อดีต อส.ทหารพรานแถลงปูดขน"สไนเปอร์"ร่วมม็อบ นายทุนสวนปาล์ม จ.ตรังลงขัน ปัดเคยเป็นการ์ด นปช.

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 21 พฤศจิกายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ได้นำตัวนายเต้ย จักราช อายุ 23 ปี อาชีพอาสาสมัครทหารพราน สังกัดกรมทหารพรานที่ 42 อ.เทพา จ.สงขลา ร่วมแถลงข่าวถึงกรณีการขนอาวุธเข้ามาในพื้นที่ชุมนุมที่ถนนราชดำเนิน โดยนายสุภรณ์กล่าวว่า นายเต้ยได้ให้ข้อมูลและบันทึกปากคำต่อ พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงและ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้สอบปากคำ และ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สอบปากคำด้วย นอกจากนี้ ได้ส่งหนังสือลับที่สุดจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยรายงานให้นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อเรียนต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับทราบเรียบร้อยแล้ว และได้ทำหนังสือลับที่สุดถึง พล.ท.ภราดร และ พล.ต.อ.ประชา และผบ.ตร.เช่นกัน


นายสุภรณ์กล่าวว่า ภารกิจของตนได้เสร็จสิ้นแล้ว ต่อจากนี้ก็เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่จะต้องหาข้อเท็จจริง โดยดำเนินการสืบสวนสอบสวนต่อไป เพื่อสะท้อนให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แกนนำผู้ชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ออกมายอมรับและพูดความจริงว่า ได้สั่งการกลุ่มนายทุนพ่อค้าสวนปาล์ม จ.ตรัง เข้าไปร่วมประชุมที่กองร้อยทหารพราน 42 จริงหรือไม่ และได้มีการสั่งเตรียมอาวุธเหมือนกับที่นายเต้ยระบุไว้ว่ามีการส่งไปให้ "นายหัวเทพ" จริงหรือไม่ อีกทั้งยังสะท้อนเตือนถึงการชุมนุมในครั้งนี้ น่าจะมีอาวุธที่ได้ขนขึ้นมาเตรียมก่อเหตุ และบอกให้ประชาชนที่จะมาร่วมชุมนุมว่ามีความพยายามจะขนอาวุธมาจริง ซึ่งหากมาชุมนุมในครั้งนี้ อาจไม่ปลอดภัย


"ภารกิจของนายเต้ยได้ทำในฐานะพลเมืองดี แต่ก็ดันมาถูกทำร้ายอีก ขอยืนยันว่าไม่ได้กุข่าว โดยมีพยานบุคคลชัดเจน ทั้งนี้ ผมไม่เคยรูจักและสนิทสนมกับนายเต้ยมาก่อน ผมไม่กล้ากล่าวหานายสุเทพ โดยไม่มีหลักฐาน เพราะอาจถูกฟ้องร้องได้" นายสุภรณ์กล่าว


ผู้สื่อข่าวถามถึงการประสานไปยังกองทัพถึงเรื่องดังกล่าว นายสุภรณ์กล่าวว่า ไม่สามารถเข้าไปก้าวล่วงการทำหนังสือส่งไปยังกองทัพได้ อย่างไรก็ตาม ได้มีการทำหนังสือส่งไปยัง พล.ต.อ.ประชา และ พล.ท.ภราดร แล้ว เพื่อประสานยังกองทัพ ในการตรวจสอบข้อเท็จจริง


เมื่อถามว่า บุคคล 7 คนที่มีการระบุว่าอยู่ในห้องประชุมที่กองร้อยทหารพราน 42 ใครเป็นหัวหน้าการประชุม นายเต้ยกล่าวว่า ในที่ประชุมมีข้าราชการ 4 คน แต่งชุดเครื่องแบบทหาร 2 คน ยศพันตรี และอีก 3 คน เป็นบุคคลภายนอก ซึ่งไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน


เมื่อถามว่า เมื่อไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แล้วรู้ได้อย่างไรว่าเป็นนายทุนสวนปาล์ม จ.ตรัง นายเต้ยกล่าวว่า มีเพื่อนเล่าให้ฟังว่านายทุนคนนี้อยู่ที่ อ.กันตัง จ.ตรัง


เมื่อถามว่า ในกล่องที่เห็นเป็นอาวุธสไนเปอร์จริงหรือไม่ นายเต้ยกล่าวว่า เป็นสไนเปอร์จริง โดยตนเป็นคนยกกล่องนั้นเข้าไปในห้องประชุม โดย 1 กล่องได้บรรจุสไนเปอร์ 1 กระบอก มีทั้งหมด 7 กล่อง ส่วนขั้นตอนการขนย้ายนั้นไม่เห็น เพราะน่าจะมีการขนย้ายตอนค่ำ ส่วนสาเหตุที่ถูกซ้อมในห้องประชุมนั้น มาจากตนได้ถูกถ่ายคลิปไว้ ขณะกำลังคุยโทรศัพท์หลังยกกล่องสไนเปอร์ ซึ่งมีการขอเรียกดูโทรศัพท์ว่าได้มีการติดต่อใครหรือไม่ ซึ่งได้โทร.คุยกับมารดา


เมื่อถามว่า ถูกซ้อมที่ส่วนใดของร่างกาย นายเต้ยกล่าวว่า ถูกเตะที่ซี่โครงด้านขวา เมื่อผู้ข่าวให้แสดงร่องรอยที่ถูกทำร้ายร่างกาย นายเต้ยหยุดตอบคำถามสักพักจนนายสุภรณ์ ต้องเป็นผู้ตอบคำถามแทนว่า นายเต้ยถูกเตะมาหลายวันแล้วและมีร่องรอยการช้ำไม่มาก คงไม่ถึงขนาดต้องแสดงให้ดู


เมื่อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ ว่าการเปิดเผยข้อมูลในครั้งนี้ไม่มีการเมืองอยู่เบื้องหลัง ในการดิสเครดิตฝ่ายตรงข้าม นายเต้ยกล่าวว่า ขอยืนยันว่าเรื่องที่พบเห็นเป็นความจริงทุกประการไม่มีการจ้าง เพราะทำเพื่อประเทศชาติ ไม่อยากเห็นใครตายอีก และอยากให้บ้านเมืองสงบสุข จึงต้องเสี่ยงออกมา


เมื่อถามว่า จากนี้มั่นใจในความปลอดภัยของตัวเองหรือไม่ นายเต้ยกล่าวว่า มั่นใจว่าทางรัฐบาลจะให้ความปลอดภัยได้ 


เมื่อถามว่า ก่อนที่จะเป็นอาสาสมัครทหารพรานได้เคยเป็นการ์ดของกลุ่ม นปช.มาก่อนหรือไม่ นายเต้ยกล่าวว่า ไม่เคยเป็นและไม่เคยขึ้นมาที่กรุงเทพฯ

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...