โรงแรมรัก ( ที่เรียกกันว่าโรงแรมบูติก หรือ โรงแรมแฟชั่น ) เป็น โรงแรมที่มี ห้องคู่ สำหรับช่วงเวลาสั้นๆ โดยปกติคู่รัก สามารถเช่า ห้องพัก เป็นเวลาอย่างน้อย 1-3 ชั่วโมงในระหว่างวัน ที่เรียกว่า " แบบชั่วคราว " หรือสำหรับตลอดทั้งคืน เรียกว่า " แบบค้างคืน " จุดประสงค์หลักของ โรงแรม ความรัก คือการให้ คู่รักหรือ คู่สมรส จะได้มีห้องพักที่จะใช้เวลา อยู่ร่วมกัน แบบเงียบสงบเป็นส่วนตัว ในห้องพักส่วนใหญ่ก็จะมีสิ่งอำนวยความสดวกตามที่คู่รักต้องการ เช่น เตียงคู่ขนาดใหญ่ โทรทัศน์เสนอสารคดีแนงอีโรติค
โรงแรมความรัก จะพบทั่วไปในประเทศญี่ปุ่น และพวกเขา มักจะ ได้รับการยอมรับกันโดยทั่วไป ในย่าน โรงแรม เช่น โตเกียว Love Hotel ฮิลล์ ในชิบูยา ที่ โรงแรม ที่แตกต่างกัน สามารถพบ กัน ใน เมืองเล็ก ๆ พวกเขามักจะ พบ อยู่ใกล้กับ ถนนสายหลัก ในพื้นที่รอบนอก เมือง
ส่วนใหญ่จะมีราคาบอกไว้หน้าโรงแรม โดยราคาจะแบ่งเป็น 2 เรท คือ
Rest (休憩 - ชั่วคราว) คิดราคาเป็นชั่วโมง
Stay (宿泊 - ค้างคืน) คิดราคาเป็นคืน
ซึ่งแบบ Stay มักจะต้องเข้าหลัง 2-3 ทุ่ม แต่เวลาเช็คเอาท์ได้ถึงเที่ยงหรือบ่าย เหมาะสำหรับคนตื่นสายเป็นอย่างยิ่ง ถ้าเป็นโรงแรมปกติทั่วไปจะให้เช็คเอาท์ไม่เกิน 10 โมง
นอกจากนี้ยังแบ่งย่อยเป็นราคาวันธรรมดากับราคาวันหยุด รายละเอียดอ่านได้ในกระทู้นี้ครับ
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2011/02/E10260613/E10260613.html
เมื่อเข้าไปในโรงแรม จะพบกับป้ายไฟแสดงรูปห้องพร้อมราคาเอาไว้ ห้องไหนที่มีคนอยู่ไฟที่ป้ายจะดับ ส่วนห้องที่ยังว่างอยู่ไฟก็จะติด
ห้องจะมีทั้งแบบธรรมดา และแบบแฟนซี
เช่น ห้องหมีพูห์สำหรับหลอกล่อสาวน้อย (หนุ่มน้อย?) ให้ตายใจ…
...หรือห้องแบบ S&M เพื่อเพิ่มอรรถรสและความเร้าใจในชีวิต
ห้องไม่สูบบุหรี่จะมีภาษาญี่ปุ่นและสัญลักษณ์กำกับไว้แบบในรูปครับ
บริเวณหน้าป้ายไฟ จะมีแผงปุ่มหมายเลขห้องไว้สำหรับกดเลือกห้องที่เราถูกตาต้องใจ ส่วนที่เห็นลำโพงข้างๆ คืออินเตอร์โฟน ไว้สำหรับกดสอบถาม
ครั้งแรกของผม… ขอแบบเลือกแบบธรรมดาหน่อยละกัน ^^;;
ผมเลือกพักที่โรงแรม Clover Nagoya เพราะมีห้องแบบไม่สูบบุหรี่ และมีคูปองส่วนลดจาก internet ด้วย
ขอใช้รูปจากเวปไซท์โรงแรม เพราะลืมถ่ายสภาพโดยรวมของห้องครับ มัวแต่ตื่นเต้นเจาะลึกเป็นส่วนๆ (ฮา)
