6 สุดยอดวัยรุ่น สำเร็จการศึกษาในต่างประเทศ

ก่อนหน้านี้ teen.mthai ได้เคยนำเสนอเรื่องราวของ เด็กวัยรุ่นที่มีอัฉจริยะ ไปแล้ว ไม่ว่าจะของประเทศไทยหรือต่างประเทศ วันนี้ก็เช่นเดียวกันคะ แต่เป็น 6 สุดยอดวัยรุ่น สำเร็จการศึกษาในต่างประเทศ ที่ทุกคนนั้นล้วนอายุน้อยๆ บางคนยังไม่บรรลุนิติภาวะเลยด้วยซ้ำ เราลองไปดูกันซิว่า 6 สุดยอดวัยรุ่น นี้เขาเรียนด้านไหนกันบ้าง ..

6 สุดยอดวัยรุ่น สำเร็จการศึกษาในต่างประเทศ

1. ผู้พิชิตการสอบทนายของอังกฤษสำเร็จ ที่อายุน้อยที่สุด

คงจะไม่ผิดหากเราจะบอกว่า เกเบรียล เทิร์นเควสต์ (Gabrielle Turnquest) เด็กสาวจากฟลอริด้า สหรัฐฯ เป็นหนึ่งในบุคคลอัจฉริยะอย่างร้ายกาจ เพราะเธอจบการศึกษาจากคณะจิตวิทยา มหาวิทยาลัยลิเบอร์ตี้ ( Liberty University) ของรัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐฯ ด้วยวัยเพียง 16 ปี ก่อนจะบินไปเรียนต่อทางด้านกฎหมายที่ประเทศอังกฤษ จนกระทั่งในอีก 2 ปีต่อมา ขณะที่เธอมีอายุ 18 ปี เกเบรียล ก็กลายมาเป็นบุคคลที่ผ่านการสอบทนายของอังกฤษมาได้ด้วยอายุที่น้อยที่สุด และในตอนนี้ เกเบรียล ก็ได้กลายมาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายแฟชั่นแล้ว

2. เด็กน้อยที่้เข้าเรียนแพทย์ตั้งแต่ยังไม่เข้าสู่ช่วงวัยรุ่น

ในวัยเด็ก โช ยาโน (Sho Yano) อัจฉริยะจากพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน สหรัฐฯ เล่นเปียโนในบทเพลงของโชแปงได้ด้วยวัยเพียง 3 ขวบ และสามารถแต่งทำนองเพลงได้เอง ในตอนที่เขามีอายุได้ 8 ขวบ โชก็สามารถทำสถิติการสอบ SAT ได้ 1,500 คะแนน จากคะแนนเต็ม 1,600 คะแนน ก่อนจะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยโลโยลา ของรัฐชิคาโกในปีถัดมา และสามารถจบการศึกษามาด้วยคะแนนเกียรตินิยมภายใน 3 ปีเท่านั้น

จากนั้นต่อมา ใน พ.ศ. 2546 โช ก็ได้ก้าวเข้ามาเป็นนักเรียนแพทย์ที่อายุน้อยที่สุดของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยชิคาโก และกลายมาเป็นนายแพทย์ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชิคาโก ด้วยวัยเพียง 21 ปี

3. วัยรุ่นผู้ปูทางไปสู่การใช้พลังงานนิวเคลียร์อย่างปลอดภัย

ขณะที่พลังงานนิวเคลียร์กลายมาเป็นพลังงานทางเลือกที่จะช่วยปลดปล่อยสหรัฐฯ จากการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล แต่ก็เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า พลังงานนิวเคลียร์นั้นได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสิ่งแวดล้อมของโลก และด้วยเหตุนี้เทย์เลอน์ วิลสัน (Taylor Wilson) วัย 19 ปี ได้ออกแบบเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณูแบบแยกส่วนขึ้น ซึ่งนอกจากจะมีขนาดเล็กกว่า และมีค่าใช้จ่ายระหว่างการทำงานต่ำกว่าแล้ว ยังปลอดภัยกว่าด้วย ซึ่งเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณู ของเทน์เลอน์นั้นสามารถประหยัดพลังงานได้ถึง 15 เปอร์เซ็นต์ของเครื่องปฏิกรณ์ที่ใช้อยู่ในทุกวันนี้ โดยจะต้องมีการเติมเชื้อเพลิงทุก ๆ 30 ปี แทนการเติมทุก ๆ 18 เดือน อย่างในเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณูที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน

