10 อันดับสิ่งของต้องคำสาป พร้อมประวัติความน่าสะพรึงกลัว




10 อันดับสิ่งของต้องคำสาป พร้อมประวัติความน่าสะพรึงกลัว

 

 

 

 
    ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ 10 อันดับสิ่งของต้องคำสาป พร้อมที่มาของความน่าสะพรึงกลัว บางชิ้นแค่มีไว้ในครอบครองก็อาจจะทำให้ชีวิตคุณเดินไปสู่จุดจบอย่างง่าย ดาย...
มาดู 10 อันดับ สิ่งของต้องสาป พร้อมประวัติครบทุกชิ้น ไล่ตั้งแต่อันดับ 10 หน้ากากนักรบเมารี อันดับ 9 เพชรโก อิ นัวร์ อันดับ 8 กองทัพทหารดินเผา อันดับ 7 ภาพเด็กร้องไห้ อันดับ 6 เดลี เพอร์เพิล แซฟไฟร์ หรือไพลินม่วงแห่งเดลี อันดับ 5 เพชรโฮป อันดับ 4 เอเยอร์สร็อค อันดับ 3 เพชร แบล็ก ออร์โลฟ อันดับ 2 ผนังหิน บลาร์นีย์ สโตน อันดับ 1 ไอซ์แมน จะน่ากลัวขนาดไหนไม่เชื่ออย่าลบหลู่ เพราะของบางชิ้นแค่มีไว้ครอบครองก็อาจจะพาให้ชีวิตของคุณเดินไปสู่สุดจบได้ โดยไม่รู้ตัว

 

ที่มา : เครดิต : http://www.tnews.co.th/html/news

 

 

10. หน้ากากนักรบเมารี

 


ชาวเมารีเป็นชนพื้นเมืองในนิวซีแลนด์ที่ได้ ใช้เวลาเกาะสลักหน้ากากและรูปปั้นก่อนที่จะมุ่งหน้าไปสนามรบ ตามความเชื่อของชาวเมารี หากนักรบคนใดเสียชีวิตจากการสู้รบ ดวงวิญญาณของพวกเขาจะสิงสถิตในหน้ากาก และกลายเป็นหน้ากากต้องสาปที่เป็นภัยคุกคามคนอื่นๆ โดยเฉพาะผู้หญิงตั้งครรภ์และช่วงมีประจำเดือนจะเป็นอันตรายมากหากเข้าใกล้ ด้วยเหตุนี้ในพิพิธภัณฑ์อังกฤษจึงมีป้ายเตือนผู้หญิงให้ทราบในขณะรับชม หน้ากากของชนเผ่ามารี

 

 

9. เพชรโก อิ นัวร์

 

 

เพชรโก อิ นัวร์ (มีความหมายว่าภูเขาแห่งแสงสว่าง) เป็นเพชรหนักกว่า 186 1/16 กะรัต (37.21 กรัม) ที่มีความเก่าแก่ที่สุดในบรรดาเพชรที่มีชื่อเสียงต่างๆ จากทั่วโลก เพชรดังกล่าวถูกยึดมาจากลีปซิงห์ในปี ค.ศ. 1850 โดยบริษัทอังกฤษอินเดียตะวันออก และกลายเป็นส่วนหนึ่งของมงกุฏเพชรอังกฤษ โดยตำนานฮินดูโบราณเชื่อว่าพระกฤษณะเป็นผู้สวมใส่เพชรเม็ดนี้ กล่าวกันว่าผู้ใดครองเพชรเม็ดนี้จะได้ครองโลก หากแต่จะพบโชคร้ายของมันด้วย โดยเจ้าของเพชรจะพบแต่ความขัดแย้งและความรุนแรง ตัวอย่างเช่น เชอร์ ชาห์ ซูรินาเม แห่งอินเดียได้พ่ายแพ้สนามรบ จักรพรรดิหุมายุนได้เพชรต่อมาก็เสียชีวิตจากการถูกระเบิด ลูกชายชาลัล ถูกฆ่าตายโดยพี่ชายของเขา ซึ่งจะยกเว้นพระเจ้าหรือผู้หญิงเท่านั้นที่สวมเพชรเม็ดนี้โดยไม่ต้องคำสาป แต่อย่างใด

 

 

8. กองทัพทหารดินเผา

 

 

