“โกจิเบอรี่”หรือ เก๋ากี้เม็ดเล็กๆ แต่มากประโยชน์

 

 

 

“โกจิเบอรี่”หรือ เก๋ากี้เม็ดเล็กๆ แต่มากประโยชน์

 

สกูปนี้จะแสดงผลได้ดีใน Browser Google Chrome เท่านั้น  
ท่านที่ใช้ FireFox หรือ Ie. อาจจะมีปัญหาในการแสดงภาพ.
 
 
 
 

คำว่า “โกจิเบอรี่” มีมาให้เห็น ให้ได้ยิน กันมาเมื่อไม่นานมานี้ใช่ไหมคะ ทั้งเครื่องดื่มสุขภาพ และอาหารเสริมมากมายหลายยี่ห้อ ก็นำส่วนผสม ส่วนสกัดจากโกจิเบอรี่มาเป็นส่วนผสม จริงๆ แล้ว โกจิเบอรี่ที่ฟังแล้วแสนจะอินเตอร์ ก็คือ ยาจีนที่เรียกกันว่า ”เก๋ากี้” ที่เราๆ เคยได้ยิน และรู้จักกันมานาน บทความสุขภาพประจำวันศุกร์นี้ ผู้เขียนจึงขอนำข้อมูลดีๆ ที่เป็นประโยชน์จากเจ้าเก๋ากี้ หรือ โกจิเบอรี่มาฝากให้คุณผู้อ่านที่รักสุขภาพได้อ่านกันค่ะ

เก๋ากี้ (GOJI BERRY) หรือ Lycium Barbarum เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งในตระกูลเบอร์รีสีแดงมีลักษณะเป็นเมล็ดเล็กๆ ที่นิยมรับประทานในหมู่ชาวจีน ผลที่สุกแล้วจะมีสีแดงเหมือนเลือด จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า "ฮ่วยกี้" เป็นยาบำรุงชั้นดี มีฤทธิ์ปานกลาง 

จากการค้นคว้าและวิจัยของ Dr. Earl Mindell พบว่าผลเก๋ากี้ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีค่า ORAC (สมรรถภาพการดูดซับอนุมูลอิสระของออกซิเจน) ในปริมาณมากถึง 25,300 (ในขณะที่ลูกพรุนซึ่งมีค่า ORAC เป็นลำดับที่ 2 มีค่า ORAC เพียง 5,700 เท่านั้น) โดยอนุมูลอิสระเป็นอนุมูลที่หลงเหลือจากปฏิกิริยาทางเคมีชีวะภายในร่างกายที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติหรืออาจได้มาจากภายนอกร่างกายเช่นสภาวะอากาศที่เป็นพิษ หรือการสูบบุหรี่ อนุมูลอิสระสามารถทำปฏิกิริยากับสารอื่นได้ดีและมีพลังงานสูง 

ทำให้อนุมูลอิสระสามารถทำลายผนังเซลล์และทำลายสารพันธุกรรมของเซลล์ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของความแก่ ความเสื่อมของอวัยวะในร่างกาย หรือทำให้เซลล์เกิดการแบ่งตัวอย่างผิดปกติเกิดเป็นโรคมะเร็งตามส่วนต่างๆของร่างกายขึ้น

ข้อมูลจากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่า เมล็ดเก๋ากี้แต่ละเมล็ดประกอบด้วยกรดอะมิโน 18 จาก 20 ชนิด ที่ร่างกายใช้ในการสร้างโปรตีน อุดมไปด้วย Polysaccharides 22 ชนิด มีค่า Glycemic Index ต่ำ (Glycemic Index: GI= ดัชนีที่ใช้ตรวจ วัดคุณภาพของอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต ซึ่งหลังรับประทาน และเข้าสู่ระบบการย่อยและดูดซึมของร่างกายจะสามารถเพิ่มระดับน้ำตาล ในเลือดได้มากหรือน้อยโดยเปรียบเทียบกับสารมาตรฐานคือ น้ำตาลกลูโคสซึ่งมีค่า GI เท่ากับ 100) อุดมไปด้วยสาร Antioxidant ในกลุ่ม Polyphenol และ Flavonoid สูงกว่าพืชทั่วๆไป มีใยอาหารสูงถึงร้อยละ 20 มีวิตามินซีสูงกว่าส้ม มีเบต้าแคโรทีน (Beta carotene) สูงกว่าแครอท

ซึ่งเบต้าแคโรทีนเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอและจะถูกเปลี่ยนไปเป็นวิตามินเอจากเอนไซม์ที่ตับ จึงทำให้เก๋ากี้มีปริมาณวิตามินเอที่สูงมาก และมีแคลเซียมสูงกว่าบร๊อคโคลี่ มีแร่ธาตุที่สำคัญได้แก่

