เราคงเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับฆาตกรต่อเนื่องที่ทำเรื่องสุดสยองมาแล้วมากมาย วันนี้เราจะเอาตัวอย่างของฆาตกรเหล่านี้บางคนที่เป็นตัวอย่างของความชั่วร้ายแบบที่น่าจะมีแต่ในนิยายเท่านั้นมาให้ดูกัน
Katherine Knight เอาสามีมาทำเป็นอาหาร
ที่มาภาพ moneygunsweed
Katherine Knight มีประวัติความของความเสียสติมาอย่างยาวนาน เรื่องเริ่มจากที่เธอพยายามฆ่ารัดคอสามีคนแรกในคืนวันแต่งงานของทั้งคู่ เนื่องจากไม่พอใจที่ตืนนั้นเขามีเพศสัมพันธ์กับเธอแต่ 3 รอบก่อนจะผลอยหลับไป ซึ่งต่อมาหลังจากที่เขาทิ้งเธอไป Knight ก็เอาลูกสาววัยทารกของทั้งคู่ไปปล่อยไว้บนทางรถไฟ (โชคดีที่ทารกถูกคนจรจัดช่วยเอาไว้ได้ก่อนจะเกิดเหตุอะไรขึ้น) หลังจากนั้นเธอก็บุกเข้าไปในเมืองแล้วข่มขู่คนที่ผ่านไปผ่านมาด้วยขวาน
แต่ยังไม่จบแค่นี้ หลังจากนั้นเธอก็บุกไปฟันหน้าผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วบังคับให้ผู้หญิงคนนั้นขับรถพาเธอไปที่ปั๊มน้ำมัน ก่อนจะจับเด็กผู้ชายอีกคนหนึ่งเป็นตัวประกัน จนกระทั่งตำรวจมาถึงและจับตัวเธอไว้ได้ (ด้วยการใช้ไม้กวาดทุบ) แต่เรื่องราวสุดสยองจริงๆ ของเธอเริ่มต่อจากนี้ต่างหาก
Knight ได้พบกับ John Price ผู้ซึ่งมีลูกชายติดมาด้วย 3 คน ทั้งคู่ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันทั้งๆ ที่นาย John คนนี้ก็รู้ประวัติที่ผ่านมาของเธอเป็นอย่างดี ซึ่งแน่นอนว่าไม่น่าแปลกที่ต่อมาเขาก็ไล่เธอออกจากบ้านแล้วขอคำสั่งศาลคุ้มครอง รวมถึงบอกเพื่อนที่ทำงานไว้ด้วยว่า ถ้าวันไหนเขาไม่มาทำงานอาจจะเป็นไปได้ว่าเขาถูกฆ่าไปเรียบร้อยแล้ว (เตรียมพร้อมดีมาก) แต่หลังจากนั้นเขากลับทำเรื่องไม่เข้าท่าด้วยการยอมให้เธอกลับมาอยู่ในบ้านอีกครั้ง ซึ่งก็เข้าทาง Knight พอดี John ต้องจ่ายค่าความประมาทนี้ด้วยชีวิตของเขาเอง เมื่อเขาถูกเธอแทงด้วยมีดถึง 37 แผล และเมื่อเขาไม่โผล่ไปทำงานในวันถัดไป เพื่อนของเขาจึงโทรเรียกตำรวจ ซึ่งเดินทางไปยังบ้านของเขาและได้พบกับร่างไร้ศีรษะของ John ที่ถูกถลกหนังออกไปด้วยนอนอยู่บนพื้นในห้องนั่งเล่น
Knight ได้ห้อยผิวหนังที่ถูกถลกออกมาของ John ไว้ที่ตะขอขนาดใหญ่ตรงประตูทางเข้า ส่วนหัวของเขาถูกต้มอยู่ในหม้อ และเนื้อบางส่วนจากบั้นท้ายของเขาก็ถูกนำมาทอดในกระทะพร้อมกับผักและราดน้ำเกรวี่ ทั้งหมดนี้ถูกจัดไว้ในจาน 2 ใบพร้อมกับป้ายชื่อที่แสดงว่า เมนูสุดสยองนี้เตรียมไว้ให้กับลูกชาย 2 คนของ John
Katherine Knight ถูกตัดสินว่าผิดจริง และได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต
