มาเริ่มด้วยอันดับที่ 10 ของการจัดอันดับ toptenthailand ได้แก่ “ตุ๊กแก” เหตุผลที่มันเป็นที่นิยมเลี้ยง ไม่ใช่อะไร เพราะมันขายได้แพงนะซิครับ ยิ่้งเป็นตุ๊กแกป่า ตัวใหญ่ๆ หนักๆ ยิ่งแพง เอาเป็นว่าตัวเดียวก็รวยได้ไปทั้งชาติ ก็คงไม่เกินความเป็นจริงเท่าไหร่ นานวันเข้าไปจับจนไม่เหลือให้จับ เลยเลี้ยงเองซะเลย ฮาฮา
มาต่อกันที่อันดับที่ 9 ของการจัดอันดับ toptenthailand โดยตัวที่ได้อยู่ในอันดับนี้ได้แก่ “หนูไม่มีขน ” หรือ Skinny pig จัดเป็นสัตว์ในตระกูล สัตว์ฟันแทะ (Rodent) ถูกเพาะพันธ์ขึ้น ที่ประเทศอเมริกา ซานดิเอโก แคริ ฟอร์เนีย เมื่อปี พ.ศ. 2537 โดยเกิดจากการผสม พันธ์ ระหว่างหนูแกสบี้พันธ์ Crest สี Golden Solid white เข้าด้วยกัน และเกิดการ กลายพันธ์ขึ้น คือ เมื่อแรกเกิดลูกหนูจะยังมีขนขึ้นตาม ตัวอยู่ แต่พอเริ่มโตขนขึ้นขนก็จะเริ่มร่วงลงไปจนกลายเป็น หนูไม่มีขน และได้มีการพัฒนาสายพันธ์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เพื่อให้ลูกหนูที่ออกมา มีขนน้อยทีสุด พี่กันชอบแบบนี้จริงๆ มันน่ารักตรงไหนฟะ
มาต่อกันที่อันดับที่ 8 ของการจัดอันดับ toptenthailand ได้แก่ “กิล่ามอนสเตอร์ ” มันเป็นกิ้งก่ามีพิษชนิดหนึ่ง พบในเขตทะเลทรายอริโซน่าทางตอนตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศสหรัฐอเมริกา กิล่ามอนสเตอร์มีความยาวถึงสองฟุต จัดเป็นกิ้งก่าขนาดใหญ่ที่สุดที่พบในประเทศสหรัฐอเมริกา ถึงจะมีพิษ แต่พิษนี้ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตต่อมนุษย์ กิล่ามอนสเตอร์เป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีการคุ้มครองโดยกฎหมาย ทั้งในท้องถิ่นคือกฎหมายมลรัฐอริโซน่า และในระดับประเทศคือกฎหมายประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศเม็กซิโก ส่วนในระดับนานาชาติกิล่ามอนสเตอร์เป็นสัตว์ในบัญชีหมายเลข ๒ ของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าใกล้สูญพันธุ์ (CITES) โดยห้ามส่งออกหรือนำเข้าโดยปราศจากใบอนุญาต ซึ่งรวมถึงประเทศไทย (อย่างว่านั้นแหละ ยิ่งแปลก ยิ่งแพง ยิ่งหายาก ยิ่งอยากเลี้ยงกันคนเรา)
