สนธิสัญญาเจนีวามีข้อกำหนดห้ามทุกประเทศทั่ว โลกทำการทดลองหรือใช้อาวุธชีวภาพในการทำสงคราม เมื่อคนทั้งโลกเกรงกลัวต่ออาวุธชนิดนี้ย่อมแสดงว่ามันต้องเป็นอาวุธทำลาย ล้างที่ทรงอานุภาพมากที่สุด
ด้วยแนวความคิดนี้เองทำให้กองทัพญี่ปุ่นลักลอบละเมิดข้อตกลงในสนธิสัญญา เจนีวา ทำการก่อสร้างห้องทดลองลับยิ่งกว่าลับขนาดใหญ่กินเนื้อที่ 6 ตร.กม. เพื่อศึกษาและวิจัยอาวุธชีวภาพที่มีอำนาจการทำลายล้างสูงกว่าระเบิดนิวเคลียร์หลายเท่าตัว
เรื่องราวเริ่มขึ้นหลังจากที่ญี่ปุ่นบุกเข้ายึดดินแดนแมนจูเรียในปี 1932 กองทัพญี่ปุ่นได้สร้างค่ายกักกันเชลยซึ่งรู้จักกันในชื่อ “ป้อมซงหม่า” เชลยในค่ายกักกันได้รับการเลี้ยงดูอย่างอิ่มหมีพีมันผิดกับเชลยในค่ายกักกัน แห่งอื่น เนื่องจากพวกเขาจะถูกนำตัวไปเป็นหนูทดลองทางการแพทย์จึงจำเป็นต้องดูแลนัก โทษให้มีสุขภาพสมบูรณ์จึงจะสามารถวินิจฉัยสาเหตุการติดเชื้อและการเจ็บป่วย ได้อย่างถูกต้อง
พลโทชิโร อิชิอิ ผู้บัญชาการกรมแพทย์ทหาร ได้รับมอบหมายให้เข้ามาดูแลเรื่องนี้โดยตรง แต่แล้วในเดือนสิงหาคม 1934 บรรดานักโทษได้รวมหัวกันแย่งอาวุธและกุญแจจากผู้คุม สามารถแหกค่ายกักกันออกมาได้หลายสิบคน ผู้ที่หนีรอดออกมาได้ป่าวประกาศให้ประชาชนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเชลย ทำให้ญี่ปุ่นตัดสินใจปิดป้อมซงหม่าลงในเวลาต่อมา แต่นั่นมันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของฝันร้ายสำหรับชาวแมนจูเรียเท่านั้น
ลับยิ่งกว่าลับ
อิชิอิได้รับอนุมัติเงินงบประมาณก้อนใหญ่สำหรับก่อสร้างนิคมลับแห่งใหม่ ที่ห่างจากชุมชนในหมู่บ้านปิงฟาง ใกล้กับเมืองฮาร์บิน เพื่อปกปิดปฏิบัติการลับสุดยอด มันจึงถูกสร้างเป็นสถานีศูนย์วิจัยโรคระบาดและผลิตน้ำสะอาด
ในสมัยนั้นมีผู้คนจำนวนมากเสียชีวิตลงเพราะโรคระบาดหลายชนิด เช่น อหิวาห์และซิฟิลิส การรักษาโรคระบาดนั้นจำเป็นต้องเข้าใจถึงการฟักตัวและแพร่กระจายของโรคร้าย การมีน้ำสะอาดสำหรับอุปโภคและบริโภคก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลิตน้ำสะอาดให้กับกองทหารที่ต้องประจำการสถานที่ใน ต่างถิ่น
อิชิอิได้คิดค้นเครื่องผลิตน้ำสะอาดเคลื่อนที่ซึ่งสามารถพกพาติดตัวไปตาม สถานที่ต่างๆได้ มันมีประสิทธิภาพถึงขนาดสามารถกรองปัสสาวะให้กลายเป็นน้ำดื่มบริสุทธิ์ ว่ากันว่าความสำเร็จนี้ทำให้เขาได้เข้าเฝ้าและสาธิตการทำงานต่อหน้าพระ พักตร์จักรพรรดิฮิโรฮิโต
ภายในศูนย์วิจัยโรคระบาดและผลิตน้ำสะอาดถูกแบ่งออกเป็นหน่วยงานย่อยๆหลาย แห่ง และหนึ่งในนั้นคือหน่วย 731 ที่มีแต่เพียงเจ้าหน้าที่ระดับสูงเท่านั้นที่สามารถผ่านเข้าออกหน่วยงานนี้ ได้ แม้แต่ทหารญี่ปุ่นเอง หากไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ไม่รู้ว่าหน่วยงานนี้รับผิดชอบเรื่องอะไร ดังนั้น หน่วย 731 จึงเป็นหน่วยงานลับที่ซ่อนตัวอยู่ในนิคมลับ
โรงเลื่อยนรก