Russell Williams ขโมยชุดชั้นในผู้หญิงและบันทึกเทปการฆาตกรรม
ที่มาภาพ digitaljournal
Russell Williams เป็นพันเอกในกองกำลังของประเทศแคนาดา มีนิสัยโรคจิตชอบแอบเข้าไปในบ้านของเพื่อนหรือคนใกล้บ้านที่มีลูกสาวอายุน้อย ก่อนจะไปเอาชุดชั้นในเด็กสาวเหล่านั้นมาใส่เพื่อถ่ายรูปเก็บไว้ แล้วทำการสำเร็จความใคร่ทิ้งไว้ให้ดูรอบห้อง
เขาทำแม้กระทั่งพิมพ์ข้อความลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ของเด็กอายุ 12 ปีคนหนึ่งที่เขาบุกเข้าไปในห้อง เพื่อขอบคุณสำหรับห้องของเธอ
Williamsได้ทำการขโมยชุดชั้นในผู้หญิงกว่า 80 ครั้ง เขามักจะแอบบุกเข้าไปในบ้านทั้งๆ ที่เจ้าของบ้านยังอยู่และไม่ทันรู้ตัว อีกทั้งเขายังเก็บและจัดเรียงรูปถ่ายทั้งหมด (เป็นภาพของเขาในชุดชั้นในผู้หญิง) ไว้เป็นอย่างดีในห้องใต้ดินที่บ้าน
ที่มาภาพ murderpedia
ตอนนั้นเอง ที่ Williams ตัดสินใจยกระดับตัวเองจากคนโรคจิตชอบขโมยชุดชั้นในธรรมดาๆ ไปเป็นการลักพาตัวและฆาตกรรม เขาบุกเข้าไปในบ้านของผู้หญิง 2 คน มัดพวกเธอไว้แล้วบังคับให้โพสท่าถ่ายรูปสำหรับเก็บไว้ในคอลเลคชันของเขา หลังจากนั้น เขาก็บุกเข้าไปในบ้านของสิบตรีหญิงคนนี้ที่เขาเคยเจอระหว่างทำงาน ก่อนจะทุบตีเธอด้วยไฟฉายและฆาตกรรมเธออย่างเหี้ยมโหด ที่น่ากลัวคือเขาถ่ายวิดีโอเหตุการณ์ทั้งหมดเอาไว้ด้วย
และสุดท้าย Williams ได้ลักพาตัวหญิงอีกคนหนึ่งและพาเธอไปยังกระท่อมที่เขาเป็นเจ้าของอยู่ เขาคุกคามเธออยู่ทั้งวันก่อนที่จะฆ่าเธอด้วยไฟฉายกระบอกเดียวกันกับก่อนหน้านี้ และอีกครั้งที่เขาถ่ายวิดีโอเหตุการณ์ฆาตกรรมยาวกว่า 4 ชั่วโมงเอาไว้ด้วย นอกจากนั้นเขายังถ่ายภาพเอาไว้และเก็บเสื้อผ้าบางชิ้นกลับไปด้วย จากเหตุการณ์นี้ทำให้เขาได้รับฉายาเป็น “ชาวแคนาดาที่น่ากลัวที่สุดในประวัติศาสตร์”
ยังโชคดีที่มีผู้สังเกตเห็น Williams แถวๆ บ้านเหยื่อรายสุดท้ายก่อนที่เธอจะหายตัวไป ทำให้ตำรวจสามารถตามจับตัวเขาได้โดยใช้การจับคู่รอยล้อรถและรอยรองเท้าของเขากับของที่พบในที่เกิดเหตุ เขาสารภาพผิดทุกอย่างและถูกตัดสินให้ถูกจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งเป็นที่ๆ ไม่นานมานี้เขาก็พยายามฆ่าตัวตายด้วยการกลืนม้วนกระดาษชำระเข้าไป ส่วนทางกองทัพแคนาดาก็ทำการถอดยศของเขาทั้งหมดและเผาชุดเครื่องแบบของเขาเสีย
Robert Pickton เศรษฐีฟาร์มหมูฆ่าคนให้หมูกิน
ที่มาภาพ health psychology consultancy
