10 อันดับสถานที่แปลก ๆ ที่ไม่คิดว่ามีในโลก

 

 

 

 

 

"10 อันดับสถานที่แปลก ๆ ที่ไม่คิดว่ามีในโลก " ใครชอบเที่ยวพลาดไม่ได้ครับ

 


10. ทะเลทรายแบล็ค ร็อค ( Black Rock Desert ) ที่รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา

ทะเลทรายแบล็คร็อค คือ ก้นทะเลสาบที่แห้งสนิท ครั้งหนึ่ง ดินแดนแถบนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของทะเลสาบในยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่มีชื่อว่า "Lahontan" ซึ่งปรากฏอยู่ในสมัย 18,000-7,000 พันปีก่อนคริสตกาล ในช่วงที่ทะเลสาบโบราณแห่งนี้มีระดับน้ำสูงสุด (เมื่อประมาณ 12,700 ปีก่อน) ทะเลทรายแบล็คร็อคเคยอยู่ใต้ น้ำที่มีความลึกถึง 150 เมตรเลยทีเดียว

 

 





9. ทะเลสาบสปอท เลค ( Spotted Lake ) - ประเทศแคนาดา

"สปอท เลค" ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่มีแร่ธาตุชนิดต่างๆ อาทิ แมกนีเซียม ซัลเฟต, แคลเซียม และโซเดียม ซัลเฟต ในปริมาณเข้มข้นมากที่สุดในโลก แต่น่าเสียดายที่ ทะเลสาบแห่งนี้อยู่ในที่ดินของเอกชน นักท่องเที่ยวจึงทำได้แค่มองจากราวรั้วกั้นริมถนนเท่านั้น (ส่วนที่เป็นจุดๆ คือน้ำ นอกนั้นเป็นส่วนของแร่ธาตุนานาชนิด ที่สามารถลงไปเดินสำรวจได้)

 

 





8. ธารน้ำแข็ง Taylor ใน McMurdo Dry Valleys ที่แอนตาร์คติกา (ขั้วโลกใต้)

ธารน้ำแข็ง อันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ มีพื้นที่ส่วนหนึ่งที่โดดเด่นเป็นสีแดงส้ม ตัดกับน้ำแข็งส่วนอื่นๆ ซึ่งมีสีขาวโพลน เนื่องจากพื้นที่แถบนั้นเต็มไป ด้วยออกไซด์ของเหล็ก (iron oxide) ซึ่งก็คือ "สนิม" นั่นเอง ด้วยเหตุนี้บริเวณดังกล่าวจึงได้ รับการขนานนามตามลักษณะทางกายภาพว่า "น้ำตกเลือด" ( Blood Falls )

 

 





7. ป่าหิน ( Stone Forest ) เมืองคุนหมิง มลฑลยูนาน ประเทศจีน

อุทยานป่า หิน ( Shilin National Park ) ในเมืองคุนหมิง จัดเป็นป่าหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมี พื้นที่มากถึง 350 ตารางกิโลเมตร แต่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเพียง 12 ตาราง กิโลเมตรเท่านั้น เดิมทีหินปูนเหล่านี้อยู่ใต้ ผิวโลก แต่ภายหลังได้ถูกดันขึ้นมาในลักษณะเดียวกับหินงอก เชื่อกันว่าป่าหินแห่งนี้มีอายุราว 270 ล้าน ปีเลยทีเดียว

 

 

6. ทะเลเกลือ (salt flats) ที่ Salar de Uyuni ประเทศ โบลิเวีย

จริงๆ แล้วที่ราบเกลือหรือทะเลเกลือลักษณะนี้มีอยู่หลายแห่งด้วยกัน แต่ทะเลเกลือที่ Salar de Uyuni ของ ประเทศโบลิเวียนั้น มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมี อาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลมากถึง 10,582 ตารางกิโลเมตร

 

 

 

5. Giant's Causeway ที่ไอร์แลนด์เหนือ

Giant's Causeway เป็นชายฝั่งที่เกิดจากการเย็นตัวของหินภูเขาไฟเมื่อประมาณ 50,000 ถึง 60,000 ปีที่ผ่านมา ก่อให้เกิดหินรูปหกเหลี่ยมและหินแท่งสี่เหลี่ยมกว่า 40,000 แท่ง องค์การยูเนสโกได้ขึ้น ทะเบียน Giant´s Causeway เป็นมรดกโลกทาง ธรรมชาติมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1986 (พ.ศ. 2529)

 

 

4. บ่อน้ำพุร้อนสีเลือด (Blood Pond Hot Spring) ที่เบปปุ ประเทศญี่ปุ่น

น้ำพุร้อนสี เลือด (Chinoike Jigoku) เป็นหนึ่งในบ่อน้ำพุร้อน ชื่อดังของเมืองเบปปุ ในจังหวัดโออิตะ บนเกาะคิวชู สาเหตุที่น้ำพุมีสีเลือดเนื่องจากมีธาตุเหล็กอยู่ในปริมาณมากนั่น เอง

 

 

3. หินรูปทรงประหลาด ในทะเลทรายขาว ( White Desert ) ประเทศอียิปต์ 

ทะเลทราย แห่งนี้ตั้งอยู่ใน Farafra Oasis มีลักษณะเป็นสีขาว และครีม ประกอบด้วยกลุ่มหินชอล์ครูปทรงประหลาด ขนาดใหญ่มากมาย อันเป็นผลงานของพายุทรายที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว

 

 

2.Tessellated Pavement บน เกาะแทสเมเนีย (รัฐหนึ่งในประเทศออสเตรเลีย)

นี่คือภาพ ลานหินตะกอนบริเวณชายฝั่งที่ Eaglehawk Neck บนเกาะแทสมาเนีย ซึ่งถ้าหากมองเผินๆ จะแลดูคล้ายมีใครนำแผ่นกระเบื้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่มาวางเรียงรายริมทะเล (บริเวณขอบสี่เหลี่ยมที่เราเห็นเป็นแนวเส้นตรงนั้น เกิดจากแรงตึงเครียดของผิวโลก ผนวกกับการกัดเซาะอย่างต่อเนื่องของคลื่นและแรงเสียดสีของทราย)

 

1. เดอะเวฟ (The Wave) ที่รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา

เดอะเวฟ" คือ ภูเขาหินทรายที่ฟอร์มตัวในลักษณะคล้ายคลื่นลาดชัน เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 190 ล้านปีก่อนหรือในยุคจูราสสิก เนื่อง จากพื้นที่แถบนี้มีความเปราะบางมาก ทางการจึงจำกัดให้เข้าชมได้เพียงวันละไม่เกิน 20 คน และต้องเดินเท้าเข้าไปเกือบ 5 ก.ม. จึงจะถึงดินแดนมหัศจรรย์แห่งนี้

ที่มา : TOPTENTHAILAND.Com

Credit: http://board.postjung.com/724193.html
2 ธ.ค. 56 เวลา 16:50 2,331 1 80
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...