ทั้งนี้ เทย์เลอน์ เผยว่า ผลงานการออกแบบของเขา จะไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแม้แต่น้อย เพราะมันเป็นการนำพลังงานที่เหมาะสมมาใช้เพื่อพัฒนาโลก และพลังงานจรวดเพื่อสำรวจอวกาศ ซึ่งอาจกลายมาเป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าที่ปราศจากคาร์บอนก็ได้

4. ทนายความที่อายุน้อยที่สุดในสหรัฐฯ

ด้วยความชื่นชอบทางด้านกฎหมาย ทำให้ สตีเฟน บาคคัส (Stephen Baccus) ซึ่งจบการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ในระดับมหาวิทยาลัยในวัยเพียง 14 ปี ตัดสินใจเข้าร่วมการสอบทนายของรัฐฟลอริด้า สหรัฐฯ ในปี พ.ศ. 2529 ขณะที่เขามีอายุได้ 17 ปีซึ่งเขาก็ผ่านการสอบแสนยากนั้นมาได้อย่างงดงาม ทว่าโชคร้ายที่ใบอนุญาตของเขาถูกศาลฎีกาของรัฐฟลอริด้าสั่งระงับไว้ เนื่องจากตามกฎหมาย พวกเขาจะอนุมัติใบอนุญาตนั้นได้ก็ต่อเมื่อผู้ได้รับใบอนุญาตมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ต่อมา สตีเฟน ก็ได้กลายมาเป็นทนายความที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกันยุคใหม่ และได้เริ่มเปิดบริษัททนายความเป็นของตัวเอง ทว่าในปี 7 ปีต่อมา สตีเฟนก็มุ่งหน้าไปหาความท้าทายใหม่ และกลายมาเป็นอัจฉริยะที่สามารถจบกาศึกษาระดับปริญญาเอกด้านประสาทวิทยา จากมหาวิทยาลัยไมอามี่ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2542 ซึ่งสตีเฟนได้เผยว่า หากเขามีเงินเป็นแรงจูงใจในชีวิต เขาอาจเลือกวางแผนเส้นทางอาชีพที่ต่างออกไป แต่สำหรับเขา เขาสนใจที่จะทำในสิ่งที่เขาคิดว่าน่าสนใจเท่านั้น

5. ผู้ชนะรางวัล MacArthur Fellowship ที่อายุน้อยที่สุด

ในปี พ.ศ. 2527 เดวิด สจ๊วต (David Stuart) วัย 22 ปี ต้องตกตะลึงอย่างมากเมื่อเขาได้รับแจ้งจากคณะกรรมการผู้ตัดสินรางวัล MacArthur ว่าเขาเป็น 1 ในผู้ที่ได้รับคัดเลือกให้ได้รับรางวัล MacArthur ซึ่งจะมอบให้ชาวอเมริกันเพียง 20-40 คน ในช่วงวัยใดก็ได้ และทำงานในสาขาอาชีพใดก็ได้ ที่สามารถแสดงให้เห็นถึงความคิดริเริ่มสุดพิเศษและมุ่งอุทิศตนเพื่อการแสวงหาความคิดสร้างสรรค์ และนั่นก็ทำให้เขากลายมาเป็นผู้รับรางวัลที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของมูลนิธิ

อย่างไรก็ตาม เมื่อลองย้อนกลับไปดูผลงานที่ผ่านมาของเขา เราคงแทบไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเดวิดถึงได้รับเลือกให้เป็นผู้ชนะรางวัล MacArthur อันทรงเกียรตินี้ เพราะชายคนนี้เริ่มศึกษางานเขียนโบราณตั้งแต่ตอนอายุ 3 ขวบ จนกระทั่งตอนที่เขาอายุ 14 ปี ก็ได้ตีพิมพ์งานเขียนชิ้นแรกในชื่อ”Some Thoughts on Certain Occurrences of the T565 Glyph Element at Palenque” ก่อนที่เขาจะกลายมาเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านโบราณคดีมายันด้วยวัยเพียง 18 ปีเท่านั้น