Robert Pickton เป็นเศรษฐีเจ้าของธุรกิจฟาร์มหมูใน British Columbia เขาได้ทำการฆาตกรรมโสเภณีจำนวนประมาณในช่วง 50 คน จากในพื้นที่แถบแวนคูเวอร์ ตัดร่างกายออกเป็นชิ้นๆ แล้วเอาให้หมูกิน
Pickton จะขับรถไปรอบๆ พื้นที่ๆ มีโสเภณีอยู่มากในแถบแวนคูเวอร์ หลอกล่อผู้หญิงเหล่านั้นกลับไปที่ฟาร์มของเขาโดยสัญญาว่าจะให้เงินและยาเสพติด หลังจากนั้นก็ฆ่าผู้หญิงเหล่านั้นอย่างโหดเหี้ยมก่อนจะแยกส่วนร่างกายของเป็นชิ้นๆ แล้วนำไปกำจัดด้วยวิธีแสนบรรเจิดของเขา
Pickton ไม่ได้เพียงนำชิ้นส่วนร่างกายไปเหยื่อไปเป็นอาหารให้กับหมูเท่านั้น เขายังเก็บส่วนของศีรษะ มือ และเท้าของเหยื่อบางคนไว้ในตู้เย็น ในขณะที่เหยื่อบางคนก็ถูกเอาไปบดในเครื่องสับไม้ จากการสืบสวนยังพบอีกว่า เป็นไปได้เกือบร้อยเปอร์เซนต์ที่เขาทิ้งชิ้นส่วนของเหยื่อบางคนลงไปปะปนกับชิ้นส่วนของหมูที่ไม่ได้ใช้ (เช่นเครื่องใน เลือด หรือกระดูก) แล้วนำไปขายให้กับโรงงานต่างๆ ทั่วแวนคูเวอร์เพื่อนำไปใช้ทำลิปสติก แชมพู หรือสบู่
ซึ่งในจุดนี้เอง ทำให้เขาไม่ได้น่ากลัวแค่เพราะเป็นฆาตกรต่อเนื่องเท่านั้น แต่ยังน่ากลัวตรงที่เขายังเอาความชั่วร้ายของเขาไปแจกจ่ายเสียทั่วให้กับคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อีกด้วย
ระหว่างนั้นเอง หน่วยตำรวจประจำแวนคูเวอร์ก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับผู้หญิงที่หายตัวไปสักนิด เนื่องจากผู้หญิงที่หายไปทั้งหมดนั้นเป็นคนติดยา และอาจจะร่อนเร่ออกจากเมืองไปเองหรือไม่ก็เสียชีวิตจากการเสพยาเกินขนาดไปแล้ว ถึงขนาดมีการไล่นักสืบที่เสนอว่า อาจจะมีฆาตกรต่อเนื่องอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม มีเหยื่อของ Pickton คนหนึ่งที่หนีออกมาได้ในสภาพที่เลือดท่วมตัวจากการถูกแทงหลายแผล แต่กลับไม่มีการแจ้งข้อหาอะไรให้เขา เนื่องจากในตอนนั้น Robert Pickton ได้ชื่อว่าเป็นเศรษฐีนั่นเอง
แต่ในที่สุด Pickton ก็ถูกนำตัวไปตัดสินโทษ เมื่อคนงานของเขาไปพบหลักฐานเข้าเต็มๆ ซึ่งนำไปสู่การสืบสวนอย่างเต็มรูปแบบ เขาได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต ในระหว่างนั้น ทางการแคนาดาก็ออกมาปลอบขวัญเหล่าประชาชนที่กำลังแตกตื่นว่าตัวเองอาจจะรับประทานหมูที่กินเนื้อคนเป็นอาหารเข้าไปโดยไม่รู้ตัว โดยการยืนยันว่า ปกติแล้วหมูที่ถูกนำมาทำอาหารก็จะได้รับการปรุงจนสุกอยู่แล้ว ทำให้โอกาสที่คนกินจะติดเชื้อจากฆาตกรหรือเหยื่อแทบจะไม่มีเหลือเลย อย่างไรก็ตาม คนฟังก็คงไม่ได้สบายใจขึ้นอยู่ดี
Nannie Doss วางยาคนในครอบครัว
ที่มาภาพ kqed
