอยู่ ในปี 1526(2069) Hernan Fernando Cortes ได้ค้นพบเมืองดังกล่าว ด้วยการบังคับคนพื้นเมืองอินคาให้พาไปเมืองแห่งนั้น

หมายเหตุ สเปนเริ่มใช้สงครามเชื้อโรคด้วยการโยนผ้าห่มของคนไข้โรคหวัดหรือไข้ทรพิษให้ คนพื้นเมืองใช้ เมื่อปราศจากภูมิต้านทานหรือไม่เคยมีโรคร้ายเหล่านี้มาก่อน ทำให้คนพื้นเมืองตายกันเป็นเบือ

ภาพวาดของ Hernan Fernando Cortes

ต่อ มาในปี 1544(2087) Pedraza Cristobol ก็พบเมืองนี้โดยบังเอิญอีกครั้ง ในปี 1933(2476) นักโบราณคดี William Strong ได้ค้นพบกองหินโบราณที่คาดว่าจะเป็นเมืองแห่งนี้ ใกล้ Rio Patuca กับ Rio Conquirre ตำนานมหาสมบัติเรื่องนี้มีการเล่าขานกันมาอย่างยาวนานมาก เมื่อเร็ว ๆ นี้ มูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติและมหาวิทยาลัยฮูสตัน ได้ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อทำแผนที่/จำลองสถานที่ปรักหักพังโบราณขึ้นมา ใหม่



6.สมบัติของเจงกิสข่าน ที่ทะเลสาบอิซัคคูน Genghis Khan Issyk-Kul’s Treasure

ภาพวาด เจงกิสข่าน

หมาย เหตุ นักประวัติศาตร์หลายรายเริ่มประณาม เจงกิสข่าน อเล็กซานเดอร์ นโปเลียน ว่าเป็น มหาทรราช  หรือ มหาโจร เพราะคุณค่าที่ให้กับมนุษยชาติเลวร้ายและไร้ประโยชน์สิ้นดี ไม่มีการผลิต การประดิษฐ์ การสร้างสรรค์ นอกจากยกพวกไปตีชิงปล้นทรัพย์ชาวบ้านชาวเรือน ต่างกับผู้ประกอบการ ผู้สร้างสรรค์ หรือบรรดานักวิทยาศาสตร์ ทั้งอดีตและปัจจุบันต่างหากที่ทำให้มนุษยชาติได้อยู่ดีกินดี มีความเจริญก้าวหน้า ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ และมีการใช้ชีิวิตสะดวกสบายกว่าเดิม เช่น สำเภาซูไลมาน สำเภาเจิ้งเหอ Alexandre Flemming, Thomas Adison, Bill Gates, Steve Jobs เป็นต้น

ถ้อย คำยะโสโอหังของนักรบมองโกล ที่มักจะพูดก่อนการโจมตีศัตรูที่ไม่ยอมจำนนว่า "ข้าจะควบขี่ลูกสาวของมัน เมียของมัน เหมือนควบขี่ม้าของมัน ข้าจะฆ่าผู้ชายทั้งหมด  เอาลูกชายของมันมาควบขี่หรือเอาเป็นทาสเป็นยูนุค (ขันที) กวาดต้อนสัตว์เลี้ยงของพวกมัน สมบัติพวกมันถ้าขนไปได้จะขนไป ขนไปไม่ได้ให้เผาทิ้งทั้งหมด"

มีนักประวัติศาสตร์บางคน ระบุว่าทหารกรีกและทหารมองโกลเป็นพวกประเภทชอบชายเล่นชาย เช่นเดียวกับ Alexander ที่ชอบทำสงครามไม่ชอบสตรี



ทะเลสาบ Issyk-Kul  เป็นทะเลสาบน้ำเค็มลำดับที่สองรองจากทะเลสาบ Caspian แคสเปี้ยน มีขนาดเป็นทะเลสาบลำดับที่สิบของโลก อยู่ตอนเหนือของเทือกเขา Tian Shan เทียนซาน ด้านทิศตะวันออกของเคอร์กีสถาน  มีชื่ออีกอย่างว่า ทะเลร้อน เพราะแม้อยู่ในบริเวณหนาวเย็นและมีหิมะปกคลุมบางฤดูกาล น้ำในทะเลสาปไม่เคยกลายเป็นน้ำแข็ง บริเวณนี้มีการตั้งรกรากเป็นเมืองและมีคนอยู่อาศัยติดต่อกันมายาวนานกว่า 2,500 ปี (เพราะสินค้าเกลือมีราคาแพงมากในอดีต เกลือใช้ถนอมอาหารกับปรุงรสได้ในเขตกันดาร) มีการขุดค้นหลักฐานโบราณคดีในเขตพื้นที่แห่งนี้หลายครั้งหลายคราวแล้ว รวมทั้งมีชื่อเสียงว่ามีการฝังสมบัติของกลุ่มอัศวินนักรบ Tempa และชาวคริสเตียน

