“วิธีการรักษาสุดโหด” ในสมัยอดีต
สมัยก่อนมีวิธีการรักษาแบบสุดโหดมากมายแบบที่คน ในสมัยนี้คงไม่มีใครยอมทำด้วย ในบทความนี้ลองเอาตัวอย่างของวิธีการรักษาแบบแปลกๆ เหล่านั้นมาให้ลองดูกัน
ใน ช่วงยุคศตวรรษที่ 19 มีการขายยาน้ำสำหรับกล่อมเด็กเพื่อเหล่าแม่ๆ ในยุคนั้นที่ชีวิตแต่ละวันมีแต่เรื่องวุ่นวายและความเครียดเกินกว่าจะรับมือ ลูกๆ ที่เอาแต่ร้องไห้งอแงได้ ยาน้ำที่ขายดีมากอย่างยี่ห้อ Mrs. Winslow’s Soothing Syrup ที่มีสรรพคุณอยู่ว่า เพียงให้เด็กๆ กินยาน้ำนี้ก่อนนอน เด็กก็จะหลับสบายไม่ร้องกวนตลอดคืน แน่ละ ก็เพราะยาน้ำนี้มีส่วนประกอบของมอร์ฟีนบริสุทธิ์ถึง 65 มิลลิกรัม ที่ไม่แค่มีผลกับเด็กเท่านั้น แต่ถึงเป็นผู้ใหญ่ตัวโตๆ กินเข้าไปก็คงหลับเป็นตาย
ในยุคนั้นเรายังไม่มีความรู้เกี่ยวกับ เรื่องสารเคมีต่างๆ ดีนัก ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารอันตรายมากมาย อย่างเช่นยาน้ำนี้ก็มีการขายกันมาจนกระทั่งถึงปี ค.ศ.1910 เมื่อหนังสือพิมพ์ New York Times ได้ตีพิมพ์บทความที่ชี้ว่า สารที่มีอยู่ในยาน้ำเหล่านี้อาจส่งให้เกิดผลร้ายกับเด็กในระยะยาวได้ และนอกจากมอร์ฟีนแล้ว ยังมีส่วนประกอบของคลอโรฟอร์ม เฮโรอีน ผงฝื่น กัญชา และสารเสพติดอื่นๆ อีกหลายชนิด
อย่าง ไรก็ตาม ก่อนที่จะมีการสั่งห้าม ยาแบบนี้ก็ขายดีมาก แต่ก็เป็นสาเหตุให้เด็กบางคนเวลาที่หายเมากลับมีพฤติกรรมก้าวร้าวหนักกว่า เก่า หรือถ้าอาการหนักๆ บางคนก็เสียชีวิตไปเลย นอกจากยาน้ำแบบนี้แล้ววิธีการกำหราบเด็กเกเรในสมัยก่อนก็มีการใช้เฮโรอีนและ โคเคนด้วยเหมือนกัน
ปรอท น่าจะเรียกได้ว่าเป็นสสารที่สวยงาม ด้วยความที่มันดูเหมือนเป็นโลหะแต่แท้จริงแล้วเป็นของเหลวทำให้มนุษย์รู้สึก ทึ่งและหลงไหลกับปรอทมาตั้งแต่ยุคโบราณแล้ว (มีหลักฐานด้วยว่ามนุษย์มีการใช้ปรอทมาตั้งแต่ก่อนคริสตศักราช) จึงไม่น่าแปลกใจที่เมื่อก่อนคนเชื่อกันว่า ปรอทเป็นยาวิเศษที่รักษาได้เกือบทุกโรค และหมอในสมัยก่อนก็ใช้ปรอทในการรักษาคนไข้มาเป็นเวลานับร้อยๆ ปี
แต่ ปัจจุบันนี้เราก็รู้ๆ กันอยู่ว่าปรอทเป็นสารพิษอันตรายร้ายแรง และถ้ารับเข้าไปก็จะทำให้เกิดอาการพิษจากปรอทเช่น เจ็บหน้าอก หัวใจและปอดทำงานผิดปกติ กล้ามเนื้อกระตุก เห็นภาพหลอน และเสียชีวิตได้ น่าแปลกที่สมัยนั้นคนก็ยังคงใช้ปรอทในการรักษาอยู่ดีทั้งๆ ที่ใครได้รับเข้าไปก็พากันเสียชีวิตทั้งนั้น แต่คนก็พากันโทษว่าการเสียชีวิตมาจากสาเหตุอื่นที่ไม่เกี่ยวกับปรอทเลยสัก นิด
ช่วง ยุคหลังๆ ปรอทถูกนำมาใช้เพื่อรักษาโรคซิฟิลิส ซึ่งก็อาจจะนับได้ว่าได้ผลเพราะใครที่รักษาด้วยวิธีนี้ส่วนมากก็จะเสียชีวิต ไปแทน แม้แต่ Mozart นักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่ก็เชื่อกันว่าเสียชีวิตจากพิษปรอทที่ใช้ในการรักษาโรค ซิฟิลิสนี่เอง
การ ปล่อยเลือด (Bloodletting) เป็นวิธีการรักษาโรคที่เก่าแก่ที่สุดที่เคยมีมาย้อนไปตั้งแต่สมัยก่อนคริสต ศักราช วิธีการก็คือ ทำให้ผู้ป่วยเสียเลือดด้วยการทำให้เกิดบาดแผล เพราะเชื่อกันว่าถ้าอยากให้มีสุขภาพดีต้องทำการถ่ายเลือดออกมาบ้างเพื่อให้ ร่างกายสมดุล ดังนั้นการปล่อยเลือดนี้ใช้เพื่อรักษาโรคแทบทุกชนิด
การ รักษาแบบนี้มีมาจนถึงช่วงศตวรรษที่ 19 George Washington ประธานาธิบดีคนแรกของประเทศสหรัฐอเมริกาก็รักษาอาการเจ็บคอด้วยวิธีนี้ และเชื่อกันว่าเพราะการรักษาแบบนี้เองที่ทำให้เขาเสียชีวิตลง
ใน ช่วงปลายยุคศตวรรษที่ 19 ช่วงที่ผู้คนกำลังเห่อเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าทั้งหลาย จึงไม่แปลกที่จะมีการนำเอาไฟฟ้ามาใช้ในการรักษาด้วย
เข็มขัดช็อต ไฟฟ้าเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ช่วยรักษาสุดแปลกที่อ้างว่า สามารถช่วยรักษาอาการเสื่อมสมรรถภาพของท่านชายได้ด้วยการส่งกระแสไฟฟ้าไปยัง “น้องชาย” เพื่อปลุกให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง (เหมือนกับสัตว์ประหลาดแฟรงเกนสไตน์)
เข็มขัด ไฟฟ้านี้ถูกวางจำหน่ายมากมายหลายยี่ห้อ สื่อให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์นี้น่าจะขายดีจริงๆ น่าแปลกว่าคนซื้อไม่สงสัยหรืออย่างไรว่าการช็อตน้องชายแบบนี้ไม่น่าจะเป็น ความคิดที่ดีเท่าไหร่
ที่มา : http://www.everyday-readers.com/blog/articles/cruel-medical-practices-in-history/