กองทัพญี่ปุ่นแจ้งกับหน่วยงานท้องถิ่นว่าหน่วยงาน 731 คือโรงเลื่อย บรรดาเชลยถูกกวาดต้อนมาคุมขังในหน่วย 731 ส่วนใหญ่เป็นชาวแมนจูเรีย รองลงมาคือชาวฟิลิปปินส์และเกาหลี ส่วนที่เหลือเป็นชาวรัสเซีย ด้วยเหตุที่คนภายนอกเชื่อว่าหน่วย 731 คือโรงเลื่อย ทหารญี่ปุ่นจึงเรียกพวกเชลยแบบติดตลกว่าท่อนซุง
สิ่งที่ทำให้หน่วย 731 เป็นความลับสุดยอดก็เพราะมันเป็นศูนย์วิจัยอาวุธชีวภาพ เชลยที่ถูกกวาดต้อนมาทุกคนจะถูกนำไปเป็นหนูทดลองเพื่อศึกษาการระบาดของโรค ติดต่อร้ายแรง และระบบการทำงานของอวัยวะต่างๆทั้งในและนอกร่างกายขณะที่ผู้ถูกทดลองยังคงมี ลมหายใจ หากอิชิอิต้องการศึกษาการทำงานของหัวใจ เขาก็จะเอามีดกรีดลงบนหน้าอกเชลยแล้วแหวะดูดื้อๆ ที่สำคัญคือไม่มีการวางยาสลบผู้ถูกทดลอง พวกเขายังคงมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ครบถ้วนทุกประการ
อกิร่า มากิโนะ หนึ่งในผู้ช่วยแพทย์เล่าถึงเหตุการณ์ในวันแรกที่เขาถูกส่งตัวไปทำงานในหน่วย 731 ว่า เชลยถูกนำตัวมามัดติดบนเตียงผ่าตัด พวกเขารู้ตัวว่าวาระสุดท้ายได้มาถึงแล้ว หากแต่สิ่งที่เชลยยังไม่รู้คือพวกเขาจะถูกผ่าแยกร่างทั้งเป็นโดยไม่มีการวาง ยาสลบ
ทันทีที่แพทย์หยิบมีดหมอ เชลยก็ส่งเสียงร้องตกใจ แพทย์กรีดมีดจากหน้าอกยาวลงไปถึงหน้าท้อง ผู้เคราะห์ร้ายดิ้นทุรนทุราย ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเกและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด สาเหตุที่ไม่มีการใช้ยาสลบก็เนื่องจากอิชิอิเกรงว่าฤทธิ์ยาสลบอาจมีผลต่อการ ทำงานของอวัยวะ ทำให้ไม่สามารถเรียนรู้การทำงานของอวัยวะได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
อิชิอิยังทำการทดลองแผลงๆอีกมากมายหลายอย่าง เช่น การตัดอวัยวะออกจากร่างแล้วต่อกลับเข้าไปใหม่แต่สลับข้าง การเปลี่ยนถ่ายอวัยวะจากคนหนึ่งไปให้อีกคนหนึ่ง การสอดท่อเข้าทวารหนักแล้วอัดอากาศเข้าไปจนอวัยวะภายในระเบิด การทดสอบอานุภาพของระเบิดมือโดยใช้คนเป็นเป้า และการทดลองอื่นๆอีกมากมายที่เกินความคาดคิดของคนทั่วๆไป
อุตสาหกรรมขนาดใหญ่
หน่วย 731 เป็นเพียงส่วนหนึ่งของโครงการลับที่ใช้ชื่อบังหน้าว่าศูนย์วิจัยโรคระบาดและ ผลิตน้ำสะอาด ยังมีหน่วยอื่นๆเช่นหน่วยศึกษาและวิจัยการเพาะเชื้อโรค นักโทษหญิงถูกฉีดเชื้อซิฟิลิสเข้าร่างแล้วบังคับให้หลับนอนกับนักโทษชาย หากนักโทษคนใดขัดขืนคำสั่งจะถูกยิง อิชิอิเฝ้าดูอาการของผู้ได้รับเชื้อโรค ทำการจดบันทึกการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายในระยะต่างๆจนกระทั่งพวกเขาเสียชีวิต
นักโทษบางคนถูกจับให้ยืนแหงนหน้าอ้าปากในที่โล่งแจ้งโดยไม่รู้ตัวว่าอิชิ อิได้โปรยเชื้อโรคเข้าใส่เพื่อทำการทดลองว่าเชื้อโรคชนิดนั้นสามารถแพร่ กระจายโดยทางอากาศได้หรือไม่ เมื่อผลการทดลองเป็นบวก อิชิอิได้ทำการทดลองขั้นต่อไปโดยการสร้างระเบิดชีวภาพ เขาปล่อยเชื้อโรคลงในแหล่งน้ำของหมู่บ้านหลายแห่ง ส่งผลให้เกิดโรคระบาดมีผู้คนเสียชีวิตราว 400,000 คน