นอกจากนี้ งานเขียนของเดวิดอีก 2 ชิ้น ก็ยังได้รับการตีพิมพ์ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะเรียนจบชั้นมัธยมปลาย พร้อม ๆ กับที่เดวิดได้รับการยอมรับในฐานะนักศึกษาชั้นปีที่ 3 ในการศึกษายุคพรี โคลัมเบียน หรือยุคก่อนที่โคลัมบัสจะค้นพบอเมริกา ในมหาวิทยาลัยวอชิงตัน และสาขาการวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด จนกระทั่งเขาได้รับราววัล MacArthur ในที่สุด

6. วัยรุ่นมหัศจรรย์ผู้ต่อสู้กับโรคมะเร็งตับอ่อน

จากความสูญเสียในวัยเยาว์เมื่อญาติผู้ใกล้ชิดได้จากไปด้วยโรคมะเร็งตับอ่อน ซึ่งเป็นโรคที่มักจะถูกตรวจพบเมื่อผู้ป่วยอยู่ในระยะลุกลามจนสายเกินกว่าจะช่วยเหลือผู้ป่วยได้แล้วนั้น ทำให้ แจ๊ค แอนดราก้า (Jack Andraka) ตัดสินใจอุทิศชีวิตของเขาในการคิดค้นอุปกรณ์เพื่อตรวจหาโรคมะเร็งตับอ่อนที่จะสามารถพบโรคได้ตั้งแต่ระยะต้น ๆ ในช่วงที่ผู้ป่วยยังมีความหวังในการรักษา และอาจหายขาดจากโรค

จนกระทั่งในที่สุด แจ๊ค ในวัยเพียง 15 ปี ก็สามารถชนะรางวัลสูงสุดจากงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมนานาชาติของอินเทล ด้วยผลงานเซ็นเซอร์ตรวจมะเร็งตับอ่อน ซึ่งนอกจากจะได้ผลที่แม่นยำถึง 90% และ ไวต่อสิ่งตรวจจับขึ้น 400 เท่า เมื่อเทียบกับการตรวจจับมะเร็งตับอ่อนแบบมาตรฐานที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันแล้ว ยังมีราคาถูกลงถึง 26,000 เท่า เพราะเซ็นเซอร์ตรวจมะเร็งตับอ่อนของแจ๊คที่มีลักษณะเป็นกระดาษแผ่นบาง ๆ นี้ มีค่าใช้จ่ายในการตรวจโรคแต่ละครั้งเพียง 1 บาท เท่านั้น

และใครจะเชื่อว่าสิ่งประดิษฐ์อันยอดเยี่ยมของแจ๊ค จะเกิดขึ้นจากการค้นคว้าตามนิตยสารออนไลน์และจากค้นหาในเว็บไซต์กูเกิ้ล ก่อนที่เขาจะร่างแผนเสนองานวิจัยเพื่อ พัฒนาสิ่งประดิษฐ์ของเขา รวมทั้งงบประมาณและระยะเวลา ส่งไปยังแล็บในมหาวิทยาลัย 200 แห่ง ซึ่งมีเพียง ดร.อนิบาน ไมทรา จากโรงเรียนแพทย์ จอห์น ฮ็อพกินส์ เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ตอบรับคำขอใช้สถานที่ของแจ๊ค ซึ่งเขาก็ได้ทุ่มเวลาในช่วงหลังเลิกเรียน และทุก ๆ วันหยุดของเขาเพื่อค้นคว้าอุปกรณ์ชิ้นนี้

ในที่สุด แจ๊คก็ได้ประสบความสำเร็จในการคิดค้นเซ็นเซอร์ตรวจมะเร็งตับอ่อน ที่สามารถตรวจหาโปรตีนเมโซธีลินด้วยการหยดเลือดหรือปัสสาวะเพียงหยดเดียวลงไปบนกระดาษ และใช้เวลาเพียง 5 นาทีเท่านั้น ซึ่งจากนี้แจ๊คยังมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ของเขาต่อไป

ขอบคุณที่มา kapook.com, เฟซบุ๊ก UniversityOfLaw , chronicle.augusta.com ,socialwhitepages.ca , stanford.edu ,wamc.org ,chefuturo.it

Credit: http://teen.mthai.com/variety/65132.html
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...