มาถึงอันดับที่ 7 ของการจัดอันดับได้แก่ “เจอร์บัว ” ได้ฉายาว่าเป็น “มิกกี้เมาส์แห่งทะเลทราย” หน้าตาดูๆไปก็คล้ายกับหนูไมค์(Mice) ผสมจิงโจ้ แต่ตัวมันเล็กมากๆ ประมาณเหรียญ 10 บาท ถือได้ว่าเป็นสัตว์ที่เล็กที่สุดอีกชนิดหนึ่ง โดยอาศัยความชื้นในอาหารประทังชีวิตโดยที่มันไม่ต้องดื่มน้ำ และเนื่องด้วยความร้อนในระหว่างวันที่พวกมันอาศัยอยู่ตามทะเลทรายทำให้พวกมันต้องขุดทรายลงไปเป็นที่ซ่อนตัวหลบความร้อน และความหนาว พวกมันจึงต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพความแปรปรวนของภูมิอากาศในทะเลทราย ด้วยเพราะความน่ารักเหมือนจิงโจ้ละมั้งครับทำให้มันฮิตในหมู่คนรักสัตว์อย่างรวดเร็ว
มาถึงอันดับที่ 6 ของการจัดอันดับ อกอีแป้นจะแตก จะเลี้ยงกันทำใมก็ไม่รู้ “สกั๊งค์” ดันมาเข้าอันดับกับเขาด้วย “จอมเหม็น” ไม่รู้ว่าคนเราไปพิศวาศได้ยังไงด้วยกลิ่น(ตอนตด) เหม็นเหมือนยางไหม้ ทั้งแสบ ทั้งฉุน เล่นเอาหัวปั่น แต่มองๆไปมันก็น่ารักไม่หยอกนะครับ เสียอย่างเดียว “ตด’ มันเนี่ยแหละครับ
มาถึงครึ่งทางของการจัดอันดับ toptenthailand แล้วนะครับ ได้แก่ “กิ้งก่าบิน” มีคนเลี้ยงอยู่ไม่มากนักหรอกครับ เพราะมันทั้งเลี้ยงยาก และก็หายาก รวมไปถึง มันผิดกฏหมายนั้นแหละครับ เพราะมันเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ถ้าใครอยากได้ก็คงราคาแพง เอาเป็นว่าทีมงาน toptenthailand ไม่แนะนำให้หามาเลี้ยงแล้วกันครับ (คนเราก็แปลกยิ่งแพง ยิ่งหายาก แถมผิดกฏหมายแต่ก็อยากจะหามาเลี้ยงให้ได้)
มาถึงอันดับที่ 4 ของการจัดอันดับ toptenthailand ได้แก่ “กิ้งกือแอฟริกันดำ ” (Giant African Black Millipede) เป็นกิ้งกือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก กิ้งกือแอฟริกันดำ มีขา 256 ขา ความยาวเฉลี่ยประมาณ 16 – 28 ซม. ตอนนี้ กลายมาเป็นสัตว์เลี้ยง ของคนที่ชอบของแปลกเป็นอย่างยิ่ง (สยอง)
มาถึงอันดับที่ 3 ของการจัดอันดับ toptenthailand นั้นก็คือ เจ้า “กุ้งโบราณ” หรือ Triops ถูกจัดว่าเป็นสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์หรือ living fossils มีชีวิตอยู่มาตั้งแต่สมัย “ไทรแอสซิก” เลยทีเดียวครับ Triops เป็นสัตว์ที่สามารถปรับตัวได้อย่าง สุดยอด จนมีชีวิตรอดมาจนถึงปัจจุบัน แหล่งอาศัยอยู่ในน้ำ เป็นบรรพบุรุษของกุ้งในปัจจุบัน มีอายุขัยสั้นเพียงแค่ 2-3 เดือน พวกจึงมันสามารถแพร่พันธุ์ได้เร็ว อายุเพียงไม่ถึง 1 เดือน ก็สามารถผสมพันธุ์และออกไข่ รอการฝักตัวได้แล้ว สัตว์ 3 ตาสมัยไดโนเสาร์ มีขายมากมายในต่างประเทศ โดยจัดอยู่ในหมวดสัตว์เลี้ยง ในไทยก็มีคนนำเข้ามาขายแล้ว แต่ยังไม่มากนัก มีราคาประมาณ 500 บาท โดยจะขายเป็นเซ็ตสำหรับเลี้ยง มีถุงบรรจุไข่ของTriops,ตัวปรับสภาพน้ำ,อาหารผงที่ทำขึ้นเป็นพิเศษ (เหมือนของเล่นเลยวุ้ย)
