ฟิลเลอร์ ภาษาอังกฤษใช้ Fillers เป็นวิธีศัลยกรรมความงามอย่างหนึ่ง cosmetic surgery อธิบายได้สั้นๆ ว่า เป็นเทคนิคการฉีดสารเติมเต็ม มีทั้งฉีดผิวหน้า ฉีดจมูก ฉีดปาก ฉีดใต้ตา

ฟิลเลอร์ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วง 1-2 ปีนี้ เนื่องจากสะดวกกว่าการผ่าตัด อาศัยการใช้สารไฮยาลูโรนิกแอซิด ซึ่งเชื่อกันว่ามีความปลอดภัย มาเติมเต็มและปั้นเป็นเนื้อเยื่อบริเวณต่างๆ ได้

สมาคมแพทย์ผิวหนังประเทศไทยให้ความรู้ว่า ผิวหนังมีส่วนประกอบสำคัญ คือ ใยคอลลาเจน ทำให้เกิดความแข็งแรงและผิวยืดหยุ่น ที่เรียกว่าผิวเต่งตึง แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ใยคอลลาเจนจะลดลง ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง เช่น ผิวบางลง เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่น เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวจึงมีการคิดวิธีการเติมเต็ม ด้วยการฉีดสารเข้าไปทดแทน

ฟิลเลอร์ หากเป็นสารที่ได้รับการขึ้นทะเบียน เช่น กลุ่ม ไฮยาลูโรนิกแอซิด จะมีการสลายไปตามธรรมชาติ ประมาณ 4-6 เดือน

ในระยะแรก การฉีดสารทดแทน มีการใช้คอลลาเจน ที่ผลิตจากสารสังเคราะห์จากสัตว์ ทำให้พบผลข้างเคียง คือ เกิดอาการแพ้สูง ทำให้มีการยกเลิกการใช้ไปในต่างประเทศ ส่วนสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประเทศไทย ไม่เคยอนุญาตการใช้สารคอลลาเจนเพื่อฉีดเข้าร่างกาย

นอกจากนี้ ยังมีสารแบบกึ่งถาวรมีอายุการใช้งานประมาณ 2 ปี และแบบถาวร เช่น ซิลิโคน พาราฟิน ที่ฉีดแล้วจะไม่สลายตัว ซึ่งอย.ไม่อนุญาตให้ใช้ โดยทั้งแบบกึ่งถาวรและถาวร ปัจจุบันถือว่าไม่เป็นที่นิยม เพราะมีผลข้างเคียงระยะยาว บางรายมีการอักเสบเน่า จนทำให้ต้องตัดเนื้อบริเวณที่ทำทิ้ง ทำให้เกิดความเสียหายขึ้น

การเลือกวิธีฟิลเลอร์ มีสิ่งที่ต้องพิจารณา คือ ความปลอดภัยของสาร ต้องเลือกสารที่ได้รับอนุญาตจากอย. เลือกสถานที่ ฉีดที่ได้มาตรฐาน สะอาด มีเครื่องมือในการช่วยชีวิตหากเกิด เหตุฉุกเฉิน และเลือกแพทย์ที่มีความรู้อย่างดี เพราะแม้ว่าจะใช้สารที่ปลอดภัย แต่หากผู้ทำไม่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ก็เกิดอันตรายได้

อาการแทรกซ้อน แม้จะเลือกสารที่มีความปลอดภัย พบว่า ผลแทรกซ้อนเกิดได้จากเทคนิคการทำ เช่น ผื่นแดง ที่เกิดจากรอยเข็ม รอยนูนมากเกินไปที่ผิวหนัง เพราะโมเลกุลของสารไม่เหมาะสม หรือฉีดตื้นเกินไป การเคลื่อนย้ายสารไปตำแหน่งอื่น เช่น ทำดั้ง แล้วสารไหลไปที่ปลายจมูก

อาการที่น่าเป็นห่วงมาก ที่ต้องรู้คือ 1 ฉีดโดนเส้นเลือด และสารไหลไปบริเวณสำคัญ เช่น จมูก มีแขนงหลอดเลือดเชื่อมไปที่ตา ก็ทำให้ตาบอดได้ ฉีดเข้าหน้าอก หรือสะโพก หากโดนเส้นเลือดดำก็จะไปที่ปอด ทำให้อุดกั้นจนขาดอากาศหายใจ และสมองตาย

หรือหากอุดกั้นบริเวณเลือดที่ไปเลี้ยงที่ขา ก็จะส่งผลให้เป็นอัมพาต หรือขาดเลือดได้

การศัลยกรรมนั้นมีความเสี่ยงเช่นกัน ไม่ใช่จะมีแต่ความสวย ดังนั้น ควรหาข้อมูลในสิ่งที่จะทำในแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เช่น เว็บไซต์สมาคมแพทย์ผิวหนัง สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่ง

แต่ที่สุดแล้วหากเรามีความมั่นใจและเชื่อมั่นในตัวเองแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องอาศัยวิธีศัลยกรรมใดๆ