คำอธิบายอัตราค่าบริการของห้องนี้ ตามในรูปครับ
ชั่วคราว
ค้างคืน
วันจันทร์-ศุกร์
ราคาเป็นชั่วโมง (5 และ 2 ชั่วโมง) ตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึงตี 2
ราคาค้างคืน ตั้งแต่ สองทุ่มถึงเที่ยงวัน
วันเสาร์
ราคาเป็นชั่วโมง (4 และ 2 ชั่วโมง) ตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึงเที่ยงคืน
ราคาค้างคืน ตั้งแต่ สองทุ่มถึงเที่ยงวัน
วันอาทิตย์และวันหยุดเทศกาล
ราคาเป็นชั่วโมง (4 และ 2 ชั่วโมง) ตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึงตี 2
ราคาค้างคืน ตั้งแต่ สองทุ่มถึงเที่ยงวัน
เมื่อกดปุ่มเลือกห้องแห่งชะตากรรม ไฟที่ป้ายก็จะดับ เราจะได้รับสลิปเบอร์ห้องมา (ใบซ้าย)
ให้เอาสลิปไปยื่นที่ช่องแคชเชียร์ ซึ่งเป็นช่องขนาดเล็กจิ๋ว โผล่ได้แค่มือ คู่รักที่มาใช้บริการจะได้ไม่ต้องเขินอายกลัวคนเก็บเงินจะเห็นหน้า (อย่างไรก็ดี… ปัจจุบันมีกล้องวงจรปิดติดไว้ล้อบบี้เพื่อความปลอดภัย… ดังนั้นก็ทำเป็นไม่เห็นมันไปละกันครับ)
พอดีว่าผมมีคูปองส่วนลดอยู่ เลยพยายามเจรจากันผ่านทางช่องเล็กๆ ซักพักคุณป้าแคชเชียร์คงเห็นว่าอีกะเหรี่ยงนี่คงพูดจากันไม่รู้เรื่อง เลยส่งพี่กล้ามหนวดเฟิ้มเดินพรวดพราดออกมาจากประตูด้านข้าง เล่นเอาตกใจ ซวยแล้วตรู สงสัยจะไม่ได้พักเลิฟโฮเต็ลเป็นแน่แท้ แล้วจะโดนพี่กล้ามโยนออกไปนอกโรงแรมไหมวะเนี่ย @_@;;
ที่แท้... พี่เขาพยายามมาอธิบายเป็นภาษาอังกฤษอย่างกระท่อนกระแท่นอยู่นานว่า ถ้าใช้คูปองต้องจ่ายก่อนแล้วจะทอนให้ตอนเช็คเอาท์นะเออ แม้จะฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างแต่ก็ได้เห็นถึงความพยายามและเซอร์วิสมายด์อย่างเต็มเปี่ยมของพนักงานคนนี้
โอ้... ช่างเป็นประเทศที่มีจิตบริการตั้งแต่นายกรัฐมนตรียันพนักงานม่านรูด...
หลังจากยื่นสลิปแล้วก็ให้ขึ้นลิฟท์ไปชั้นที่ต้องการเลย ไม่ต้องรับกุญแจ ไฟที่หน้าห้องของเราจะติดอยู่เห็นได้ชัดเจน
แล้วก็มาตกม้าตายอีกครั้งที่หน้าห้องนี่เอง เพราะเปิดประตูเข้าห้องไม่ได้ เหลือบไปเจอปุ่มสีแดงกับสีขาว เลยเดาเอาว่ามันจะต้องเป็นปุ่มใดปุ่มหนึ่งนี่แหละ ที่จะทำให้เราเข้าห้องได้!!
ถ้ากดพลาดมันจะกลายเป็นปุ่มระเบิดตัวเอง หรือจะมีสัญญาณเตือนภัยดังพร้อมมีตำรวจพุ่งเข้ามาล็อคตัวข้อหาอาชญากรรมรึเปล่าวะนี่?