เรื่องราวอัศวิน Tempa  ศึกษาได้จากหนังสือ Davinci's Code รหัสลับดาวินซี

ส่วน อีกตำนานที่เล่าขานกันมานมนามแล้วว่า มีการฝังศพ Genghis Khan พร้อมกับสมบัติจำนวนมหาศาล ที่ได้จากการปล้นชิงทรัพย์สมบัติของชาวบ้านและบ้านเมืองทั่วเอเซียกับจีน โดยทหารที่ไปทำการฝังศพ เมื่อเดินทางออกมาจะถูกทหารอีกกลุ่มหนึ่งที่รออยู่รอบนอกสังหารทิ้งทั้งหมด เพื่อไม่ให้ย้อนกลับไปขุดค้นสมบัติหรือบอกเส้นทางไปหลุมศพ Genghis Khan กับคนอื่นได้อีก ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 มีความพยายามขุดค้นหาสมบัติดังกล่าว แต่เพราะเหตุการณ์ไม่สงบทางการเมืองจึงต้องยุติไปโดยปริยาย แต่ตอนนี้ทั้งสหรัฐอเมริกากับญี่ปุ่น ต่างพากันรีบเร่งค้นหาหลุมฝังศพและสมบัติทั้งหมด




5. ซานติ๊ซี่ม้า กอนเซปซอน Santissima Concepcion



เรือ ใบระวางบรรทุกน้ำหนักได้ขนาด 700 ตันหรืออีกชื่อหนึ่งว่า El Grande (เรือใหญ่) ในปี 1683(2126)  เรือใบลำนี้มุ่งหน้าไปยังสเปนโดยผู้บัญชาการเรือ Manual Ortiz Arosemena ในลำเรือเต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติจาก ปอร์โตเบลโล, ปานามา, คาร์โคลัมเบีย, เวรากรูซ, เม็กซิโก เรือไปหยุดพักที่ท่าเรือ ฮาวาน่า ใกล้กับรัฐฟลอลิดา ก่อนประสพภัยจากพายุเฮอริเคนทำให้เรือจมลงในทะลลึก ในเรือมีคนเพียงสี่คนที่รอดชีวิตจากจำนวนผู้โดยสารพร้อมลูกเรือประมาณ 500 คน ส่วนผู้รอดชีวิตไปโผล่ที่ชายฝั่ง เซนต์ออกัสติน รัฐฟลอริดา


บน เรือคาดว่ามีทรัพย์สมบัติมูลค่า 1,800,000 เปโซ(มูลค่าเงินสเปนในอดีต) สมบัติส่วนใหญ่ประกอบด้วยเงินแท่งและเหรียญกษาปณ์ ทองคำน้ำหนักประมาณ 1,500 ปอนด์ แต่หลายคนเชื่อว่่าทองคำน่าจะมากกว่านั้น  เพราะทั้งลูกเรือ ผู้โดยสาร และกัปตันเรือ มักจะมีการลักลอบขนทองคำจำนวนมากเพื่อนำไปขายหรือนำกลับประเทศตนเองมากใน ช่วงนั้น มีไข่มุก 77 เม็ด เพชรพลอยสินค้าจากตะวันออก 217 เม็ด มรกต 49 เม็ด และแน่นอนสิ่งของมีค่าอีกจำนวนมากของผู้โดยสารเรือลำดังกล่าว มีหลายคนพยายามค้นหาสมบัติใต้ทะเลลึกของเรือลำนี้ที่จมลงด้วยพายุเฮอริเคน ในปี 1687 (2230) Sir William Phips เป็นผู้ที่ค้นพบสมบัติเรือลำนี้มีมูลค่าประมาณหนึ่งในสี่ คาดว่าเรือลำนี้ยังจมอยู่ในบริเวณ  Key Biscayne ไม่ไกลจาก Rocks Fowey




4. ทองคำที่สูญหายของเรือเอสเอสไอแลนด์เดอร์ SS Islander’s Evasive Gold



เรือ SS Islander สร้างขึ้นในสก็อตแลนด์ในปี 1888(2231) มีระวางบรรทุก 1519 ตัน ลำเรือยาว 240 ฟุตหรือ 73 เมตร ลำเรือทำด้วยเหล็กใช้เครื่องจักรไอน้ำสองเครื่องยนต์ที่ทันสมัยที่สุดในยุค นั้น พร้อมกับปล่องพ่นควันไอน้ำจำนวนสองปล่อง เจ้าของคือ  Canadian Pacific Steam Navigation Company มีวัตถุประสงค์หลักคือ การบรรทุกผู้โดยสารไปรัฐอลาสก้า ได้รับความนิยมใช้บริการจากนักธุรกิจที่มั่งคั่ง นักสำรวจ นายธนาคาร ผู้รับเหมาสร้างถนนหนทางที่เงินหนา ในวันที่ 14 สิงหาคม  1901(2444) เรือได้จมลงหลังจากออกจากท่าเทียบเรือ Alaska ไปยังท่าเทียบเรือ Victoria ที่ British Columbia พร้อมกับชีวิตผู้โดยสาร 65 คนและทองคำประมาณ หกล้านเหรียญสหรัฐ