Nannie Doss เป็นคุณยายที่ชอบพิษสารหนูเป็นพิเศษ ด้วยเหตุนี้เธอจึงใช้มันในการวางยาสมาชิกในครอบครัวทุกคน ก่อนที่จะถูกจับได้และสารภาพเรื่องราวทั้งหมดอย่างสุภาพพร้อมกับหัวเราะคิกๆ คักๆ ไปด้วย ทำให้เธอได้รับฉายาว่า “คุณยายผู้หัวเราะ” (The Giggling Granny) ก่อนที่เธอที่ถูกจับได้นั้น เธอได้ทำการฆ่าแม่ของเธอ น้องสาว 2 คน ลูกสาว 2 คน ลูกของพี่น้อง หลานชาย และสามีอีก 4 คน อย่างไม่มีสาเหตุ
และสิ่งที่น่ากลัวเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือ การที่เธอได้ทำการฆ่าคนในครอบครัวมาอย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่มีใครจับได้เลย ถึงแม้ว่าสามีคนแรกของเธอ Charley จะเริ่มสงสัยเมื่อลูกสาว 2 คนของพวกเขาเสียชีวิตจากอาการอาหารเป็นพิษ แต่เขาก็หนีไปกับลูกสาวคนโตที่เหลือโดยไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร (เลยรอดตัวไปอย่างหวุดหวิด)
Doss แต่งงานใหม่และอยู่กับ Frank สามีคนที่ 2 เป็นเวลานานถึง 16 ปี ซึ่งระหว่างนี้เองเธอก็ฆ่าหลานชายที่เพิ่งเกิดโดยใช้ปิ่นแทงกะโหลกศีรษะ และฆ่าหลานชายที่โตแล้วอีกคนด้วยการวางยาพิษ ส่วน Frank ซึ่งเป็นพวกขี้เหล้า ต่อมาก็ถูกวางยาด้วยเช่นกัน
Doss แต่งงานใหม่อีก 3 หน และสามีทั้ง 3 คนก็เสียชีวิตอย่างลึกลับ เธอทำแม้กระทั่งฆ่าแม่สามีคนที่ 3 หลังจากฆ่าเขาสำเร็จ แล้วเผาบ้านทิ้ง ในระหว่างการแต่งงานครั้งที่ 4 และที่ 5 เธอย้ายเข้าไปอยู่กับน้องสาวที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง ซึ่งต่อมาเธอก็วางยาฆ่าน้องสาวอีกเช่นเคย และถึงจะมีคนรอบตัวเธอเสียชีวิตไปมากขนาดนี้ ก็ยังไม่มีใครสงสัยอยู่ดี
ในที่สุด กว่าเธอจะถูกจับได้ก็ถึงตอนที่เธอวางยาสามีคนที่ 5 ซึ่งผิดพลาดไปหน่อยเพราะเขาไม่เสียชีวิตทันทีแต่กลายเป็นป่วยหนักทำให้ต้องไปเข้าโรงพยาบาลอยู่ 3 อาทิตย์แทน ซึ่งหลังจากเขากลับมาบ้าน Doss ก็ไม่ยอมทำพลาดอีก เธอจึงวางยาเขาโดยสารหนูปริมาณพอที่จะฆ๋าคนได้ 20 คน ตอนนั้นเอง ที่แพทย์ของโรงพยายาลเกิดสงสัยขึ้นมา จึงสั่งให้มีการชันสูตรศพและทำให้รู้ในที่สุดว่า เขาตายเนื่องจากถูกวางยา
ตำรวจสอบสวน Doss ซึ่งเธอก็รับสารภาพในทันที โดยที่หัวเราะไปด้วยตลอดการสัมภาษณ์ในขณะที่ยอมรับว่าฆ่าคนในครอบครัวไปทั้งหมด 11 คน ถึงขนาดตอนที่เธอกำลังถูกส่งขึ้นรถไปเรือนจำเพื่อรับโทษจำคุกตลอดชีวิต เธอก็ยังยิ้มแย้มและบอกกับนักข่าวไปว่า ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรเลยกับผลที่ตามมา
ที่มา Cracked
ที่มาภาพประกอบ visualphotos
Credit http://www.everyday-readers.com