จริงๆไม่ผมไม่อยากให้มาถึงอันดับที่ 2 นี้เลยให้ดิ้นตายซิครับ เพราะมันคือ “แมลงสาบสายพันธุ์อเมริกา” ขึ้นชื่อว่าแมลงสาปผมว่าน่า”แขยง” เป็นที่สุด ส่วนใหญ่ลูกค้าที่เข้ามาซื้อหาไปเลี้ยงกันมักจะเป็นสาววัยรุ่น ไม่เกิน 20 ปี ที่ให้เหตุผลที่ซื้อไปเลี้ยงดูเล่นนั้น เนื่องจากเห็นว่ามันแปลกดี (สงสัยที่เมืองฉงชิ่งไม่มีแมลงสาบ ?) มันเลี้ยงง่าย กินแต่ผัก ไม่กินเนื้อ แต่ที่ชอบใจก็คือ เวลาที่มันไต่ไปตามมือตามแขนแล้วให้ความรู้สึกจั๊กกะจี้ดี (จะอ้วก) ทีมงาน toptenthailand ว่าอย่าไปเสาะหามาเลี้ยงเลยครับ แค่เห็นก็จะอ้วกแล้ว แถมแมลงสาปยังเป็นพาหะนำโรคหลายๆอย่างอีกด้วย เอาเป็นว่าอย่าเลี้ยงเลยครับ ประเดี้ยวจะหลุดไปสร้างความปั่นป่วนให้ระบบนิเวศของเรา
มาถึงอันดับสุดยอดของการจัดอันดับ toptenthailand ได้แก่ “จิ้งเหลนจระเข้ ” มันมีถิ่นกำเนิดของมันอยู่ ที่ ปาปัวนิวกินี ประเทศอินโดนีเซีย พวกนี้เป็นสัตว์ที่ ออกหากินพวกจิ้งหรีดแมลงเล็กๆ หนอนตามใต้กองใบไม้หลังตะวันตกดิน ส่วนกลางวันจะหลบตามซอกหลืบ ใบไม้ชื้นๆ ริมธารน้ำตก หากรับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ก็อาจใช้ตู้ปลาขนาดใหญ่แล้วจัดระบบนิเวศน์ภายในให้เหมือนธรรมชาติได้มากที่สุด มีกองใบไม้ ถาดน้ำแช่บ้างเพราะพวกนี้จะชอบที่ชื้นๆ เจ้าตัวเล็กจิ๋วมีขนาดลำตัววัดรอบได้ประมาณ 3 นิ้ว จากโคน หางถึงปลายยาว 2 นิ้ว สีสันโทนน้ำตาล โครงสร้าง หัวลักษณะ 3 เหลี่ยมคล้ายกะโหลก ตาดำ ตัวผู้จะมีสีส้ม หรือแดงรอบขอบตา เพื่อใช้หลอกศัตรู ตั้งแต่ช่วง คอด้านหลังมีเกล็ดบนหลังเป็นแนวยาว 4 แถว ไปจนสุดปลายหางซึ่งดู คล้ายจระเข้ ผิวหนังตามตัวลักษณะเป็นหนามแต่ไม่แข็ง เรียงเป็นระเบียบ และ บริเวณโคนถึงปลายหางลักษณะเป็นเกล็ดคล้ายจระเข้ ขาทั้งสี่มี 5 นิ้ว เล็บแหลม กิ้งก่าจระเข้ สัตว์แปลกชนิดนี้ พออายุได้ประมาณ 8 เดือน จะ เริ่มจับคู่ผสมพันธุ์ พวกมันจะไม่ยอมให้ตัวอื่นเป็น “ส่วนเกิน” เข้าใกล้ หลังจบ “ภารกิจ” ก็จะแยกย้ายจากกันอย่าง “หมดเยื่อไม่เหลือใย”