การทดลองระเบิดชีวภาพได้ถูกระงับชั่วคราวหลังจากที่ประสบความล้มเหลวใน การทดลองครั้งที่ 5 เมื่ออิชิอิยิงระเบิดชีวภาพเข้าใส่หมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง กระแสลมได้เปลี่ยนทิศกะทันหันโดยไม่ทันตั้งตัว ลมหอบเอาเชื้อโรคโหมเข้าใส่กองทหารญี่ปุ่นทำให้ทหาร 1,700 นายเสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม ผลการทดลองพิสูจน์แล้วว่าระเบิดชีวภาพมีประสิทธิภาพในการทำลายล้างสูงอย่าง เหลือเชื่อ กองทัพญี่ปุ่นวางแผนที่จะใช้อาวุธชีวภาพบรรจุใส่บอลลูน 200 ลูก ปล่อยมันขึ้นจากเรือดำน้ำใกล้กับชายฝั่งด้านตะวันตกของสหรัฐ กระแสลมจะทำหน้าที่พัดบอลลูนเข้าสู่แผ่นดิน หากแผนการนี้สำเร็จจะมีคนเสียชีวิตเพราะโรคระบาดจำนวนหลายล้านคน
นับว่ายังโชคดีที่ญี่ปุ่นยอมแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนที่จะมีการนำอาวุธชีวภาพมาใช้ อิชิอิสั่งให้สังหารเชลย 150 คนที่เหลืออยู่ในหน่วย 731 เพื่อปิดปากไม่ให้มีพยานและสั่งเจ้าหน้าที่ทุกคนห้ามเอ่ยถึงเรื่องราวที่ เกิดขึ้นในหน่วย หาไม่เช่นนั้นแล้วเขาจะส่งคนไปตามล่าสังหารผู้ที่ปากโป้ง เขาไม่ลืมที่จะสั่งให้ทหารทำลายหลักฐานและอาคารสำคัญๆทิ้ง จากนั้นอิชิอิก็เดินทางกลับไปซ่อนตัวในประเทศญี่ปุ่น
ถึงกระนั้นสหรัฐก็ยังคงสามารถสืบทราบปฏิบัติการลับยิ่งกว่าลับของฝ่าย ญี่ปุ่น จากข้อมูลที่ระบุว่าอิชิอิประสบความสำเร็จในการทดลองหลายอย่าง เช่น การรักษาโรคหิมะกัด ความรู้ด้านการติดเชื้อและการแพร่กระจายของโรคระบาด ตลอดไปจนถึงการสร้างระเบิดชีวภาพ ทำให้สหรัฐมีความสนใจต้องการนำความรู้เหล่านี้มาใช้เป็นประโยชน์ทางการทหาร อีกทั้งยังระแวงว่าหากความรู้เหล่านี้ตกไปอยู่ในมือของประเทศอื่นโดยเฉพาะ รัสเซียจะเป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวงเหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อครั้งที่ เยอรมันยอมแพ้สงครามแล้วส่งมอบเทคโนโลยีการสร้างขีปนาวุธ V2 ให้กับรัสเซีย
ด้วยเหตุนี้เองพลเอกดักลาส แมคอาร์เธอร์ จึงได้มอบหมายให้พลโทเมอร์เรย์ แซนเดอร์ ไปทำการเจรจากับอิชิอิ ยื่นข้อเสนอให้ส่งมอบข้อมูลงานวิจัยทั้งหมดเพื่อแลกเปลี่ยนกับการไม่ดำเนิน คดีในข้อหาอาชญากรสงคราม ซึ่งแน่นอนว่าอิชิอิยอมรับข้อเสนอแต่โดยดีและเชื่อกันว่าอิชิอิยังได้ทำงาน วิจัยด้านอาวุธชีวภาพร่วมกับสหรัฐในรัฐแมริแลนด์และนำอาวุธชีวภาพนี้ไปใช้ใน สงครามเกาหลีหากแต่บุตรสาวของอิชิอิปฏิเสธข้อ้างดังกล่าว โดยระบุว่าบิดาของเธอใช้ชีวิตอยู่ในประเทศญี่ปุ่นตลอดเวลา
ตลอดระยะเวลา 60 ปี สหรัฐให้ความร่วมมือปกปิดการมีตัวตนของหน่วย 731 ไม่มีเจ้าหน้าที่แม้แต่คนเดียวถูกดำเนินคดีแม้จะมีเชลยอย่างน้อย 12,000 คนเสียชีวิตในที่แห่งนี้ เพราะพวกเขายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ชนะสงคราม ปัจจุบันหน่วย 731 ถูกขนานนามว่าเป็น “โรงงานแห่งความตาย”
ที่มา : http://www.unigang.com/Article/6901