ใจความว่า
เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ตรงจากเจ้าของกระทู้เอง เรื่องเกิดขึ้นเมื่อวาน ณ ศูนย์การค้าแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก
เริ่ม เรื่องเลยนะ...ผมมีโทรศัพท์มือถือที่ใช้อยู่ 2 เครื่อง เครื่องแรก iPhone Classic ได้มาปี 2008 ถึงปัจจุบัน และอีกเครื่อง BB Bold 9780 ได้มาปี 2011 ถึงปัจจุบัน BB ของผมเกิดอาการขึ้น App Error จึงลองแก้ไขเบื้องตนด้วนตนเองแต่ไม่ผ่านจึงตัดสินใจจะไปซ่อมที่ศูนย์บริการ แห่งหนึง เพราะซื้อเครื่องศูนย์มา แม้จะหมดประกันไปแล้วก็ไม่ซีเรียส ยอมเสียเงินเพราะไม่อยากส่งซ่อมร้านตู้ ผมไปถึงตอนเช้าหลังจากห้างเปิดได้ไม่นาน เกรงว่าจะรอคิวนาน พอไปถึงกดบัตรคิวได้คิวแรก แต่ต้องนั่งรอนานมาก ผมมองไปที่เค้าท์เตอร์ก็เห็นว่างอยู่ ทำไมพนักงานไม่เรียกสักที ณ ตอนนั้นมีลูกค้ามาใช้บริการประมาณ 10 คนได้ส่วนใหญ่มาชำระบิล จนมีพนักงานคนนึงเดินเข้ามาถามว่า
พนักงาน : "มาติดต่อเรื่องอะไร?"
เจ้าของกระทู้ : "เอา BB มาซ่อมครับพร้อมกับบอกอาการไปและบอกว่าหมดอายุแล้ว แต่ยินดีจ่ายเงินซ่อม"
พนักงาน : "รอสักครู่"
ผม รอไปเรื่อยๆจนครบ 2 ชั่วโมงก็มีผู้หญิงคนนึงแต่งตัวสวยด้วยชุดเดรสสั้น ( ดูแล้วคงมาจากตลาดนัด ) ถือถุงของ CC-OO และกระเป๋าถือของ LYN พร้อมiPhone5 เธอมาถึงก็กดบัตรคิว เธอยังไม่ทันนั่งก็มีพนักงานเรียกทันที ผมสังเกตุเห็นว่า เค้าท์เตอร์ตรงนั้นต้องเป็นเราคนแรกนิ ผมจึงลุกไปถามว่า
เจ้าของกระทู้ : "ขอโทษครับ ผมกดบัตรคิวคนแรก รอ 2 ชั่วโมงแล้วทำไมถึงยังไม่ถึงคิว? แถมยังมีคนลัดคิว"
พนักงาน : "น้องเอา BB มาซ่อมใช่ไหม? พี่เป็น Engin Software แต่พี่ซ่อมไม่เป็น ดูให้ได้แต่พวก iPhone,Samsung,... " ( แล้วให้ผมนั่งรอตั้ง 2 ชั่วโมง ) ทันใดนั้นคุณผู้หญิงคนนั้นก็พูดออกมาเบาๆว่า..."พวกโทรศัพท์กากก็งี้แหละ" ผมได้ยินนี่ถึงกับปรี๊ดเลยครับ แล้วตอบกลับไปว่า
เจ้าของกระทู้ : "มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?"
