สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี หรือ “เจ้าชายจิกมี” ที่คนไทยรู้จักกันดี ทรงขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 5 แห่งภูฏาน เมื่อปี 2551 พร้อมทรงนำภูฏานเข้าสู่ยุคประชาธิปไตย ตลอดจนทรงสืบสานต่อจากสมเด็จพระราชบิดาของพระองค์ ในเรื่องของปรัชญา “ความสุขมวลรวมประชาชาติ” (Gross National Happiness) อันเป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลก โดยตลอด 5ปีที่ผ่านมา กษัตริย์หนุ่มพระองค์นี้ทรงถูกเรียกขานด้วยพระนามต่างๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น “k5” ซึ่งหมายถึงรัชกาลที่ 5 หรือ “เจ้าชายผู้ทรงเสน่ห์จากแดนหิมาลัย”
ด้วยพระราชกรณียกิจนานัปการที่ทรงมุ่งมั่นปฏิบัติเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของชาวภูฏาน พสกนิกรกว่า จึงพร้อมใจถวายความจงรักภักดีแด่กษัตริย์พระองค์ใหม่ ไม่ต่างจากที่พระราชบิดาทรงเคยได้รับมา โดยที่เสียงสะท้อนถึงพระจริยวัตรอันงดงามของกษัตริย์จิกมี เป็นสิ่งที่ได้ยินได้ฟังทั่วไปในกรุงทิมพู
“รัชกาลที่ 5 แม้จะทรงครองราชย์ได้ไม่นาน แต่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจมากมายเหลือเกิน” เชอริง ทอปเกย์ ผู้นำพรรคฝ่ายค้านภูฏาน ให้สัมภาษณ์ และว่า “ทรงเสด็จฯไปทุกที่ และแทบจะเรียกได้ว่า ทรงเคยพบประชาชนเกือบทุกคนในประเทศนี้”
กษัตริย์จิกมีทรงเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับนางสาวเจ็ตซัน เปมา ซึ่งเป็นสามัญชนธรรมดาเมื่อปี2554 ตามพระราชประเพณีของราชสำนักภูฏาน โดยในงานพิธีนั้น พระองค์ทรงกล่าวถึงหญิงอันเป็นที่รักต่อชาวภูฏานว่า
"ข้าพเจ้าคิดมานานแล้ว และตัดสินใจว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องแต่งงาน เหล่าพสกนิกรของข้าพเจ้าคาดหวังไว้ว่าผู้ที่จะมาเป็นราชินีในอนาคตของพวกเขาจะต้องสวยสง่า เพรียบพร้อมสมบูรณ์แบบ มีการศึกษาที่ดี ซึ่ง เจตซัน เปมา คนรักของข้าพเจ้านั้น เป็นผู้หญิงที่มีหัวใจที่งดงาม จิตใจดี และพร้อมที่จะสนับสนุนข้าพเจ้าในทุก ๆ เรื่อง และเป็นคนที่ข้าพเจ้าไว้วางใจมาก ข้าพเจ้าไม่อาจทราบได้ว่าเหล่าพสกนิกรจะพูดถึงเธอว่าอย่างไรกันบ้าง แต่ข้าพเจ้าบอกได้เพียงว่า เจตซัน เปมา มีคุณสมบัติที่เพรียบพร้อมเท่าที่สตรีคนหนึ่งพึงมี"
กษัตริย์จิกมี ทรงพบ พระราชินีเจ็ตซัน เปมา เป็นครั้งแรกเมื่อสิบกว่าปีก่อน ระหว่างเสด็จฯไปทรงพักผ่อนเป็นการส่วนพระองค์กับพระราชวงศ์ ซึ่งขณะนั้นทรงมีพระชนมายุเพียง 17 พรรษา ส่วน เจ็ตซัน บุตรสาวของกัปตันสายการบิน ดรุก แอร์ ของภูฏานก็ยังเป็นเพียงเด็กหญิงวัย 7 ขวบเท่านั้น
เจ้าชายหนุ่มทรงคุกพระชงฆ์ลงกับพื้น และตรัสกับเด็กน้อยว่า “เมื่อเธอโตขึ้น หากฉันยังไม่แต่งงาน และเธอก็ยังไม่มีใคร ฉันจะแต่งงานกับเธอ หากว่าความรู้สึกของเรายังเหมือนเดิม” และท้ายที่สุดทั้งสองพระองค์ก็ยังมีความรู้สึกเช่นเดิมแม้เวลาจะผ่านไปถึง10กว่าปี
ทั้งสองพระองค์ทรงได้รับการยกย่องจากชาวภูฏานรวมถึงชาวไทยส่วนใหญ่ว่าทรงมีพระจริยวัตรที่งดงาม และทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของพสกนิกรทุกหมู่เหล่า จากการที่ทรงวางพระองค์อย่างเป็นกันเองในหมู่ประชาชน จึงสร้างความประทับใจแก่พสกนิกรอย่างสูง และทั้งสองพระองค์ยังทรงเป็นสัญลักษณ์สำคัญ ในการสร้างเอกภาพและเสถียรภาพ ในประเทศที่มีประชากรเพียง 700,000 คน โดยมุ่งเน้นด้านความสุขมวลรวมของประชากรภายในประเทศเป็นสำคัญ
พระราชาธิบดีจิกมีทรงกล่าวคำปฏิญาณในพระราชพิธีอภิเษกสมรส
ขณะทรงรับคำถวายพระพรจากเหล่าพสกนิกร
ทรงหอมพระปรางพระราชินีอันเป็นที่รัก
ทรงมีพระราชปฏิสันถานต่อพระราชินีขณะพิธีอภิเษกสมรส
ทรงประกอบพิธีถือผ้าขาวปฏิญาณในพิธอภิเษกสมรส
ทรงขอบใจพสกนิกรที่มาร่วมงานด้วยการยกมือไหว้
ทรงเสด็จพระราชดำเนินทักทายพสกนิกรหลังงานพระราชพิธีอภิเษกสมรสอย่างไม่ถือพระองค์
ขณะเสด็จพระราชดำเนินประกอบพระราชพิธีต่อภายในวัง กรุงทิมพู
ทรงจูงพระหัตถ์พระราชินีขณะทรงเยี่ยมเหล่าพสกนิกร
ทรงประกอบพระราชพิธีภายในวังโดยมีพระราชบิดาร่วมพิธีข้างบัลลังก์ด้านขวาและพระราชินีทางด้านซ้าย
ประทับเคียงคู่พระราชินีคู่พระราชบัลลังก์
หลังเสร็จพระราชพิธีภายในวังทรงทักทายข้าราชการที่มาถวายพระพร
สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเชอร์ นัมเกล วังชุก ผู้เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวภูฏาน
พระคู่บารมีแห่งหิมาลัย(ภูฏาน)
ที่มา: kapook,wikipedia,google,คุณชายชุนชู เรียบเรียง