สังกะสี,เหล็ก,ทองแดง,แคลเซียม,เจอมันเนียม,เซเรเนียม และฟอสฟอรัส มีวิตามิน ซี เอ และบี 2 ยิ่งไปกว่านั้นเก๋ากี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนในหนังสือแพทย์แผนจีนร่วมสมัย The Pharmacopoeia of the People’s Republic of China ที่ออกโดยกระทรวงสาธารณสุขจีนและเป็นยอมรับว่าเป็นสมุนไพรที่ใช้เป็นยาบำรุงร่างกายในวงกว้าง

สรรพคุณโดยรวมของเม็ดเก๋ากี้คือ

1. ทำให้ระบบการทำงานของร่างกายจะสมบูรณ์ขึ้น เพราะมีสารต่างซึ่งทำหน้าที่เหมือนโมเลกุลหลักในร่างกาย ที่เมื่อเกิดการทำงานร่วมกันแล้วจะทำหน้าที่เป็นตัวควบคุม และนำพาคำสั่งต่างๆ ที่เซลล์ของร่างกายใช้ในการติดต่อสื่อสารถึงกันได้ครอบคลุมทุกระบบ ทำให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานสัมพันธ์กันได้ดี ซึ่งจะช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง แก้อาการอ่อนเพลีย เพิ่มภูมิคุ้มกันโรค ช่วยให้หัวใจแข็งแรง ช่วยสร้างเม็ดเลือดที่แข็งแรงเพิ่มขึ้น เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ช่วยระบบเจริญพันธุ์ ลดอาการอักเสบของโรคไขข้ออักเสบ 

เพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ และกระดูก ช่วยให้เหงือกแข็งแรง ปรับปรุงระบบการย่อย ลดความเครียด อาการปวดศีรษะ แก้อาการวิงเวียนศีรษะ ช่วยในการนอนหลับ ช่วยในเรื่องความจำ ทำให้รู้สึกสดชื่น บรรเทาอาการนอนไม่หลับ ปรับปรุงคุณภาพของการนอน ช่วยให้การออกกำลังกายได้นานขึ้น ช่วยขจัดความเมื่อยล้าและความเฉื่อยชา

2. ใช้รักษาอาการทางด้านสายตา จากงานวิจัยพบว่าเมล็ดเก๋ากี้ยังมีสารจำพวก zeaxanthin และlutein อยู่สูงมากซึ่งสารดังกล่าวเป็นสารจำพวก carotenoid ที่ช่วยป้องกัน ช่วยปรับสภาพแสง และกรองแสงสีน้ำเงินที่เข้าสู่ตาที่มีอันตรายต่อตา ป้องกันการเสื่อมของเลนลูกนัยน์ตาและจอภาพเรตินาจากอนุมูลอิสระได้ ช่วยรักษาโรคตาบอดกลางคืน ช่วยบำรุงสายตาทำให้การมองเห็นเป็นปกติ 

นอกจากนี้ผลเก๋ากี้ยังมีเบต้าแคโรทีนสูง ซึ่งเบต้าแคโรทีนเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ และจะถูกเปลี่ยนไปเป็นวิตามินเอจากเอนไซม์ที่ตับ ซึ่งวิตามินเอมีประโยชน์ในการช่วยบำรุงสายตา และแก้โรคตามัวตอนกลางคืน (Night Blindness) หากร่างกายขาดวิตามินเอจะทำให้มองเห็นได้ยากในเวลากลางคืนหรือในที่แสงสว่างน้อย เยื่อบุตาแห้ง กระจกตาเป็นแผล ในกรณีที่ร่างกายขาดวิตามินเออย่างรุนแรงอาจทำให้ตาบอดได้

3. เพิ่มระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ในผลเก๋ากี้มีสาร Polysaccharides ที่ช่วยกระตุ้นให้เซลเม็ดเลือดขาว (T & B lymphocyte) ปรับปรุงเซลล์เม็ดเลือดขาวให้ทำงานได้ดีขึ้น สร้างความแข็งแรงของเม็ดเลือด ป้องกันการเกิดโรคภูมิแพ้ เก๋ากี้มีสารพวกฟลาโวนอยด์ (flavonoids) ที่ช่วยป้องกันเม็ดเลือดแดงไม่ให้อนุมูลอิสระมาทำลาย และช่วยกระตุ้นไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือดได้

4. เก๋ากี้ มีวิตามิน B1, B2, C และสารพวกฟลาวานอยด์ในปริมาณที่สูง ช่วยต้านอนุมูลอิสระโดยไปกระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในร่างกายให้ทำงานต้านอนุมูลอิสระได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งการกำจัดอนุมูลอิสรจะช่วยปกป้องผนังเซลล์ในร่างกาย ช่วยดูแลเรื่องผิวพรรณชะลอความชรา กระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต โดยต่อมใต้สมอง (human growth hormone)