ผู้หญิง ชุดเดรส : "ช่วยไม่ได้ BB ไม่มีคนใช้แล้ว ราคาก็ถูกเชยก็เชย" ( เธอทำหน้าตาเหมือนดูถูกกัน ผมนิ่งเงียบไปพักนึงจึงสวนกลับไปว่า )
เจ้า ของกระทู้ : "เหรอครับ? BB ผมนี่ตอนซื้อมาราคาก็แพงนะครับถือว่าเป็นรุ่นท็อปของตอนนั้นเลย เนื่องจากยังไม่พังเลยต้องใช้งานต่อไป ไม่เห็นจำเป็นต้องซื้อเครื่องใหม่เลย แล้วคุณคิดว่าคุณวิเศษณ์มาจากไหนอ่ะ? ก็แค่ iPhone5 จะซื้อสดหรือผ่อนก็เรื่องของคุณ กับเดรสและรองเท้าจากตลาดนัดราคารรวมกันอาจสักแปดร้อยได้ และถุง CC-OO ที่ซื้อมาเป็นเพราะราคา Sale และกระเป๋า LYN ราคาแค่ 2,590 บาท ( ผมซื้อกระเป๋าใบนี่รุ่นนี่ให้คุณแม่ตอนปีที่แล้วจึงทราบราคา ) นี่คิดว่าตัวเองเป็นไฮโซเหรอ? ดูรองเท้าผมสิ Clarks 5 พันยังไม่อวดเลย และกระเป๋า Alexander Wang Rocco ราคา 5 หมื่นกว่าบาท มีค่ามากกว่า Accessories ทั้งหมดในตัวคุณซะอีก หรือจะให้ซื้อ iPhone5S เลยก็ได้พร้อมกับหยิบบัตรเครดิตแพลทินั่มออกมา"
ตอนนั้นมีผู้จัดการ สาขาเข้ามาไกล่เกลี่ยและขอโทษและบอกกับผมว่า "Engin Software ที่ซ่อมได้จะเข้ามาพรุ่งนี้ ให้ผมเข้ามาใหม่" แต่ผมไม่กลับไปที่นั่นอีกแล้วละ เอากลับไปซ่อมที่ศูนย์การค้าขอนแก่นบ้านเกิดแทน ก่อนผมจะออกจากร้านผมทิ้งทายให้เธอว่า "อย่าคิดว่าตัวเองสวยและเลิศเลออะไรมากมายนัก แถวบ้านผมแม่ค้าขายส้มตำสวยกว่าเยอะเธอยังใช้ iPhone5 และ iPad นั่งเล่นชิลๆรอลูกค้าเลย"
ปล. สุดท้ายผมรู้ตัวว่าผมต่อว่าเธอเยอะไปหน่อยและไม่สมควร แต่ในตอนนั้นผมบอกเลยว่ารอคิวนานสองชั่วโมง มีคนมาแซงคิวแล้วยังดูถูกมือถือที่ผมใช้อยู่ ผมเป็นคนไม่ยอมใครครับ ที่ศูนย์ขอนแก่นไม่เป็นแบบนี้ ผมจึงไม่อยากเหมารวม แต่ในใจคิดเหลือเกินว่า "ทำไมคนเราต้องมองกันจาก Accessories นอกกายด้วย?" และถ้าผมไม่หยิบเครดิตแพลทินั่มออกมา พนักงานคงไม่ใสใจหรอกใช่มั๊ยครับ? หรือคิดว่าเป็นแค่นักศึกษา? ส่วนกระเป๋ากับรองเท้าไม่มีใครดูออกหรอกว่ายี่ห้ออะไร รุ่นอะไร? ถ้าไม่สนใจเรื่องแบบนี้ และผมก็ไม่เคยอวดยี่ห้อและราคากับใครเลย แต่สำหรับเธอคนนี้...
อีกท่านหนึ่งที่ระบายในพันทิปครับ
สุดท้ายนี้เจ้าของกระทู้ อยากให้ทุกคนดูพี่ติ๊ก เจษฎาภรณ์ พระเอกแนวหน้าของวงการบันเทิงไทยเป็นแบบอย่าง ที่ทำให้เห็นว่าถึงตัวเองจะเป็นดาราดังขนาดไหน มีเงินที่เรียกได้ว่าสามารถซื้อมือถือพวก Smart Phone ในราคาแพงๆได้สบายๆ แต่พี่ติ๊กยังคงใช้มือถือแบบปุ่มกด รุ่นเก่าๆแบบไม่อายใคร ที่ต่างจากคนสมัยนี้ถูกสื่อต่างๆกลืนกินและ ที่แย่ไปกว่านั้นคือการตัดสินคนอื่นด้วยวัตถุนิยม แทนที่จะดูกันที่จิตใจ