ทำเอาแอบเครียดอยู่เกือบนาที ว่าแล้วก็ตัดสินใจวัดดวงกดปุ่มสีขาวละกัน
ปรากฎว่าเดาถูกแฮะ
พอกดปุ๊บ ก็มีเสียงดังแกร่ก แล้วก็เปิดประตูเข้าไปสู่ส่วนหน้าของห้องพักได้ ด้านในของประตู มีช่องส่งน้ำส่งอาหาร เหมือนนักโทษเลย (ประมาณว่าสามารถอะชึ้งอะดึ๊งกันได้ทั้งวันทั้งคืนโดยไม่ต้องโผล่มาดูหน้าใคร ถ้าหิวก็สั่งอาหารและเครื่องดื่มชูกำลังให้มาส่งผ่านทางช่องนี้
)
เหนือช่องส่งอาหาร ก็จะมีหน้าจอเครื่องสำหรับกดเช็คเวลาและราคา รวมถึงสามารถใช้รูดบัตรสมาชิกเพื่อเป็นส่วนลด เก็บแต้ม บลาๆ ได้ (ถ้าอ่านภาษาญี่ปุ่นออกนะ)
ในจอนี้ก็เป็นแบบค้างคืน ราคาเต็ม 8,800 เยน มีคูปองลด 30% เหลือแค่ 6,160 เยน แล้วผมก็ได้จ่ายไปก่อนแล้ว 8,000 เยน จึงเหลือเงินที่โรงแรมจะต้องทอนให้อีก 1,840 เยนก่อนออก (วุ่นวายดีแท้ แต่ก็แสดงไว้บนจออย่างละเอียด)
จากส่วนหน้าของห้องพัก เปิดประตูชั้นในเข้าไป ก็พบกับห้องพักอันกว้างขวาง สามารถวิ่งไปมาได้ 7-8 รอบ แตกต่างจากโรงแรมญี่ปุ่นทั่วไป ที่แค่กลิ้งตัวจากซ้ายไปขวาก็ติดผนังเสียแล้ว ยอดไปเลยจอร์จ~~~ (กรุณาดูรูปสภาพห้องโดยรวมที่อยู่ด้านบนๆ ประกอบ)
อุปกรณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้ นั่นก็คือ เตียง!!! ต้องรีบไปสำรวจเป็นอันดับแรก! ....ว่าใต้เตียงมีอะไรอยู่รึเปล่า? (เคยอ่านเจอว่า มีเหตุการณ์ฆ่ายัดศพใต้เตียงเลิฟโฮเต็ล… ยังไงก็ขอสำรวจไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย ^^;;)
ผลการสำรวจก็ดูปลอดภัยดี เตียงก็หนานุ่ม สะอาดสะอ้าน ไม่ยวบ ไม่มีกลิ่น ไม่มีเศษซากจากสมรภูมิก่อนหน้า (ฮา)
มีโซฟาให้พักผ่อน เปลี่ยนบรรยากาศและท่วงท่า (???)
บริเวณอ่างล้างหน้าหน้าห้องน้ำ และห้องสุขา มีชุดของใช้ในห้องน้ำโรงแรม (Amenities) อย่างเพียบพร้อม ขนาดโรงแรมห้าดาวในญี่ปุ่นยังต้องอาย
บรรดาโลชั่น หวี แปรง ครีมโกนหนวด อาฟเตอร์เชฟ สบู่ล้างมือ ล้างหน้า น้ำยาบ้วนปาก บลาๆ เพื่อสาวๆ จะได้แต่งตัวกันอย่างเต็มที่ก่อนออกจากโรงแรม
ห้องอาบน้ำก็ใหญ่โตโอฬาร ตีลังกาหลังใส่เกลียวได้ 1 รอบครึ่ง มีอ่างอาบน้ำให้ด้วย แม้ว่ามันจะเป็นสีชมพูแปร๋นก็ตาม… ^^”
อะ.. เกือบลืมบอกไปว่า ผนังห้องน้ำเป็นกระจกใสเกือบหมด จะว่าไปก็ไม่แตกต่างจากอีห้องน้ำแสนอีโรติกตามรีสอร์ตหรูในไทยสมัยนี้นั่นแหละครับ
เครื่องอาบน้ำเซ็ทมาตรฐาน แถมด้วยฟองน้ำถูตัว และสบู่เหลวสำหรับทำฟองในอ่างให้ดูเซ็กซี่...