5. ช่วยต่อต้านมะเร็งและสามารถหยุดการเติบโตของเซลล์มะเร็ง ลดความเสี่ยงต่อภาวะมะเร็งอนุมูลอิสระในผลเก๋ากี้มีผลช่วยทำลายป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง ทั้งยังพบว่าเบต้าแคโรทีนสามารถช่วยกระตุ้นเซลล์ภูมิต้านทานในร่างกายให้ทำงานต้านสิ่งแปลกปลอมได้ดีขึ้น 

ซึ่งให้ผลดีกับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง นอกจากนี้ยังมีผลการศึกษาวิจัยของจีนที่บ่งชี้ว่า ผลเก๋ากี้ช่วยต่อต้านมะเร็งและยังสามารถหยุดการเติบโตของเซลล์มะเร็ง โดยในปี พ.ศ.2537 มีผลการศึกษาที่ได้รับการบันทึกลงในวารสารจีนเกี่ยวกับเนื้องอกว่า ผู้ป่วยโรคมะเร็ง มีการตอบสนองในการรักษาโรคมะเร็งดีขึ้นเมื่อมีการนำผลเก๋ากี้มาเป็นส่วนหนึ่งในการรักษา และยังช่วยอาการข้างเคียงจากการรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีคีโมและฉายรังสีด้วย

6. ลดระดับน้ำตาลในเลือดผู้เป็นเบาหวาน ลดโคเลสเตอรอล ลดความดันโลหิต ยับยั้งการเกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือด ช่วยให้หัวใจแข็งแรง เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้น เพราะในเก๋ากี้มีสารพวกไซเพอโรน (cyperone) ซึ่งมีผลดีต่อหัวใจและความดันเลือด นอกจากไซเพอโรนยังมีสารแอนโทโซยานิน (anthocyanins) ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง มีเบต้า-ไซโตสเตอรอล (beta-sitosterol) 

ซึ่งสามารถช่วยรักษาระดับโคเลสเตอรอลที่ดีต่อร่างกาย ให้อยู่ในปริมาณสูง มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงช่วยป้องกันไม่ให้โคเลสเตอรอลถูกเติมออกซิเจนและเกิดเป็นคราบอุดตันในเส้นเลือด นอกจากนี้ยังมีสารฟลาโวนอยด์ (flavonoids) ที่ช่วยทำให้หลอดเลือดขยายตัว ช่วยยับยั้งปฏิกิริยาการเกิดโคเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ที่ทำให้เกิดเป็นโรคหัวใจเนื่องจากเส้นเลือดตีบ

7. เพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อและกระดูก ช่วยให้เหงือกแข็งแรง

8. ช่วยบรรเทาโรคเกี่ยวกับไทรอยด์

9. ส่งเสริมให้การทำงานของตับเพราะมีซีรีโบรไซด์(cerebroside) ที่ช่วยส่งเสริมการทำงานของตับให้เป็นปกติ

10. ส่งเสริมให้การทำงานของไตให้เป็นปรกติ

11. ช่วยกระตุ้นให้เซลล์ในกระเพาะอาหารทำงานได้เป็นปกติ ทำให้ประสิทธิภาพในการย่อยและการดูดซึมสารอาหารดีขึ้น

12. มีบีเทนที่ช่วยให้เกิดการสร้างสารโคลีน (choline) ซึ่งเป็นสารประกอบที่ช่วยเสริมความจำให้ดีขึ้น ช่วยให้ร่างกายปรับตัวเพื่อควบคุมความกังวลและความเครียดให้ลดลงอยู่ในสภาวะปกติ ด้วยเหตุนี้เก๋ากี้จึงมีชื่อเรียกอย่างว่า แฮปปี้เบอร์รี่ (happy berry) ทำให้มีอารมณ์ที่สดชื่นแจ่มใส

13. ช่วยระบบเจริญพันธุ์ ช่วยเพิ่มฮอร์โมนเทสโตสเตอโรน (Testosterone) ในเลือดทำให้มีความต้องการทางเพศมากขึ้นทั้งในผู้ชายและผู้หญิงแสนจะมีประโยชน์มากมายขนาดนี้ ทานตุ๋นยาจีนครั้งต่อๆ ไป อย่าเขี่ยเจ้าเก๋ากี้เม็ดแดงๆ นี้ออกนะคะ

<สกูปนี้โพสเพื่อ เอนเตอร์เทนผู้ชมเท่านั้น จึงอยู่นอกเหนือกติกาใดๆ ไม่ต้องการคะแนนหรือแข่งขันกับใคร>

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

Credit: http://www.teenee.com/
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...