เรื่องนี้ทำให้ บริษัท Mars ต้องตกใจแทบช็อคตายไปเลย เมื่อกู้เรือขึ้นได้ในปี 2012 (2555) ไม่พบว่ามีทองคำอยู่บนลำเรือเลย  แต่อย่างไรก็ตาม บริษัท ฯ เชื่อมั่นว่าทองคำจะต้องนอนจมอยู่ใต้ท้องทะล ณ ที่ใดที่หนึ่ง และทองคำมีมุลค่าตอนนี้ประมาณ 250,000,000 เหรียญสหรัฐ บริษัทยังไม่ล้มเลิกการวางแผนสำหรับการค้นหาอีกครั้ง ถ้ามีความชัดเจนมากกว่านี้


3. สมบัตืที่สาบสูญของเรือ อันติลา Lost treasures of Antilla


เรือ Antilla หรือเป็นที่รู้จักกันว่า เรือผี ตามคำบอกเล่าของชาวบ้าน ที่ต้องดำน้ำใกล้จุดเหนือสุดของ Aruba  ก็จะพบซากปรักหักพังของเรือลำนี้





เรื่อง ราวเกี่ยวกับสมบัติของเรือลำนี้เล่าสู่กันฟังว่า เรือ Antilla จอดทอดสมออยู่ที่ชายฝั่งทางเหนือของเกาะ เมื่อถูกเรือรบออกคำสั่งให้ยอมจำนน กัปตันเรือเลยทำการเปิดช่องปิดเปิดใต้ท้องเรือให้น้ำทะเลเข้าออก ทำให้เรือจมลงในที่สุด จบลงด้วยการระเบิดของลำเรือและจมลงไปในท้องทะเลพร้อมกับสมบัติที่อยู่บนเรือ เรือผีถือว่าเป็นเครื่องบรรณาการให้กับทหารเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่สอง




2. สมบัติของอินเดียนแดงเผ่าอาปาเช่ Apache Indian Treasures


Essa-queta หัวหน้าเผ่า Plains Apache


ภาพหน้าตาอินเดียนแดงเผ่าอาปาเช่

ยัง มีการสร้างภาพยนต์ในฮอลลีวู๊ดเกี่ยวกับสมบัติต้องห้ามและสมบัติที่มีคำสาป จากอินเดียนแดงเผ่าอาปาเช่ ที่ได้ทำการปล้นรถโดยสาร รถไฟ ได้เหรียญเงินและทองคำที่ยังไม่ได้หลอมเป็นแท่งจำนวนมาก


โดยนำไปซ่อนไว้ในเตาอบแบบชาวดัดซ์  แถบเทือกเขา Winchester ในรัฐ Arizona

เตาอบแบบชาวดัดซ์

ตัวอย่าง  จำลองสภาพข้าวของเครื่องใช้เกวียนนักบุกเบิกอเมริกันสมัยก่อน

แม้ ว่าสมบัติภายในสถานที่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยคำสาปแช่ง แต่ไม่เคยหยุดยั้งนักล่าสมบัติที่จะค้นหาและพยายามกันอย่างแรง เพื่อจะได้ค้นพบทรัพย์สมบัติดังกล่าว




1. นักขุดทองอดัมส์ผู้หลงลืม Lost Adams Diggings


เรื่อง นี้ยังเกี่ยวข้องกับอินเดียนแดงเผ่า Apache อาปาเช่อีกเรื่องหนึ่ง ในหุบเขาลึกแห่งหนึ่ง กลุ่มเพื่อน ๆ นักขุดทองร่วมกับ Adams ได้เดินทางร่วมกันไปค้นหาทองคำที่ภาคตะวันตกของนิวเม็กซิโก


ใน ช่วงต้นยุค 1860(2403) อดัมส์และเพื่อนในทีมงานพบสายแร่ทองคำขนาดเม็ดข้าวโพด Adams ได้เดินทางออกจากที่ทำการเหมืองแร่ในคืนที่สอง แล้วมีข่าวลือตามมาว่า คนงานเหมืองแร่ทองคำที่อยู่ข้างหลังถูกฆ่าตายทั้งหมดโดยอินเดียแดงเผ่า Apache Adams เองก็จำเส้นทางไปหุบเขาทองคำไม่ได้เลย จำได้แต่เพียงว่า อยู่ในแม่น้ำสีขาวและเทือกเขาสีขาว




ที่มา :  http://www.oknation.net/blog/ravio/2013/05/31/entry-1



 

 

 

Credit: http://webboard.sanook.com/forum/?topic=3747158
10 ธ.ค. 56 เวลา 17:40 3,181 280
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...