ในปี 1974 กลุ่มชาวเกษตรกร 7 คนได้ค้นพบโบราณคดีที่น่าอัศจรรย์ นั้นคือกองทัพของทหารดินเผาที่ถูกฝังใต้ดิน ในหมู่บ้านซีหยาง เมืองหลินถง ซึ่งกองทัพทหารดินเผานั้นมีการปั้นที่มีความละเอียดสมจริง ตัวหุ่นสวมชุดเกราะมีคันธนู และลูกธนูทองเหลือง และเมื่อมีการค้นหาเพิ่มเติมก็พบว่ามีรูปปั้นทหารและรถม้าดินเผามากกว่า 8,000 ตัว และรถม้าไม้ 100 คัน ในอาณาเขตพื้นที่กว่า 20,000 ตารางเมตร เชื่อว่าเป็นหนึ่งในสุสานของฉินสื่อหวง ที่ยิ่งใหญ่ของจีน อย่างไรก็ตามแม้ว่าการค้นพบจะมีคุณค่าทางโบราณคดีและมีชื่อเสียงของประเทศ มากเพียงใด หากแต่กลุ่มเกษตรกรที่พบดินเผาะพวกนี้กลับต้องพบกับคำสาปและความโชคร้าย สามในกลุ่มเกษตรเสียชีวิตไม่กี่สิบปีต่อมาทั้งที่ยังหนุ่ม เกษตรกรที่เหลือลาออกและทำงานแรงงานขั้นต่ำทั้งที่เต็มไปด้วยหนี้และโรคภัย ไข้เจ็บ

 

 

7. ภาพเด็กร้องไห้

 


ภาพเด็กร้องไห้เป็นภาพชุดซีรีย์โดยจิตกรจี บราโกลิน ที่หลายคนเชื่อว่าจิตกรคนดังกล่าวใช้เด็กชายโชคร้ายที่สูญเสียครอบครัวจาก เพลิงไหม้ลึกลับคนหนึ่งเป็นต้นแบบร่างภาพ ซึ่งรูปถ่ายดังกล่าวเป็นที่นิยมมากในอังกฤษ หากแต่เวลาต่อมาในปี 1980 ก็กลายเป็นตำนานเมืองว่ากันว่าเป็นภาพต้องสาป หากใครแขวนภาพบนนี้ในบ้านก็จะเกิดไฟไหม้บ้านลึกลับ และที่น่าแปลกใจคือในขณะที่บ้านและข้าวของไหม้เป็นเถ้าถ่าน หากแต่มีภาพวาดเด็กร้องไห้ ผนังที่แขวนเท่านั้นที่ไม่ไฟจากเปลวเพลิงอย่างน่าพิศวง

 

 

6. เดลี เพอร์เพิล แซฟไฟร์ หรือไพลินม่วงแห่งเดลี

 


เดลี เพอร์เพิล แซฟไฟร์ หรือไพลินม่วงแห่งเดลี เชื่อว่าหินถูกปล้นมาจากวัดอินเดีย ในช่วงกลางปี 1800 กล่าวกันว่าใครที่ครอบครองมันจะมีปัญหาเรื่องสุขภาพและการเงินแก่ผู้เป็น เจ้าของ ตัวอย่างเช่นเอ็ดเวิร์ด เฮรอนอัลเลน นักเขียนเขียนชื่อดังที่ได้ครอบครองไพลินนี้ จนเกิดเรื่องโชคร้ายแก่เขาและคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสุขภาพและการเงิน แม้เขาพยายามโยนมันลงไปในคลองเพื่อกำจัดมันให้พ้นทาง แต่สามเดือนต่อมามันยังกลับคืนสู่เจ้าของ จนเขาต้องส่งมันไปเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติลอนดอน พร้อมกับมีคำแนะนำว่าห้ามให้ใครแตะต้องสัมผัสมันหลังจากการตายของเขา

 

 

5. เพชรโฮป

 

 

เพชรโฮป เป็นเพชรขนาดใหญ่ หนัก 45.52 กะรัต (9.10 กรัม) สีน้ำเงินเข้ม ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติสมิธโซเนียนในกรุง วอชิงตัน ดี.ซี. เพชรโฮปได้รับการอธิบายว่าเป็น "เพชรที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก"และเป็นเพชรที่มีคำสาป ซึ่งมันมีประวัติศาสตร์บันทึกยาวนานเปลี่ยนมือเจ้าของหลายครั้งระหว่างทาง จากอินเดียไปฝรั่งเศส ไปอังกฤษและสหรัฐอเมริกา โดยผู้ที่เป็นเจ้าของนั้นจะพบกับความโชคร้าย ความตายที่เกิดจากการฆาตกรรมและโศกนาฏกรรมอื่นๆ โดยเจ้าของคนแรกคือพ่อค้าเพชรชาวฝรั่งเศสชอง-แบปตีส ตาแวร์นีเย ซึ่งเขาได้นำเพชรนี้ลอบเข้าไปในปารีสซึ่งตามตำนานกล่าวว่าเขาถูกหมาป่ากิน

 

 

4. เอเยอร์สร็อค

 

 