ว่าแล้วก็ลองทำฟองสบู่ซะหน่อย แต่ส่งสัยน้ำร้อนไป ฟองก็เลยออกแนวแฟบๆ มากกว่าฟูๆ
ห้องสุขาสะอาดสะอ้าน ดูดีมีชาติตระกูล แถมมีรูปประดับด้วยนะเออ
ชักโครกไฮเทค อุ่นตรูด ฉีดน้ำหน้า-หลัง เป่าลมร้อน นวดรูทวาร ได้ครบครัน
ตู้ใส่ Complementary ชาเขียว ชาจีน กาแฟ น้ำร้อน สแน็ค 2 อย่าง ฟรีหมด
เครื่องฟอกอากาศ ปรับความชื้น ฆ่าเชื้อด้วยระบบพลาสม่า!
ในตู้เย็น เป็นมินิบาร์เครื่องดื่มต่างๆ และบัตรสมาชิก (เผื่อติดใจจะได้หยิบทันที) ถูกใจอะไรก็กดปุ่มสีแดง แล้วมันก็จะออนไลน์ไปรวมในบิลให้เราจ่ายเพิ่มตอนออก...
ปกติในส่วนนี้ของเลิฟโฮเต็ลบางแห่ง ก็จะมีอุปกรณ์ให้เรากดออกมาใช้เพิ่มสีสันให้กับชีวิต (?) เช่น อุปกรณ์สั่นสะเทือน เครื่องดื่มบำรุงกำลัง ชุดคอสเพลย์ กุญแจมือ ฯลฯ
นี่แหละที่คนไทยส่วนใหญ่ (รวมทั้งผมด้วย) อยากเห็นมากกกก~~~
ทว่า.... โรงแรมนี้ช่างธรรมดาสิ้นดี จนไม่มีบริการส่วนนี้ในห้อง ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก รู้งี้เลือกที่มันหวือหวากว่านี้ดีกว่า T^T
บนหัวเตียงมีแผงควบคุมสวิตช์ไฟต่างๆ ในห้อง...
แล้วปุ่มหมุนเตียง สั่นเตียง มันอยู่ไหนกัน!!!???
บนเพดานก็ไม่มีกระจกด้วย!!
สิ้นหวังแล้ว~~~!! orz
เดชะบุญคุณพระช่วย ยังดีที่มีอุปกรณ์ควบคุมจำนวนมวลมนุษยชาติตราโลมาสะกิดปั๋ว ให้มา 2 ชิ้น.... แปลว่าต้องเบิ้ลสินะถึงจะคุ้ม?
หลังสิ้นหวังในชีวิต ก็หันไปพึ่งอุปกรณ์เอนเตอร์เทนเมนต์ จอ LCD ขนาดยักษ์
มีคาราโอเกะฟรีให้ด้วย โอ้ว พระเจ้าจอร์จมันยอดมาก~~
น่าเสียดายมีแต่เพลงญี่ปุ่น orz
นอกจากนี้ยังมีรายการทีวีให้ดูอีกมากมาย ทั้งช่อง NHK เด็กดี ข่าว กีฬา และช่องการ์ตูนความคมชัดระดับ hi-def ในจอข้างหลังนั่นกำลังเปิดมาครอสฟรอนเทียร์อยู่ ภาพชัดแจ๋วมาก
นอกจากนี้ก็ยังมีมีช่องเพื่อการศึกษา(?) ที่คนไทยใฝ่ฝัน
ที่สำคัญ ฟรี!!! ไม่มีอั้น!! จำนวน 3 ช่องการศึกษา!!
ช่องการศึกษาจริงๆ นะครับ... เห็นมั้ยยังใส่ชุดนักเรียนอยู่เลย... (ฮา)
มีม้าหมุนเครื่องเล่นสำหรับคู่รัก
มีอุปการณ์เสริมพิเศษ 1
มีอุปการณ์เสริมพิเศษ 2 ห้องอาบน้ำ
มีอุปการณ์เสริมพิเศษ 3 เบาะนวดน้ำมัน
และอื่่นๆ อีกมากมาย
ที่มา: http://www.japan-guide.com/e/e2031.html
http://popwuping.com/places/japans_love_hotels/
http://en.wikipedia.org/wiki/Love_hotel