เอเยอร์สร็อค หรือ อูลูรู เป็นหินยักษ์ที่ตั้งตระหง่านในชนบทของออสเตรเลียที่มีนักท่องเที่ยวหลายพัน คนเข้าชมมากมายในแต่ละปี ซึ่งสำหรับชาวอะบอริจินิสถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเนื่องจากหินยักษ์นั้นเม็ดหินเรียบและมีเม็ดแร่สวยงามเพราะมีหินต่างๆ หลายชนิดรวมกัน ทำให้มีนักท่องเที่ยวบางคนเอาชิ้นส่วนหินกลับบ้านด้วย นอกจากจะเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายที่เอาชิ้นส่วนหินออกนอกประเทศแล้ว หินนั้นยังเป็นมีคำสาปแช่งหากใครครอบครองมันจะนำมาซึ่งโชคร้าย โดยเฉพาะหากนำชิ้นส่วนออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของมัน ซึ่งส่วนมากนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะโดนคำสาปกันถ้วนหน้าและมักส่งหินของพวก เขาทางพัสดุกลับไปยังประเทศออสเตรเลียพร้อมกับข้อความขอโทษ

 

 

3. เพชร แบล็ก ออร์โลฟ

 

 

เพชร แบล็ก ออร์โลฟ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ " เนตรแห่งพรหม" ขนาด 67.50 กะรัต ค้นพบในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ในประเทศอินเดีย กล่าวกันว่าเป็นดวงตาของพระพรหมที่ถูกขโมยมาตามความชื่อของนักบวชศาสนาฮินดู ซึ่งอัญมณีถูกส่งผ่านไปยังเจ้าของหญิงหลายคนและซึ่งมีประวัติว่าผู้ที่เคย เป็นเจ้าของมันถึง 3 ราย ต้องพบจุดจบชีวิตที่น่าสยดสยอง สองในผู้หญิงที่ครอบครองมันได้กระโดดจากตึกสูงตาย อย่างไรก็ตามมีความพยายามล้างคำสาปที่ติดตามกับเพชร ด้วยการเพชรออกเป็นสามเม็ดย่อม จากนั้นเพชรถูกกระจายไปเป็นกรรมสิทธิ์ของบรรดามหาเศรษฐีทำให้สามารถรอดพ้นคำ สาปมาได้ อีกทั้งผู้เป็นเจ้าของก็ไม่หวั่นเพราะเพชรที่ว่าสวยมากจนไม่สนคำสาปเลยที เดียว

 

 

2. ผนังหิน บลาร์นีย์ สโตน

 

 

ผนังหิน บลาร์นีย์ สโตนเป็นหินในตำนานบนยอดหอคอยของปราสาทบลาร์นีย์ ที่สร้างขึ้นเมื่อ 600 ปีก ในไอร์แลนด์ กล่าวกันว่าผู้ใดที่จุมพิตผนังหินที่นี้จะมีแต่ความโชคดีร่ำรวย ซึ่งตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีบุคคลสำคัญ ประธานาธิบดี นักแสดงและนักท่องเที่ยวจำนวนมากมายจูบผนังนี้ อย่างไรก็ตามหากนำชิ้นส่วนของหินใดๆ จะนำมาซึ่งคำสาปแช่งในชีวิตของคนที่ขโมยมัน จากรายงานพบว่ามีหลายคนโชคร้ายหลังแอบหินนี้กลับมาบ้าน หลายคนมีภาวะซึมเศร้า ถูกเลิกจ้างงาน เป็นผลทำให้หลายคนทนไม่ไหวจึงส่งหินนี้ทางพัสดุไปยังสถานที่ของมันในที่สุด

 

 

1. ไอซ์แมน

 

 

ไอซ์แมนเป็นมัมมี่ที่มีสภาพสมบูรณ์ของชาย อายุมากกว่า 5,000 ปีมาแล้ว โดยพบในเดือนกันยายน1991 ในเทือกเขาแอลป์ พรมแดนระหว่างออสเตรียกับอิตาลี โดยร่างของเขาถูกคนพบในน้ำแข็งครึ่งร่าง ถือว่าเป็นมัมมี่สมบูรณ์ที่เก่าแก่ที่สุดของมนุษย์ ปัจจุบันอยู่ในพิธภัณฑ์โบราณคดีในโบลซาโน ภาคเหนือของอิตาลี มัมมี่ดังกล่าวเต็มไปด้วยเรื่องประหลาดและน่าพิศวง รวมไปถึงคำสาปโดยเชื่อว่าใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับมัมมี่ตนนี้ไม่ว่าจะเป็น คนค้นพบและคนตรวจสอบจะตายอย่างลึกลับ โดยมีเหยื่อตายเพราะคำสาปทั้งสิ้นเจ็ดราย หนึ่งในผู้ค้นพบไอซ์แลนด์เสียชีวิตในอุบัติเหตุทางรถยนต์ระหว่างเดินทางที่ จะไปกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับสิ่งที่พบ และนักวิจัยคนอื่นๆ เสียชีวิตเพราะหิมะถล่มในเวลาไม่นาน ส่วนนักวิจัยคนอื่นเสียชีวิตจากสาเหตุเลือดผิดปกติหลังจากพบไอซ์แมน

 

 

 

 

 

 

Credit: http://www.toptenthailand.com/topten/detail/20131128165916198
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...